หน.ปชป. สวด “สุกำพล” เร่งถอดยศเซ็นคำสั่งผิด กม.ไม่เปิดโอกาสให้แย้ง เจตนากลั่นแกล้ง อัดสื่อเชลียร์ รบ.ตีข่าวล่วงหน้า ชี้วางแผนไว้แต่แรกกะให้เลิกเล่นการเมือง พร้อมยื่นศาล ปค.สู้ ซัดส่อเจตนาล้มญัตติอภิปรายหลังยื่นคำสั่งวันเดียวกัน เชื่อเล่นปมไล่ออกจาก รชก. แต่ลั่นไม่กระทบซักฟอก ดักอย่าแถอ้างผู้ตรวจฯ-กฤษฎีกาจี้ เหตุเรื่องไม่สิ้นสุด เทียบเคส “เต้น-ปึ้ง-แม้ว” ตัดสินแล้วดันนิ่ง อัด รบ.ลุแก่อำนาจต้องยก กม.สู้
วันนี้ (9 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม มีคำสั่งปลดออกจากราชการ และถอดยศ ว่า ตนยืนยันว่าสิ่งที่ รมว.กลาโหม และคณะกรรมการดำเนินการเป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง เพราะมีความผิดสังเกตในเรื่องเร่งรัด และรีบสรุปทั้งที่ตนมีหนังสือไปสองครั้งแสดงเจตนาชัดเจนว่าพร้อมที่จะไปให้ข้อมูล แต่ต้องการทราบประเด็นที่ชัดเจน และเอกสารที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อกรรมการได้รับหนังสือของตนทั้งสองฉบับ และรัฐมนตรีก็ทราบว่าตนจะยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรม และน่าจะถึง รมว.กลาโหมวันนี้ แต่ พล.อ.อ.สุกำพล กลับรีบที่จะดำเนินการกับตน แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาที่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนคำสั่งที่เซ็นไป และมีผลกระทบกับตนนั้น ตนมั่นใจว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นในเนื้อหาสาระ หรือกระบวนการที่เป็นที่มาของคำสั่งฉบับนี้ จึงให้ทางฝ่ายกฎหมายร่างการโต้แย้งเพื่อให้ศาลปกครองวินิจฉัยเพิกถอนคำสั่งที่มากระทบสิทธิของตน ถือเป็นการใช้กระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยต้องรอคำสั่งของกระทรวงกลาโหมก่อนเพราะถ้ามีคำสั่งที่กระทบกับตนก็ต้องแจ้งมาที่ตนด้วย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า หนังสือจากคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมมาถึงตนวันที่ 22 ต.ค.55 ซึ่งตนก็ใช้สิทธิตามกฎหมายว่า เมื่อจะสอบสวนที่กระทบกับสิทธิของตนขอทราบข้อกล่าวหาที่ชัดเจน รวมทั้งเอกสารที่ใช้เป็นพื้นฐานเพื่อให้ตนไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ก็ควรให้ตนได้มีโอกาสทราบความชัดเจนของเอกสารที่เกี่ยวกับการกล่าวหาจะได้ชี้แจงถูก ซึ่งมีการส่งหนังสือกลับมาอีกครั้งในวันที่ 2 พ.ย.55 โดยอ้างว่า เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวซึ่งตนควรทราบรายละเอียดอยู่แล้ว และกำหนดให้ไปชี้แจงในวันที่ 6 พ.ย.55 ตนจึงตอบกลับไปว่าสิ่งที่อ้างอิงในข่าวเป็นคนละประเด็นกับสิ่งที่ตนขอ อีกทั้งในวันที่ 5-6 พ.ย.55 ตนได้รับเชิญไปฮ่องกงซึ่งเป็นนัดหมายล่วงหน้า ถ้าไม่รับฟังข้อโต้แย้งของตนก็ควรจะแจ้งกลับมาว่าจะให้ไปให้การวันที่เท่าไหร่ แต่ทั้งๆ ที่ตนขอเลื่อนเพราะไม่อยู่ในประเทศแต่คณะกรรมการกลับสรุปเลย เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะถูกต้องอยู่แล้ว และที่อ้างว่าให้เวลาสองสัปดาห์แต่ไม่ยอมชี้แจงนั้น ตนไม่ได้เพิกเฉยแต่มีหนังสือโต้แย้ง และทางกลาโหมก็ตอบกลับมา
“เรื่องนี้ผิดปกติอยู่แล้วทั้งหมดเป็นการตั้งธง แม้กระทั่งกำหนดเวลาว่าจะต้องเป็นเวลานี้ คือ 6 พ.ย.55 จะต้องจบไม่ว่าข้อเท็จจริง หรือความถูกต้องในกระบวนการสอบจะเป็นอย่างไร แต่เขาตั้งธงเรียบร้อย สื่อมวลชนบางค่ายในเครือข่ายของรัฐบาล ส.ส. รัฐมนตรี ก็เขียนไว้ล่วงหน้า ซึ่งผมคิดว่าเขาต้องการกำจัดผมออกจากเวทีการเมืองเลยเพราะเป็นเป้าหมายของเขามานานแล้ว เพราะรัฐบาลนี้ใครที่ไม่เห็นด้วยกับเขา เขาก็ไม่ปล่อยให้อยู่ได้ตามปกติ ใช้กลไกรัฐเข้ามา ผมเตือนแล้วว่าการกระทำอย่างนี้จะย้อนยุคกลับไป และจะเกิดปัญหาตามมา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จังหวะเวลาที่ออกคำสั่งนี้ในวันเดียวกับที่ฝ่ายค้านยื่นถอดถอน 3 รัฐมนตรี คิดว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่าทั้งหมดต้องการให้เป็นประเด็นทางการเมือง และคงพยายามที่จะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ให้ความมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่หวั่นไหวจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะที่อ้างเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดินไม่เป็นความจริงอยู่แล้ว เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินสอบเรื่อง รมว.กลาโหมไม่ดำเนินการกับตน เมื่อมีการตั้งกรรมการสอบผู้ตรวจการแผ่นดินก็ให้ยุติเรื่องไปแล้ว เพียงแต่ขอให้กระทรวงกลาโหมแจ้งให้ทราบเมื่อดำเนินการเสร็จเท่านั้น ส่วนที่อ้างกฤษฎีกาก็ไม่จริงเพราะตนตรวจสอบไปตามที่มีการอ้างว่า กฤษฎีกาแจ้งว่าให้ดำเนินการได้เลยนั้นไม่จริง เพราะกฤษฎีกาให้ความเห็นว่าเรื่องนี้ข้อเท็จจริงยังไม่ได้ข้อยุติจึงวินิจฉัยในข้อกฎหมายไม่ได้ นอกจากนั้น ตนก็ถามว่าถ้าเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งรัดมาทำให้ต้องรีบ ตนถามว่าแล้วเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งถึงนายกรัฐมนตรี กรณีการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรี กรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำไมไม่ดำเนินการ ยังไม่ต้องไปเทียบเคียงกับการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีความเห็นของกฤษฎีกาชัดเจนว่าให้ดำเนินการได้
เมื่อถามว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามคนเป็น ส.ส.ว่าต้องไม่เคยถูกปลดออกจากราชการ คำสั่งนี้จะส่งผลกระทบต่อญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะมีเจตนาให้ญัตติมีปัญหา ตนอยากให้ไปดูคำให้สัมภาษณ์ของ ส.ส.เพื่อไทยบางราย รวมทั้งรัฐมนตรีที่ตั้งธงตั้งแต่ต้นที่จะให้มีผล กระทบเกี่ยวกับประเด็นในรัฐธรรมนูญ และคงพยายามทุกวิถีทางที่จะล้มญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“แต่พรรคไม่หวั่นไหวสู้กันมารู้อยู่แล้วว่า อำนาจเงินเยอะ เมื่อมีอำนาจรัฐใช้เต็มที่ การใช้อำนาจรัฐไม่เคยมีขอบเขต เพราะไม่เคยยอมรับการตรวจสอบ ใช้ทุกวิถีทางกดดันเอากลไกราชการมาใช้เพื่อการเมืองตลอด พรรคประชาธิปัตย์ซื้อไม่ได้เรายืนหยัดทำหน้าที่ของเรา และได้คุยกับสมาชิกพรรคหลายคนไม่มีใครหวั่นไหว ทุกคนเดินหน้าเต็มที่ ซึ่งการใช้อำนาจเกินขอบเขตของรัฐบาล พรรคและตนก็ต้องพึ่งกระบวนการทางกฎหมาย” นายอภิสิทธิ์กล่าว