xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ซัดตั้ง “ครม.ปู 1/3” ต่างตอบแทนชัด - “เทพไท” ยุแก๊งแดงจี้ถามแจง “ไอ้ตู่” ชวดเก้าอี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ภาพจากแฟ้ม)
หน.ปชป.มองยังไม่โปรดเกล้าฯ ครม.ปู 1/3 ไม่ผิดปกติ แต่ห่วงตั้ง ครม.ต่างตอบแทน แก้ปัญหาชาติไม่ต่อเนื่อง ทั้งการศึกษาและชายแดนใต้ ติงปรับ ครม.หาประสบการณ์ทำไม่ถูก ชี้กรณี “จตุพร” ชวดเก้าอี้สะท้อนความรุนแรงเสื้อแดง หวังฉุกคิดต้นตอคือ “ทักษิณ” บงการ ส่วน “เทพไท” ยุส่ง “จ่าประสิทธิ์-วรชัย” ถามให้ชัด แทนที่จะโยนผิดให้อำมาตย์ ชี้ต่างตอบแทนไม่ทั่วถึงทำลูกพรรคโวยวาย

วันนี้ (28 ต.ค.) ที่โรงแรมรามาดา พลาซา แม่น้ำ ถนนเจริญกรุง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 3 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ว่า คงไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะการทูลเกล้าฯ ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ แต่มีความเป็นห่วงว่า การปรับคณะรัฐมนตรีที่เป็นการตอบแทนกันเรื่องผลประโยชน์บุคคล ไม่ใช่เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารประเทศของรัฐบาล หลายตำแหน่งที่ปรับออกกระทบความต่อเนื่องในการทำงาน เช่น กระทรวงศึกษาธิการ หากกระแสข่าวเป็นจริงก็เท่ากับว่ามีการเปลี่ยนรัฐมนตรีถึง 3 คนภายในเวลาแค่ 1 ปี 2 เดือน ทั้งที่นโยบายการศึกษาเป็นนโยบายระยะยาวที่มีความสำคัญ นอกจากนี้ การปรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ดูแลสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะกระทบความต่อเนื่องในการคลี่คลายปัญหา

“ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของนายกฯ ที่อ้างหลักการปรับ ครม.เพื่อให้ได้หาประสบการณ์ เพราะไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้องในการบริหาร โดยคนที่เป็นรัฐมนตรีควรมีความพร้อมในการทำงาน ไม่ใช่ไปสร้างประสบการณ์ในตำแหน่ง ซึ่งทำให้เสียเวลา ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพราะบ้านเมืองตอนนี้ประสบปัญหาหลายอย่าง ที่ต้องเร่งดำเนินการหลายเรื่อง จึงอยากให้มีการสำรวจความคิดเห็นประชาชนว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะทำให้การบริหารมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ และประชาชนได้อะไรจากการปรับ ครม.ครั้งนี้” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ส่วนเรื่องแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง กรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงไม่ได้ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งการจัดสรรผลประโยชน์ภายในพรรค ซึ่งในที่สุดแล้วคาดว่าจะมีการจัดการภายในพรรคเพื่อไทยได้ เพราะนายจตุพรระบุว่าที่ผ่านมาเป็นเพียงละคร แต่ตัวเองกลับเล่นจริงนั้น หวังว่าคนเสื้อแดงจะได้ฉุกคิดหลายอย่างถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมา เพราะความจริงที่ปรากฏทั้งเรื่องชายชุดดำ วิถีกระสุน ซึ่งมีการบิดเบือนมาโดยตลอดก็เริ่มปรากฏข้อเท็จจริงมากขึ้น และสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาทั้งหมดมีต้นตอจากความต้องการของคนคนเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน ที่บงการอยู่ฉากหลังของละครเรื่องนี้

อีกด้านหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้สร้างแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยว่า เป็นเรื่องภายในที่พรรคเพื่อไทยจะต้องจัดการปัญหาความขัดแย้งกันเอง ไม่ควรที่จะโยนความผิดให้แก่บุคลภายนอก เพราะที่ผ่านมาพยายามกล่าวหา กลุ่มอำนาจเก่าบ้าง คนข้างบนบ้าง รวมไปถึงโยนความผิดกลุ่มอำมาตย์ ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของคนในพรรคเพื่อไทยที่พยายามจะโทษบุคคลอื่น ล่าสุดนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมายอมรับความจริงแล้วว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ ไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มอำนาจพิเศษ เช่นเดียวกับกรณีของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ที่ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาตอบคำถามว่าเหตุใดถึงไม่มีชื่อนายจตุพรอยู่ในคณะรัฐมนตรี

นายเทพไทกล่าวว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องจัดสรรอำนาจของตัวเองให้ลงตัว อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ เป็นเรื่องต่างตอบแทน เพียงแต่เป็นการตอบแทนที่ไม่ทั่วถึงจึงเกิดความขัดแย้งในพรรคแม้กระทั่งตัว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ผิดหวังในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ไม่กล้าออกมาตีโพยตีพาย โดยพยายามกลืนเลือด เก็บอาการ ออกมาให้สติกับคนในพรรคเพื่อไทยว่าถ้าใครขัดใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเหลือแต่เงา จึงเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้อำนาจอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เพียงผู้เดียว

“พ.ต.ท.ทักษิณรู้ดีว่าเกิดความขัดแย้งในพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.อาวุโสในภาคอีสาน ที่ทำใจไม่ได้ที่มี ส.ส.รุ่นเด็กข้ามหัวไปเป็นนายกรัฐมนตรี จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องจัดโปรแกรมเดินสายในต่างประเทศ บินกลับมาสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า และถึงจะอ้างว่าการเข้าพม่าครั้งนี้เพียงเพื่อไหว้พระและทำบุญ แต่ข้อเท็จจริงคือการเข้าพม่าและมาที่บริเวณด่านท่าขี้เหล็ก คงเพื่อสยบความเคลื่อนไหวของคนในพรรคเพื่อไทย และจะถือโอกาสเรื่องธุรกิจโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ธุรกิจด้านพลังงานที่เคยปูทางไว้” นายเทพไทกล่าว

นายเทพไทยังกล่าวตอบโต้ ร.ต.อ.เฉลิม และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่แสดงความมั่นอกมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยสามารถเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ ในสนามการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แน่นอน พร้อมโน้มน้าวให้คนกรุงเทพฯ เลือกผู้ว่าฯ พรรคเดียวกับรัฐบาลเพื่อให้ง่ายต่อการประสานงานว่า เป็นการโฆษณาชวนเชื่อและปลุกขวัญกำลังใจลูกพรรคตัวเอง ทั้งๆ ที่ความพร้อมในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ยังไม่มีทั้งตัวผู้สมัครที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อีกทั้งหาก ร.ต.อ.เฉลิมมั่นใจจริงว่าจะชนะ ก็ควรจะเสนอตัวมาสมัครอีกครั้งหนึ่ง เพื่อล้างตาตัวเองที่เคยลงสมัคร และได้คะแนนเพียง 1 แสนคะแนนเศษ ดีกว่ามาใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมและมั่นใจ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันทำงานประสบผลสำเร็จเป็นที่ยอมรับ และแม้ว่าจะถูกพรรคเพื่อไทยใส่ร้ายดิสเครดิตมาตลอด แต่ธรรมชาติของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็มักเลือกผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้านเสมอ


กำลังโหลดความคิดเห็น