สมาคมฯ โลกร้อน ค้านแจกใบ สกท. 2.5 ล้านไร่ ให้ ปชช.ที่อยู่ตามป่าสงวนเสื่อมโทรม ชี้เป็นเพียงเล่ห์ฉลฟอกที่ดินเอื้อประโยชน์ให้นายทุน โดยเอาความยากจนของชาวบ้านมาเป็นตัวประกันเท่านั้น เตือนขัด รธน.มาตรา 66, 30 พ่วงอาญา ม.157 เผยเตรียมเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว อ้างไม่ใช่ทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แถมจะเกิดการบุกรุกป่ามากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 พ.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน แถลงการณ์คัดค้านการแจกป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ มีนโยบายแจกใบรับรองสิทธิทำกิน (สทก.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศจำนวน 2.5 ล้านไร่ ให้กับราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมที่ไม่มีเอกสารสิทธิทำกิน โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือคนจนให้มีที่ทำกินไม่ให้ไปบุกรุกป่าเพิ่มขึ้นนั้น
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ในฐานะองค์กรเอกชนสาธารณะประโยชน์ด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีวัตถุประสงค์ในการปกป้องพื้นที่ป่าไม้และรักษาทรัพยากรของชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม ขอคัดค้านนโยบายและพฤติการณ์ดังกล่าวของกระทรวงทรัพย์ฯ และกรมป่าไม้ โดยสิ้นเชิง และเห็นว่า นโยบายดังกล่าวเป็นเพียงเล่ห์ฉลทางการเมืองของนักการเมืองที่รวมหัวกับข้าราชการในการ “ฟอกที่ดิน” ที่ผิดกฎหมาย ให้กลายเป็นที่ดินที่ถูกกฎหมาย ยกเว้นความผิดให้แก่ผู้ที่บุกรุกป่า เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุน นักการเมือง และ/หรือหัวคะแนนของนักการเมือง และข้าราชการระดับสูง โดยเอาความยากจนของชาวบ้านมาเป็นตัวประกันเท่านั้น
นโยบายและพฤติการณ์ดังกล่าว สมาคมฯ ขอประณามและขอต่อต้าน 100% เพราะไม่ใช่ทางออกและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกร หรือราษฎรที่ไม่มีที่ทำกินอย่างยั่งยืน ทั้งที่ในอดีตเคยมีนโยบาย “โฉนดชุมชน” ที่ชุมชนยอมรับโดยให้สิทธิในเอกสารสิทธิที่ทำกินของชาวบ้านในลักษณะของชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มิได้แยกเป็นปัจเจกชน ซึ่งไม่สามารถนำไปจำหน่ายจ่ายโอนให้แก่นายทุนหรือผู้ใดได้ ยกเว้นการตกทอดแก่ทายาท หรือมรดกเท่านั้น แต่การที่กระทรวงทรัพย์ฯ และกรมป่าไม้ นำที่ป่าสงวนที่อ้างว่าเสื่อมโทรม หรือถูกบุกรุกแล้ว มาแจกให้แก่นายทุนเป็นรายบุคคล โดยใช้ราษฎรที่ยากจนเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะนำไปทำรีสอร์ต หรือธุรกิจการค้าได้ ย่อมผิดต่อหลักการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น และจะนำไปสู่การทำลายป่าปกติให้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรมเพิ่มมากขึ้น เพื่อรอนโยบายประชานิยมดังกล่าว และไม่มีหลักประกันอันใดที่จะยืนยันได้ว่าที่ดินดังกล่าวเมื่อมอบให้แก่ชาวบ้านแล้วจะไม่ถูกโอนซื้อขายสิทธิไปให้นายทุน หรือนักการเมือง ฯลฯ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 66 ประกอบมาตรา 85 มาตรา 87 โดยชัดแจ้ง
นอกจากนั้น กระทรวงทรัพย์ฯ และกรมป่าไม้ ยังได้กระทำความผิดเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกด้วย เพราะปล่อยให้มีการบุกรุกที่ป่าสงวนของชาติ จนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม โดยการออกมายอมรับในข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อสาธารณะ เพราะความไร้ประสิทธิภาพของตน
ที่สำคัญ จากข้อมูลการแจกที่ดินดังกล่าว ยังเอนเอียงไปแจกแต่เฉพาะในพื้นที่หาเสียงของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ย่อมชี้ชัดว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 30 โดยชัดแจ้ง ทั้งนี้ หากกระทรวงทรัพย์ฯ และกรมป่าไม้ ไม่ทบทวนนโยบาย หรือการดำเนินการดังกล่าว สมาคมฯ จะร่วมกับผู้ที่มีส่วนได้เสีย หรือนักอนุรักษ์ทั่วประเทศในการฟ้องร้องเพิกถอนคำสั่ง หรือการกระทำดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป