อดีต รมว.คลัง เหนื่อยใจตรรกะฮั้วได้แต่ขอให้มี 3G ใช้ ตัดพ้อถามสังคมเรายอมแพ้เรื่องคอร์รัปชันแล้วใช่หรือไม่ ยกคำรองปลัดคลังวิจารณ์ กสทช.ขวางโลกแต่น่าสนับสนุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง Korn Chatikavanij โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าด้วยเรื่อง 3G ว่า “เมื่อวานผมคุยอยู่กับเพื่อนเรื่องการประมูลใบอนุญาต 3G เพื่อนบอกว่า ใครๆก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องมีการฮั้ว แต่ถ้าดูภาพใหญ่ผลประโยชน์ของประเทศ ต้องสรุปว่าถึงมันจะฮั้วกันจริง แต่อย่างน้อยเราก็จะได้ 3G เสียที ยังดีกว่าไม่มีการประมูล หรือแม้แต่ให้ไปประมูลใหม่ และผมคิดว่าที่เพื่อนผมพูดนั้น น่าจะเป็นกระแสหลักสังคม
และด้วยเหตุนั้น นักการเมืองจึงเงียบมากกับเรื่องนี้ ใครได้เห็น รมต.ไอซีที ออกมาแสดงความคิดเห็นบ้างไหมครับ แม้แต่ฝ่ายค้านก็รู้สึกว่า หากออกมาพูดมากแล้วจะ 'เปลืองตัว' เพราะนักการเมืองเกาะติดกระแสสังคม และความต้องการของประชาชนอยู่แล้ว และเรารู้ว่าใครไปทำอะไรให้ประชาชนไม่ได้ใช้ 3G ก็จะถูกด่า เสียคะแนน
ผมมองว่า ที่เราบ่นๆมาตลอดว่า สังคมเราเป็นอะไร ที่มีเยาวชนจำนวนมากถึง 70-80% ออกมาบอกว่า โกงได้แต่ขอให้ตนได้ประโยชน์นั้น ไม่ได้ต่างกับการบอกว่า ฮั้วก็ฮั้วไป ขอให้กูได้มี 3G ใช้
เพื่อนผม และประชาชนทั่วไปคิดอย่างนี้ผิดไหม ก็ไม่ผิด ถ้าข้อเท็จจริงคือ ประชาชนไม่มีทางอื่นที่จะได้ประโยชน์ ถ้าเราไม่ยอมแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับผู้ที่มีอำนาจที่จะให้ประโยชน์กับเรา ไม่ว่าจะเป็นระดับค่าขนม ไปจนถึงค่าทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
แต่คำถามคือ เราจำเป็นต้องยอมรับ 'ข้อเท็จจริง' นี้จริงหรือเปล่า สังคมเรายอมแพ้เรื่องคอร์รัปชั่นแล้วใช่หรือไม่ และต้องคิดให้ดีก่อนตอบนะครับ เพราะ 'สังคม' ไม่ใช่ใครคนอื่น สังคมคือคุณ คือผม คือเรานั่นเอง ดังนั้นคำถามคือ คุณยอมต้องเดือดร้อนแค่ไหน เพื่อต่อสู้การโกงกิน ยอมไปโรงพักแทนจ่ายตำรวจจราจรหรือไม่ ยอมที่จะไม่ได้สร้างบ้านแบบคนอื่นเขาแทนที่จะจ่ายให้สำนักงานเขตไหม ยอมที่จะให้ลูกไม่ได้เรียนแทนที่จะจ่ายให้ใครก็แล้วแต่หรือไม่
ข้อเท็จจริงคือ เราไม่ค่อยยอมอดทนกันดอกครับ เพราะเรารู้สึกว่าอดทนไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นแถมเราต้องเสียประโยชน์และโอกาสอีก วันนี้ คนไทยปรับตัวให้อยู่กับคอร์รัปชั่น และดูเหมือนจะเลิกคิดที่จะกำจัดคอร์รัปชั่นแล้ว
แต่ก็ยังไม่ใช่ทุกคนครับที่คิดแบบนี้ ผมขอยกข่าวข้างล่างนี้ เป็นคำพูดของคุณ"สุภา ปิยะจิตติ" รองปลัดกระทรวงการคลัง เคยทำงานร่วมกับผมมา ความคิดของคุณสุภาบางๆครั้งอาจจะไม่ถูกต้อง แต่ที่กระทรวง ทุกๆ คนจะเคารพในความเที่ยงตรงโดยไม่หวังประโยชน์ตอบแทนของท่าน (ผมเคยเสนอให้ท่านเป็นตัวเลือกที่จะได้เป็นปลัดกระทรวง แต่ท่านขอถอนตัว และขอเพียงได้ทำงานที่ถนัด)
รองปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า “กสทช.เป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระก็จริง แต่เป็นเพียงการเป็นอิสระจากการแทรกแซงทางการเมืองโดยรัฐบาล ไม่ได้อิสระจากการตรวจสอบของประชาชน รวมทั้งมีหน้าที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และการที่ กสทช.เป็นองค์กรอิสระ ยิ่งต้องมีธรรมาภิบาลมากกว่าองค์กรของรัฐอื่นๆ ดังนั้น การจัดการประมูลโดยที่ไม่ได้มีการสร้างเงื่อนไขการประมูลที่จูงใจให้เอกชนที่เข้าร่วมประมูลเสนอราคาแข่งขันกัน ย่อมมีโอกาสที่จะเข้าข่ายการสมยอมราคาหรือฮั้วประมูล
ดิฉันพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ดำเนินการไป เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติแล้ว โดยในวันจันทร์ที่ 22 ต.ค. จะรายงานเรื่องนี้ให้ที่ประชุม กวพ.อ.ทราบตามระเบียบ ทั้งนี้ ได้ส่งหนังสือเรื่องเดียวกันให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไปแล้ว”
นี่เป็นคำพูดและการกระทำของคนที่ขวางโลก และเป็นอุปสรรคต่อความเจริญ หรือเป็นคำพูดของคนที่เราควรต้องปกป้อง และสนับสนุนครับ
ดูเหมือนตอบง่ายเพราะคำตอบของเราก็คือแค่คำพูด แต่เอาเข้าจริงเราหนักแน่นแค่ไหนครับ...
และคำตอบที่แท้จริงของพวกเราจะเป็นตัวชี้ว่าสังคมไทยในยุคนี้ และในยุคลูกหลานของเราจะเป็นอย่างไร