xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เผยยื่นซักฟอก 31 ต.ค. หวัง “ปู” ไม่ปรับ รมต.ถูกยื่นอภิปรายออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” ระบุฝ่ายค้านข้อมูลพร้อมแล้ว ยื่นซักฟอกรัฐบาล 31 ต.ค. เน้นถล่มการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มุ่งเรื่องส่วนตัว “ยิ่งลักษณ” งงนายกฯ รีบปรับ ครม. เชื่อไม่เด้ง รมต.ที่ถูกยื่นอภิปรายฯออก เพื่อหนีซักฟอก ค้านแนวคิดปฏิวัติ พร้อมเรียกร้อง “ปู” ศึกษาเรื่องปรองดองให้ดีก่อนเดินหน้า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวรัฐบาลจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ก็เป็นอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นในการปรับก็ต้องปรับให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่ามีความเร่งด่วนอะไรที่ต้องปรับ ครม.ตอนนี้หรือไม่ โดยผลงาน 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล มีหลายเรื่องที่มีปัญหามาจากการบริหาร เช่นนโยบายปรองดอง นโยบายราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งความจริงรัฐบาลรอการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนก็ได้แล้วค่อยตัดสินใจที่จะปรับ ครม.

ส่วนการที่รัฐบาลตัดสินใจปรับ ครม.ก่อนการอภิปรายนั้น จะส่งผลต่อการอภิปรายหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่ว่าจะปรับใครบ้าง จะตรงกับคนที่จะเตรียมอภิปรายหรือไม่ และส่วนที่มองกันว่ารัฐบาลอาจปรับ ครม.หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น คิดว่าเมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติแล้ว คงไม่มีการปรับผู้ที่ถูกยื่นญัตติออกจาก ครม. แต่ถ้าจะปรับก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ฝ่ายค้านคงทำอะไรไม่ได้ ซึ่งฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ประมาณวันที่ 31 ต.ค. เพื่อที่จะอภิปรายฯในช่วงปลายสมัยประชุม และรัฐบาลจะได้นำไปปรับปรุงการทำงานในช่วงปิดสมัยประชุม โดยหลังจากการยื่นญัตติพรรคก็จะมีระบบในการอธิบายให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างเป็นระบบ

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า วิปฝ่ายค้านได้รายงานต่อพรรคแล้วว่ามีความพร้อมในเรื่องของข้อมูล มีการพูดคุยกับผู้อภิปรายอยู่ทุกวัน โดยฝ่ายค้านจะอภิปรายตามเนื้อหาสาระการบริหารราชการแผ่นดินที่มีผลกระทบต่อคนทั้งประเทศ ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นไปในเรื่องส่วนตัวของนายกฯ ส่วนกรณีที่ว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณฑัต รมว.กลาโหม เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธต่างๆ ด้วยนั้น ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการชุมนุมเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มต่างๆ ว่า ขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะทำหน้าที่ในกรอบของสภาฯ ส่วนที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์กรพิทักษ์สยาม พูดถึงกรณีอยากให้มีการปฏิวัตินั้นถือเป็นความเห็นของเสธ.อ้าย เอง แต่ตนยืนยันว่าทุกคนควรอยู่ในกรอบของกฎหมาย ยึดแนวทางการแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตยไม่ควรย้อนกลับไปอีกแล้ว ควรให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามระบบ รัฐบาลมีสิทธิ์อยู่ได้ตามวาระ แต่ก็ต้องทำให้ส่วนต่างๆ ของสังคมทำงานได้ ไม่ใช่มีการกลั่นแกล้งผู้มาตรวจสอบ ซึ่งคนที่จะมาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลต้องเปิดโอกาสให้ ไม่เช่นนั้นท่าทีของรัฐบาลจะเป็นตัวทำลายรัฐบาลเอง ถ้ารัฐบาลไม่เปิดให้มีการตรวจสอบก็จะเป็นข้ออ้างทำให้เกิดการทำลายระบบได้ จึงควรให้ระบบทำงานโดยตัวของมัน ดังนั้นรัฐบาลควรยอมรับการตรวจสอบและยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก

ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้าเรื่องความปรองดองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้เดินตามนโยบายที่แถลงต่อสภาฯ เพราะเมื่อคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) มีข้อเสนอมาแล้ว หลายฝ่ายก็ได้มีความพยายามพบปะกับทุกฝ่าย เพราะอยากให้มีการทำตามข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งมีที่ปรึกษาจากต่างประเทศก็เดินทางมาเพื่อขอพบนายกฯ โดยตนคิดว่า นายกฯ ก็ควรจะฟังว่าจะใช้ประโยชน์จากรายงาน คอป.เดินหน้าอย่างไร แต่ถ้าความหมายของการเดินหน้าปรองดองของนายกฯ คือการทำตามที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ พูดการเอาเงินงบประมาณไปจัดปราศรัยให้กับพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง หรือคนของรัฐบาล แล้วมาอ้างความชอบธรรมในการช่วยเหลือพี่ชาย ก็จะไม่เกิดการปรองดอง ซึ่งจุดที่จะเดินหน้าปรองดองอย่างแท้จริง คือการปลดชนวนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายปรองดอง


กำลังโหลดความคิดเห็น