รมว.กลาโหมลงนามเห็นชอบถอดยศ-เรียกเบี้ยหวัดคืน “อภิสิทธิ์” หน.ปชป.แล้ว ยืนยันมีข้อมูลใช้เอกสารเท็จ ไม่กลัวฝ่ายค้านยื่นถอดถอน ลั่นทำไปตามขั้นตอน ไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง
วันนี้ (8 พ.ย.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงผลการพิจารณาถอดยศนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้ตนได้ลงนามเห็นชอบในมติของคณะคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอดยศและเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ และจะดำเนินการถอดยศ จากนั้นจะส่งให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้มีการตั้งธงเรื่องนี้อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เรามีข้อมูลหลักฐานถึงความไม่ชอบมาพากล และพบว่าผิดจริง เมื่อผิดจริงต้องทำตามขั้นตอน ส่วนที่ผู้นำฝ่ายค้านจะส่งหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมนั้น ถ้าอยากส่งก็ส่งมา ตนพร้อมให้ความเป็นธรรมเสมอ ก่อนหน้านี้ เราให้เวลาเขาไปแล้ว และมีการทำหนังสือตอบโต้กันไปมา แต่ไม่เห็นมีการส่งหลักฐานมาเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า การถอดยศนายอภิสิทธิ์จะทำให้ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนท่านออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่ทราบว่าฝ่ายค้านคิดอย่างไร เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างทำตามขั้นตอน และมีการตั้งคณะกรรมการฯ อย่างถูกต้อง ตนมีหลักฐานทุกอย่าง ถ้าเขาทำตนได้ ตนก็ทำเขาได้เช่นกัน ทั้งนี้ หากในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภา ฝ่ายค้านหยิบประเด็นการทำหน้าที่ถอดยศ ตนพร้อมจะชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา และจะแจกแจงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ทำผิดขั้นตอนอย่างไรให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง และไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ เราทำเอง แต่มีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วก็มีส่งมายังตนส่วนที่ฝ่ายค้านได้ยื่นถอดถอนในประเด็นการทุจริตเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น รมว.คมนาคมนั้น ตนยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องไหน และอย่างไร ซึ่งเร็วเกินไป ขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมข้อมูล แต่คิดว่าไม่มีปัญหา มั่นใจว่าตอนดำรงตำแหน่งเป็น รมว.คมนาคม ไม่ได้ทำอะไรผิด และก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.มล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอดยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งผลการพิจารณาให้แก่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามเซ็นคำสั่งรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการได้มีข้อเสนอใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร 2.การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง และ 3.เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหลังจาก รมว.กลาโหมลงนามรับทราบเสร็จจะส่งเรื่องกลับไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อยกเลิกเพิกถอนคำสั่งการบรรจุเป็นนายทหารยศร้อยตรี จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังกรมเสมียนตราเพื่อพิจารณาทำเรื่องไปยังสำนักราชเลขา ขอพระราชทานพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้มีการถอดยศของ นายอภิสิทธิ์ ต่อไป ซึ่งขั้นตอนในการถอดยศยังต้องใช้เวลาอีกนานในการดำเนินการ
“การถอดยศไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ผ่านมา เคยมีการถอดยศมาโดยตลอด ทั้งนี้ยืนยันว่าคณะกรรมการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ตรวจสอบตามข้อเท็จจริงโดยมีคณะกรรมการทั้งหมด 9 คนล้วนแต่เป็นหัวหน้าส่วนราชการทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องคนที่เป็นพวกเดียวกันขึ้นมาเป็นคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 9 คนมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าเอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ เป็นเอกสารเท็จ ทั้งนี้แม้ว่าในเรื่องของคดีอาญาจะหมดอายุความไปแล้ว แต่ในเรื่องของวินัยทหารไม่มีอายุความสามารถที่จะลงโทษนายอภิสิทธิ์ ด้านวินัยทหารได้ เพราะถือว่านายอภิสิทธิ์ใช้เอกสารเท็จในการยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนเป็นทหารโดยมีความผิดตั้งแต่แรก ทั้งนี้ คาดว่าภายในวันจันทร์ที่ 12 พ.ย.นี้จะรู้ผลว่าจะมีการลงโทษ นายอภิสิทธิ์ อย่างไร ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการได้ให้เวลานายอภิสิทธิ์ มาชี้แจงในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ อ้างมาตลอดว่าขอเวลาในการที่จะรวบรวมเอกสารและข้อมูล ซึ่งทางคณะกรรมการได้ให้เวลานายอภิสิทธิ์ ชี้แจงมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้ยื่นเอกสารชี้แจงแต่อย่างใด ทางคณะกรรมการจึงได้สรุปผลให้แก่ รมว.กลาโหม” แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมเผยอีกว่า หลังจากนี้จะเป็นกระบวนการขั้นตอนลงโทษทางวินัยแก่นายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีโทษทางวินัยตั้งแต่ ภาคทัณฑ์ ทัณฑกรรม กัก ขัง และจำขัง รวมถึงการให้ออกจากราชการ และไล่ออก ซึ่งขณะนี้นายอภิสิทธิ์ ยังคงครองยศร้อยตรีอยู่ เพียงแต่นายอภิสิทธิ์ เลือกจะไม่ใช้ยศร้อยตรีนำหน้าชื่อ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ หมดสิทธิที่จะนำข้อมูล หรือเอกสารมาชี้แจงกับทางกระทรวงกลาโหมแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการพิจารณาในส่วนของกระทรวงกลาโหมแล้ว ส่วนต่อไปนายอภิสิทธิ์จะยื่นฟ้องศาลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวของนายอภิสิทธิ์เอง ส่วนนายทหารที่เอื้อประโยชน์ให้นายอภิสิทธิ์ ที่ทำเอกสารเท็จขึ้นมานั้น เป็นเรื่องที่ทางกระทรวงกลาโหมกำลังพิจารณาต่อไปว่าจะเอาผิดได้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากบางคนก็เกษียณอายุราชไปแล้ว และบางคนก็ได้ลาออกไป เพราะเรื่องนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว