รองนายกฯ แจงทุจริตข้าวตรวจสอบได้ อัด ปชป.โจมตีเหมือนฆ่าตัวตายทางการเมือง ชี้เลือกตั้งกี่ครั้งก็แพ้ ลั่นไม่มีวันเข้าใจนโยบายของพรรคเพื่อไทย อ้างโครงการประกันรายได้สมัย ปชป.สวมสิทธิ์จำนวนมาก พบระหว่างการประชุม สั่ง อ.ต.ก.-อคส. เปิดโกดังโชว์ข้าว ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันการทุจริตจำนำข้าวทำได้ยาก
วันนี้ (15 ต.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว การเยียวยาฟื้นฟูและป้องกันสาธารณภัย และการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้เชิญปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมการข้าว กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่ที่ติดกับชายแดนรอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. องค์การคลังสินค้า หรืออคส. องค์การตลาดเพื่อการเกษตร หรือ อ.ต.ก. นางศิวาพร ชื่นจิตศิริ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในการตรวจสอบ
โดยในการประชุม ร.ต.อ.เฉลิมได้เน้นย้ำนโยบายจำนำข้าว โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ที่เกิดจากการเปิดประเด็นของพรรคฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิด เพื่อชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ทั้งนี้ มีบริษัทส่งออกข้าวบางบริษัทที่เสียผลประโยชน์หนุนหลังพรรคการเมืองบางพรรคให้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการนี้ หากกระทรวงพาณิชย์ชี้แจงความเป็นจริงได้ช่วยให้รัฐบาลทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งในที่ประชุม ครม.นายกฯ ได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินงานในโครงการดังกล่าว
ขณะที่ นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกะทรวงพานิชย์ ชี้แจงว่า การทุจริตจำนำข้าวไม่สามารถทำได้โดยง่าย เพราะมีขั้นตอนตรวจสอบอย่างละเอียดตั้งแต่ก่อนการปลูกข้าว โดยมีตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนสหกรณ์ประจำท้องที่ ธ.ก.ส. กำนันผู้ใหญ่บ้าน และ อคส.เข้ามาตรวจสอบก่อนการออกใบรับรอง โดยข้าวจะถูกบันทึกบัญชี และแจ้งมายังศูนย์ข้อมูลของกระทรวง เพื่อให้ทราบข้อมูลที่มีการรับจำนำแต่ละวันเท่าใด ส่วนตัวแทนของ ธ.ก.ส.ยืนยันว่า มีเงินและขีดความสามารถเพียงพอที่จะดำเนินการตามสภาพคล่องของธนาคาร ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมยังได้สั่งการให้ อ.ต.ก.และ อคส.เปิดคลังข้าวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส
ด้าน นายเแก่นเพชร ช่วงรังษี อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอให้ใช้เครือข่ายระดับท้องถิ่น คือ ปลัดอำเภอ ปลัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ช่วยดูแลและนำเกษตรกรเข้ามาที่จุดรับจำนำข้าว ซึ่งเชื่อว่าจะทำงานได้ดีกว่าการติดเครื่องจีพีเอส
ขณะที่ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อที่ประชุม ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการตรวจสอบพบการกระทำผิดอีก 2 คดี ซึ่งในคดีนี้มีการตรวจสอบพบในโกดัง จ.สระแก้วมีข้าวเกิน 5 ตัน ซึ่งลักลอบนำข้าวเข้ามาจากต่างประเทศเข้ามาหรือไม่ ส่วนอีกหนึ่งคดีที่ จ.บุรีรัมย์ มีการครอบครองข้าวสารเกิน 5 ตัน รวมทั้งหมดขณะนี้มี 27 คดี ส่วนคดีอื่นๆ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนต่อไป
ส่วนปัญหาการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนอาทิ จ.อำนาจเจริญ จ.สระแก้ว ฯลฯ ยืนยันว่า มีการติดตั้งด่านตรวจป้องกันอย่างเข้มงวดบริเวณชายแดน โดยขณะนี้ยังไม่พบการลักลอบนำข้าวเปลือก และข้าวสารเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งนี้ จากตัวเลขมีชาวนาขึ้นทะเบียนในโครงการประกันรายได้ 4,200,000 ครัวเรือน ส่วนโครงการรับจำนำข้าวมีชาวนามาขึ้นทะเบียนเพียงแค่ 1,200,000 ครัวเรือน จึงเป็นที่ชัดเจนว่าโครงการประกันรายได้มีการสวมสิทธิ์จำนวนมาก ทั้งนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้ก็ถิอว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันเข้าใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
หลังจากนั้น ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุม ถึงเรื่องการทุจริตข้าวมีการประชุมหลายครั้งจะแจ้งให้ประชาชนทราบได้อย่างไร ว่าจะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น ว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับใน ครม.มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ประชาสัมพันธ์ ตน และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร.กำลังหารือว่าจะตรวจสอบอย่างไร ถึงได้เรียกประชุม แล้วได้ให้สื่อมวลชนร่วมเข้าฟังด้วย จะเห็นว่า ธ.ก.ส.บอกคณะกรรมาธิการอย่างนั้นอย่างนี้ก็เท็จ ใบประทวนปลอมก็เท็จ ปลัดกระทรวงยืนยันว่ากว่าจะออกใบประทวนก็ยาก นี่เป็นวิธีการแบบตำรวจที่ชัดเจน กรณีสวมสิทธิ์ ก็มีเหมือนกันแต่ที่สื่อออกมาตีแผ่มันเป็นข้าวเหนียว เราไม่ได้ซื้อข้าวเหนียว เราซื้อข้าวเจ้า กับข้าวหอมมะลิ ก็สวมสิทธิ์ยาก ที่อ้างว่าโกดังสต็อกลมก็ปลอม สามารถไปพิสูจน์ได้ เปิดเผยตรวจสอบได้ ซึ่งตนเองค่อนข้างสบายใจ
เมื่อถามว่า อคส.พร้อมจะให้ไปดูข้าวได้เมื่อไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ก็รับปากว่าไปเมื่อไรก็ได้ ถ้ารับปากแล้วไม่ให้ เมื่อสงสัยก็ค้น เพราะนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ เรามีอำนาจ ส่วนคดีความที่มีคดี ความคืบหน้าจะดำเนินการอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ผบ.ตร. จะดู และต้องมีการเร่งรัดและสั่งฟ้อง ซึ่งมีหลักฐานหมด ไม่มีอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์พูด แล้วถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่หยุดที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์จะทำอย่างไร
“ห้ามไม่ได้ ถือเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าใจถือว่าถูกต้อง ไม่มีวันเข้าใจนโยบายของพรรคเพื่อไทย เลือกตั้งเมื่อไรก็แพ้เมื่อนั้น” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
เมื่อถามว่า ถ้ามีการกล่าวหาจะฟ้องหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การเมืองไม่ใจร้ายหรอก เป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขมีชาวนาขึ้นทะเบียนในโครงการประกันรายได้ 4,200,000 ครัวเรือน ส่วนโครงการรับจำนำข้าวมีชาวนามาขึ้นทะเบียนเพียงแค่ 1,200,000 ครัวเรือน จึงเป็นที่ชัดเจนว่าโครงการประกันรายได้มีการสวมสิทธิ์จำนวนมาก