ผ่าประเด็นร้อน
คาดหมายกันไม่ผิดกับการออกมารับลูกขยายผลของคนในรัฐบาลว่าเวลานี้มีพวกจ้องล้อมรัฐบาล ทำงานกันเป็นขั้นเป็นตอน ถึงกับบอกว่ามีแผนบันได 5 ขั้น 6 ขั้น ว่ากันเป็นตุเป็นตะ ก่อนหน้านี้เคยมีรองนายกรัฐมนตรีที่กำลังลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลชุดใหม่คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ออกมาจุดพลุก่อนใครว่า มีการพยายามใส่ร้ายรัฐบาลเรื่องการทุจริตจำนำข้าว คนชุดดำ หรือแม้แต่เรื่องไซฟ่อนเงินที่ฮ่องกง
ถัดมารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับ “เก้าอี้อำมาตย์” และลุ้นอยู่กับการต่อตั๋วในโควตาคนเสื้อแดงในรัฐบาลใหม่แย่งกับ จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ออกมาสำทับพูดจาสอดคล้องกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
และรายล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่กำลังต้องลุ้นเก้าอี้เหมือนกัน หลังจากมีกระแสข่าวว่า พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนของ ทักษิณ ชินวัตร จะถึงคิวหมุนเวียนเข้ามานั่งเก้าอี้ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เพิ่งเปิดตัวตอกย้ำผสมโรงเข้ามายืนยันว่ามีพวกจ้องล้มรัฐบาลจริงๆ แต่ก็พยายามออกตัวว่าไม่ใช่หมายถึงกลุ่ม “พิทักษ์สยาม” ที่นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่นัดชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม เพื่อกดดันรัฐบาลให้ดูแลและจัดการกับพวกหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เด็ดขาดจริงจัง
หากพิจารณาจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ตรวจสอบกันในภาพรวมก็ต้องยอมรับความจริงว่าถึงตอนนี้รัฐบาลกำลังถดถอยลงเรื่อยๆ ไม่ได้สร้างความประทับใจเหมือนอย่างที่เคยคุย เคยโม้เอาไว้ก่อนหน้านี้ เวลาผ่านมากว่า 1 ปี ด้วยศักยภาพที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทั้งในและนอกสภา รวมทั้งมีกลไกราชการคอยเป็นมือเท้ารับใช้อย่างเต็มที่ ทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีแต่ละคนก็เต็มที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนกันเอง หากบอกว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของรัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนพวกนี้ก็ไม่ต่างจาก “เด็กในบ้าน” แต่ผลงานที่ออกมากลับ “ห่วยแตก” ไม่น่าเชื่อ
ความอื้อฉาวในรัฐบาลเริ่มออกมาให้เห็นเรื่อยๆ สังคมวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเอาเปรียบทำตัวเป็น “อภิสิทธิชน” ของ ทักษิณ ที่กำลังใช้กลไกของรัฐบาลหาประโยชน์เฉพาะตัว คิดแต่จะออกกฎหมายลบล้างความผิด ไม่ว่าจะออกมาในรูปอำพรางจากความพยายามเสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อพิจารณาจากผลงานอื่นๆกลับไม่เป็นโล้เป็นพาย เพราะถ้าลองพิสูจน์จากผลสำรวจที่ทยอยเปิดเผยออกมาก็เริ่มมีเสียงบ่นดังขึ้นเรื่อยๆ นี่คือสัญญาณที่เป็นลบ ไม่เป็นผลดีแน่นอน
เมื่อพิจารณาจากผลงานหลักของรัฐบาลที่ยกนำมาโชว์หาคะแนนนิยมหลายรายการ ตั้งแต่เรื่องการโม้ว่าจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน การลดราคาน้ำมันทันทีลิตรละ 7-8 บาท แล้วเดี๋ยวนี้เป็นไง ทุกอย่างเป็นตรงกันข้าม ยังจำคำพูด“เราจะกระชากค่าครองชีพลงมา” ได้หรือไม่ ปัจจุบันเหมือนหนังคนละม้วน มีแต่เสียงด่ากันพึม ซึ่งเรื่องหลังนี่แหละน่าหนักใจ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านกันแทบทุกครัวเรือน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันโดยทั่วไป ในสถานการณ์ที่เป็นจริงก็ต้องบอกว่ารัฐบาลชุดนี้แม้ว่ากำลังอยู่ในช่วงถดถอย แต่ก็ไม่ถึงกับตกอยู่ในสถานะเลวร้ายขั้นวิกฤต ยังสามารถลากไปได้ยาวอีกพักใหญ่ แต่เมื่อรัฐบาลเลือกใช้คนผิด กลายเป็น “สายล่อฟ้า” อย่างตั้งใจ โดยเฉพาะการมอบหมายบทบาทสำคัญให้กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โดยอาจคิดว่า “พูดเก่ง” พูดจนลิงหลับนี่คือจุดได้เปรียบทำให้สังคมคล้อยตาม แต่หากพิจารณาจากบทเรียนในอดีตในยุครัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เขานี่แหละที่เป็น “ชนวนสำคัญ” ที่ทำให้พากันพังกันทั้งขบวน รวมไปถึงมอบหมายให้ความสำคัญกับแกนนำคนเสื้อแดงบางคนอย่างเช่น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมไปถึงกำลังจะมอบตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับ จตุพร พรหมพันธุ์ มันยิ่งเหยียบย่ำหัวใจคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับเป็นแต้มสะสม
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนตุลาคมทุกปีก็มักจะเดือด ตึงเครียดอยู่แล้ว เพราะนอกว่าสารพัดกลุ่มที่เริ่มออกมาประท้วงกดกัน ทวงสัญญารัฐบาลแทบจะเป็นรายวัน อีกทั้งไม่กี่วันข้างหน้าฝ่ายค้านก็เตรียมที่จะขึงพืดรัฐบาลโดยจะยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล และตามข่าวแม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจะซักฟอกใครบ้าง แต่ก็มีเสียงขู่แพลมออกมาว่าอาจจะเชือด นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงคนเดียว แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจพิสูจน์ความจริงได้ แต่ถ้าเป็นไปอย่างที่ “ปล่อยข่าว” ออกมามันก็หนาวเหมือนกัน เพราะนั่นคือการจับ นายกฯขึ้น “ขึงพืดกลางสภา” นึกภาพคราใดก็ยังสยองทุกที
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นภาพลบที่ประดังเข้าใส่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งผ่านมากว่า 1 ปี มีแต่เสียงบ่น ไม่พอใจ ขณะเดียวกันเมื่อมองแนวโน้มในอนาคตยังมองไม่เห็นภาพที่เป็นบวก โดยเฉพาะพวกที่เป็น “สายล่อฟ้า” สร้างความรำคาญในรัฐบาลที่มีอยู่หลายคน สำคัญตัวเองผิดคิดว่าเจ๋ง คิดว่าเท่ชาวบ้านชอบ หารู้ไม่ว่านี่แหละคือตัวถ่วงจะกลายเป็นชนวนพารัฐบาลพังพินาศ
แน่นอนว่าขบวนการจ้องล้มรัฐบาล หรือฝ่ายตรงข้ามคอยหาจังหวะทำลายอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องปกติ แต่ตราบใดก็ตามถ้ารัฐบาลยังบริหารสร้างความประทับใจ ทำเพื่อส่วนรวมคนส่วนมาก ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ของ “พี่ชาย” อย่าง ทักษิณ ชินวัตร แต่ขณะเดียวกันในทางตรงข้ามเกิดการทุจริต ผลงานห่วยแตก มีแต่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ นั่นแหละพังแน่ และความหมายของขบวนการจ้องล้มก็มาจากรัฐบาลด้วยกันเอง!!