“อภิสิทธิ์” เชื่อกลาโหมเร่งเครื่องถอดยศ “ร้อยตรี” เป็นเรื่องการเมืองหวังดิสเครดิตช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ โวยสุดมั่วทำหนังสือให้ชี้แจงแต่ไม่บอกประเด็น ยันใช้สิทธิโต้แย้งแน่ พร้อมแนะสังคมจับตารัฐบาล 2 มาตรฐาน “ทักษิณ” ถูกศาลสั่งจำคุก และยึดทรัพย์กลับไม่ถูกถอดยศทั้งที่เข้าเกณฑ์ชัด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงกรณีที่มีขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงการใช้วิธีตอบโต้กลับ อย่างไรก็ตาม มีความมั่นใจในข้อมูลที่จะอภิปรายซึ่งบางส่วนเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีการเผยแพร่มาก่อน โดยในการอภิปรายจะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงาน รวมถึงยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่ทำผิดกฎหมาย และทุจริต ซึ่งที่ผ่านมา พรรคก็ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลนับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศอยู่แล้ว ทั้งนี้ เชื่อว่าจะมีความพยายามสร้างกระแสว่าข้อมูลของฝ่ายค้านเป็นการตัดแปะเพื่อทำลายน้ำหนักของฝ่ายค้าน รวมถึงนำเอาเรื่องถอดยศร้อยตรีของตนมาเป็นประเด็นการเมืองในช่วงที่กำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมอ้างว่าให้โอกาสตนไปชี้แจงแต่ไม่ยอมไปว่า ตนได้รับจดหมายเชิญ และได้สอบถามบางประเด็นกลับไป รวมถึงยืนยันว่า ยินดีให้ความร่วมมือไปชี้แจง เพราะการอ้างอิงในการสอบเรื่องนี้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ตนตรวจสอบ อีกทั้งยังไม่ตรงกับคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ด้วย จากนั้นก็มีจดหมายมาถึงตนอีกฉบับหนึ่งให้ไปชี้แจงในวันที่ 6 พ.ย.แต่ตนมีภารกิจที่ฮ่องกง และยังทำหนังสือยืนยันไปยังกระทรวงกลาโหมอีกครั้งเพื่อขอทราบประเด็นที่ชัดเจนว่าจะให้ไปชี้แจงในเรื่องใด แต่กลับมีการให้ข่าวว่าตนไม่ยอมไปชี้แจง
“เป็นเรื่องแปลกมาก ข้อกล่าวหาก็ไม่ได้บอกชัดว่าเป็นการใช้หลักฐานเท็จ แต่บอกว่ามีคนร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการสมัครเข้ารับราชการไม่ถูกต้อง ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน และจะรักษาสิทธิโต้แย้งในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง”
นายอภิสิทธิ์ อธิบายว่า 1.ตนเข้ารับราชการทหาร ต้องฝึกทหาร ตนไม่ได้หลีกเลี่ยงการทำหน้าที่ตรงนี้ 2.ข้อกล่าวหาที่มีในระยะหลังเป็นเรื่องที่อ้างว่าเอกสารไม่ถูกต้อง ไม่เข้าเกณฑ์ ทั้งที่เคยมีการสรุปเรื่องนี้ในทางตรงกันข้ามไปแล้ว ทั้งภายในของกระทรวงกลาโหม รัฐบาล และ ป.ป.ช. จึงแปลกใจที่อยู่ดีๆ จะมาสรุปอย่างนี้ ที่อ้างว่ามีการรับตนเข้าไปไม่ถูกต้องก็เป็นเรื่องแปลกเพราะไม่มีการไปดำเนินการอะไรเลยกับคนที่รับตน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจ และเอกสารทั้งหมดก็ออกให้โดยราชการทั้งสิ้น
ส่วนที่รัฐบาลไม่มีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก 2 ปี และถูกยึดทรัพย์นั้นต้องติดตามว่าเป็นเรื่องสองมาตรฐานหรือไม่ เพราะกรณีนี้ตามระเบียบชัดเจนว่าต้องถอดยศ ซึ่งในรัฐบาลของตนก็มีการพิจารณาแต่มีการโต้แย้งจากหลายฝ่าย จึงมีการส่งเรื่องให้กฤษฎีกาให้ความเห็น ได้ความเห็นมาว่าถอดยศได้เลย แต่กลับมีการเสนอให้ชะลอไว้ก่อนโดยอ้างว่าจะมีผลกระทบทางการเมือง
