โฆษก พท.เรียกร้อง “อภิสิทธิ์” แสดงสปิริตลาออกจาก ส.ส.หลังกลาโหมไฟเขียวถอดยศ และเรียกคืนเบี้ยหวัด อาจารย์ ร.ร.นายร้อย จปร.เชื่อ ขาดคุณสมบัติ ส.ส.แน่ ด้าน “กมล” ระบุ ป.ป.ช.ไม่เคยวินิจฉัยให้ยุติการสอบสวนเอกสารเท็จ แค่ให้ยุติเรื่อง เพราะกลาโหมดำเนินการอยู่ เรียกร้องแสดงสปิริต
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหม เซ็นคำสั่งถอดยศ “ร้อยตรี” ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน รวมทั้งให้เรียกคืนเบี้ยหวัดบำนาญ ในกรณีการใช้เอกสารเท็จในการเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการโรงเรียนนายร้อย จปร.ว่า เรื่องนี้ประชาชนได้ให้ความสนใจ รวมทั้งสังคมก็ติดตามอย่างใกล้ชิดว่าอดีตผู้นำประเทศ และเป็นผู้นำฝ่ายค้านในปัจจุบันนั้น มีการใช้เอกสารเท็จจริงหรือไม่ ซึ่งเมื่อกระทรวงกลาโหม เซ็นคำสั่งให้ถอดยศ และเรียกคืนเบี้ยหวัดบำนาญแล้วนั้น แม้ว่าทางคดีอาญาจะหมดอายุความไปแล้ว แต่เรื่องทางวินัยยังคงมีอยู่ คือ การปลดออกหรือให้ออก ดังนั้น ตรงนี้จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ด้วยว่ายังมีคุณสมบัติที่จะเป็น ส.ส.อยู่หรือไม่
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนมองว่า เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ ควรจะต้องรับผิดชอบทางการเมือง และทางจริยธรรม โดยอยากให้นายอภิสิทธิ์ แสดงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ และความเป็นนักการเมืองอาชีพเหมือนกับ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหวัหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เคยถูกพรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบ แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต.ยังไม่มีคำตัดสินก็ตาม แต่ นายยงยุทธ ก็ได้สร้างบรรทัดฐานด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรคที่เก่าแก่เกินกว่า 60 ปี และอยู่ในแวดวงการเมืองมานานก็น่าจะสร้างบรรทัดฐานให้กับคนรุ่นหลัง ตามที่เคยประกาศไว้ว่าความรับผิดชอบทางการเมือง จะต้องมาก่อนความทางกฎหมาย
นายกมล บันไดเพชร ผู้ร้องคดีการเรียกเงินคืนและถอดยศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ อ้างว่า ป.ป.ช.สรุปให้ยุติการสอบสวนเรื่องการใช้เอกสารเท็จในการเข้ารับราชการ ร.ร.นายร้อย จปร.แล้ว ว่า ตนไม่เคยร้องเรียน ป.ป.ช.ให้สอบสวนนายอภิสิทธิ์ กรณีหนีทหาร หรือการใช้เอกสารเท็จในการเข้ารับราชการที่ ร.ร.นายร้อย จปร.เลย เพราะตนเชื่อในผลการสอบสวนภายในของกระทรวงกลาโหม เมื่อปี 2542 ที่สรุปว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่เข้ารับการตรวจเลือก และไม่มีสิทธิ์เข้ารับราชการที่ ร.ร.นายร้อย จปร.
ดังนั้น จึงใช้ผลการสอบสวนภายในของกระทรวงกลาโหม เป็นหลักฐานเพื่อร้องเรียน ป.ป.ช. ให้รัฐมนตรีกลาโหมดำเนินการตามกฎหมาย เรียกเบี้ยหวัด และเงินเดือนของ นายอภิสิทธิ์ คืนหลวง ซึ่งเมื่อ ป.ป.ช.รับเรื่องและสอบสวนแล้ว เห็นว่า เรื่องอยู่ในระหว่างการดำเนินการของรัฐมนตรีกลาโหม จึงไม่มีเหตุว่า รัฐมนตรีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช.จึงสั่งยุติสอบในส่วนนี้ ไม่เกี่ยวกับว่าไม่มีความผิดตามที่นายอภิสิทธิ์กล่าวอ้าง
นายกมล กล่าวว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเรื่องทางการเมืองนั้น จะถือว่าเป็นเรื่องการเมืองก็ได้ เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นนักการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ชอบแสดงตนว่าเป็นคนดี เป็นนายมาร์ค ทองแท้ ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่มาร์ค ทองชุบ พอทองลอกคนก็เห็นเนื้อในว่าตัวเองเป็นอย่างไร ก็โวยวาย โทษนั่นโทษนี่ หาว่าโดนกลั่นแกล้งหรือเป็นเรื่องทางการเมือง ทั้งๆ ที่มีหลักฐานปรากฏความผิดชัดเจน นายอภิสิทธิ์ เคยกล่าวว่า การเป็นนักการเมืองต้องมีคุณธรรม จริยธรรม เหนือกว่าคนปกติทั่วไป ในประเทศประชาธิปไตยแถบยุโรปถ้า ส.ส.มีเรื่องอื้อฉาวในทางเสียหาย เขาจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เมื่อครั้ง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาเรียกร้องให้รับผิดชอบทางการเมือง ซึ่ง นายยงยุทธ ก็ได้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองทุกตำแหน่ง จึงอยากเห็น นายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นถึงหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรี จะแสดงความรับผิดชอบกับความผิดที่ตัวเองเป็นผู้ก่อไว้ เหมือนที่อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แสดงไว้เป็นตัวอย่าง