“นิชา” ร้อง ทบ.ตามคดี “ร่มเกล้า” รับไม่มั่นใจหน่วยงานรัฐสอบ หวังกองทัพเร่งติดตาม วอนคิดถึงสิทธิผู้ปฏิบัติงานบ้าง หวังเป็นมาตรฐานรักษาชีวิตคนอื่น ห่วงการเมืองแทรก ด้านแม่พลทหาร อึดอัดสื่อชงเจ้าหน้าที่ฆ่าอย่างเดียว ขณะที่ประธานทีมติดตามคดี รับหนังสือ ยันไม่นิ่งนอนใจ ขออดทนรอกระบวนการยุติธรรมให้ความกระจ่าง
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.อรุณ สมตน ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามคดีกองทัพบก เป็นตัวแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. รับหนังสือจากนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 พร้อมกับญาติกำลังพลที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ จำนวน 20 คน
พล.อ.อรุณกล่าวว่า กองทัพบกไม่ได้นิ่งนอนในใจ ได้ติดตามความก้าวหน้าของคดีจากผลกระทบที่เกิดขึ้น และกองทัพบกก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของทหารที่เสียชีวิต ครอบครัว ซึ่ง ผบ.ทบ.และผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้นเข้าใจดีว่าทุกท่านมีความกังวลใจไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงคดีต่างๆ ก็ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ซึ่งทราบมาว่าก่อนหน้านี้เคยมายื่นหนังสือครั้งหนึ่งแล้ว แต่จนถึงบัดนี้ทราบว่าเรื่องราวต่างๆ อยู่ระหว่างการดำเนินการของผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ทุกท่านอาจจะเห็นว่าคดีไม่มีความคืบหน้าเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ซึ่งตนก็เข้าใจและเห็นใจ และจะนำเรื่องดังกล่าวเรียนให้ ผบ.ทบ.ได้รับทราบ
“ทบ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งอาจจะไม่ทันใจ และบางอย่างก็อาจจะไปกระทบกับความรู้สึก ก็อยากให้ทุกท่านได้อดทนและหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความกระจ่าง และให้ความยุติธรรมกับทุกคน ทั้งนี้จากการพูดคุยกับทางดีเอสไอ ยังไม่ได้รับคำตอบว่าสำนวนของ ทบ.อยู่ที่ดีเอสไอ หรือส่งไปที่ศาลเพื่อพิจารณาแล้ว เพียงแต่ดีเอสไอบอกว่ากำลังดำเนินการอยู่ในชั้นของการสืบสวนสอบสวน สำหรับการส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มนั้นทางกระบวนการยุติธรรมแม้ว่าดีเอสไอ ไม่ได้ร้องขอทาง ทบ.ก็จะต้องเสนอไป แต่จะต้องดูว่าถึงเวลานั้นแล้วหรือยัง อย่างไรก็ตาม ทาง ทบ.พยายามรวบรวมข้อมูลใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สำนวนต่างๆ มีความสมบูรณ์มากขึ้น” พล.อ.อรุณระบุ
ด้านนางนิชากล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ ประธานคณะกรรมการประสานงานติดตามผลการดำเนินการอิสระตรวจสอบและค้นหน้าความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ได้นำผลสรุปของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ไปดำเนินการ โดยมอบหมายให้เป็นการดำเนินการของหน่วยงานด้านยุติธรรมเป็นผู้ดูแล ซึ่งจุดนี้เราเกิดความไม่มั่นใจในการดำเนินการของหน่วยงานรัฐ ซึ่งสิ่งที่เหตุตั้งแต่ต้นปี 2555 จนถึงขณะนี้ทหารถูกเรียกไปสอบในส่วนที่โดนกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำซึ่งมีความคืบหน้าไปมากมีการส่งคดีเข้าสู่ศาลหลายคดีด้วยกัน แต่ในส่วนของทหารที่เป็นผู้ถูกกระทำยังไม่มีความคืบหน้า จึงขอให้ ทบ.ได้ช่วยเหลือ เพราะเรามั่นใจในศักยภาพเพื่อช่วยเร่งรัดติดตามให้ นอกจากนี้ยังอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายคิดถึงสิทธิมนุษยชนของทหารที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลความไม่สงบ เพราะที่ผ่านมาในรายงานต่างๆ พูดถึงแต่สิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ชุมนุม เพราะในอนาคตข้างหน้ามีความเสี่ยงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้อีก
“ชีวิตสามีของเรา และของคนอื่นๆ ก็ตายไปแล้ว แต่เราอยากจะใช้กรณีนี้รักษาชีวิตของทหารคนอื่น ทั้งพี่เพื่อนน้องที่เป็นทหารด้วยกันที่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้และที่กำลังจะปฏิบัติหน้าที่ในวันข้างหน้าต่อไปนั่นคือเหตุผลที่ญาติของผู้เสียชีวิตจะต้องต่อสู้จุดนี้ เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อสามีของเราเพราะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว แต่เพื่อเอากรณีของสามีเรา หรือ คนอื่นๆ ในการรักษามาตรฐานบรรทัดฐานต่อไป ทั้งนี้จาก 3 ปีที่ผ่านมา ดูจากทิศทางคดีไม่ค่อยมั่นใจการทำงานของดีเอสไอ ทั้งนี้เราห่วงเพราะคดีนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กลัวว่าจะเกิดผลกระทบ ดังนั้นจึงได้ไปยื่นเรื่องของ พล.อ.ร่มเกล้า ให้อนุกรรมการสิทธิมนุษยชนของวุฒิสภา ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในอำนาจนิติบัญญัติปราศจากการแทรกแซงอำนาจการบริหาร” นางนิชากล่าว
นางกาญจนา เมืองอำพัน มารดาของ ส.ท.อนุพงษ์ เมืองอำพัน กล่าว่า รู้สึกอึดอัดใจการนำเสนอข่าวของสื่อที่โจมตีว่าฝ่ายทหารกระทำความผิดอยู่ฝ่ายเดียว ทุกวันนี้ช้ำใจ และเราอยากจะมีจุดที่พึ่งพิงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเราบ้าง และอยากให้ ทบ.ได้ช่วยเหลือเร่งรัด อย่างไรก็ตาม วอนสื่อให้ช่วยความเป็นธรรมในส่วนของคดีทหารด้วย จากการที่ได้มีโอกาสเข้าพบนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งท่านก็บอกว่าเราให้มั่นคงและเข้มแข็ง ทุกวันนี้เราจึงต้องเข้มแข็ง ส่วนจะให้ไปเรียกร้องความเป็นธรรมในส่วนอื่นๆ เราอยู่ในความดูแลของกองทัพบก คิดว่ากองทัพน่าจะช่วยเราได้ ส่วนจุดอื่นๆ ไม่รู้ว่าไปแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งเขาจะเห็นใจเรา ตนอยากจะยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าถึงหรือไม่
มีรายงานว่า ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ นายทหารที่ปฏิบัติงานในวันที่ 10 เม.ย. และ 19 พ.ค. 2553 จะเข้าให้ข้อมูลที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถึงรายละเอียดและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมข้อมูลในการปฏิบัติงานเรียบร้อยหมดแล้ว รวมถึงการให้การข้อมูลชายชุดดำที่ร่วมก่อเหตุในวันดังกล่าวด้วย