xs
xsm
sm
md
lg

รัฐไร้น้ำยา โจรใต้สถาปนาความกลัว “วันหยุดศุกร์แห่งชาติ”/ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก

วันนี้ความจริงตั้งใจจะเขียนถึงเรื่องน้ำมันเถื่อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีกลุ่มทุนการเมืองทั้งส่วนกลาง และท้องถิ่นผสานกับกลุ่มทุนในภาคใต้อยู่เบื้องหลัง เพื่อร่วมกันทำลายเศรษฐกิจของชาติ และเพิ่งจะถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่นำโดย นายอมรเทพ อรุโนประโยชน์ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ บุกเข้าตรวจค้นจับกุมที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ได้ของกลาง และผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก และคนของขบวนการที่ซุกอยู่ใต้ปีกนักการเมืองข่มขู่ผู้สื่อข่าวที่เข้าไปรายงานข่าวในพื้นที่

รวมทั้งอยากจะเขียนถึงเรื่องของกลางที่เป็นน้ำมันเถื่อน 50,000 ลิตร ที่ สภ.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งเป็นของกลางที่ดีเอสไอยึดไว้จากกลุ่มผู้ค้าน้ำมันในพื้นที่บ้านวังประจัน อ.ควนโดน ชายแดนไทย-มาเลเซีย และปรากฎว่า ของกลางที่อยู่ภายใต้การดูแลของ สภ.ควนโดน ล่องหนถูกนำไปคืนให้แก่นายทุน นักการเมืองท้องถิ่นจนกลายเป็นเรื่องอัปยศของวงการสีกากีที่เห็นผลประโยชน์ เห็นกับซองรายการ “มากกว่า” ประโยชน์ของประเทศชาติ

ซึ่งอยากจะเขียนเรื่องทั้ง 2 ประเด็น เพื่อชี้ให้เห็นว่าเรื่องขบวนการน้ำมันเถื่อนไม่ใช่เรื่องยากในการแก้ปัญหา เพราะปัญหาสำคัญไม่ใช่เรื่อง “อิทธิพล” ของคนในขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ศุลกากร เจ้าหน้าที่สรรพสามิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หมายรวมถึง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่มีหน้าที่ปราบปรามน้ำมันเถื่อน เพราะการค้าน้ำมันเถื่อนและยาเสพติดเป็นปัญหาแทรกซ้อนของภัยความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
แฟ้มภาพ
แต่ในที่สุด ก็ต้องหยุดรายละเอียดเรื่องขบวนการน้ำมันเถื่อนไว้ก่อนชั่วคราว เพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่าที่ต้องเขียนถึง นั่นคือ การหยุดทำงานวันศุกร์ของประชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีสาเหตุมาจาก “ข่าวลือ” ที่ถูกปล่อยจาก “แนวร่วม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ใช้ “กลยุทธ์” ในการปล่อยข่าวลือเพื่อสถาปนาความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในหัวใจของประชาชนทุกชนชั้น ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น “พุทธ” หรือ “มุสลิม”

ขบวนการปล่อย “ข่าวลือ” ว่าถ้าใครทำงานในวันศุกร์จะถูกทำร้าย มีการปล่อยข่าวมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 2 ของเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่มาได้ผลที่สุดในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนกันยายน เพราะเพียง “ข่าวลือ” ก็สามารถสร้างความเชื่อให้แก่ประชาชนในพื้นที่ว่าเป็น “เรื่องจริง” มีการปิดร้านค้า หยุดการเดินรถโดยสาร และหยุดการทำงานทุกชนิดประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จอย่างยิ่งของขบวนการที่สามารถใช้เพียง “ข่าวลือ” สถาปนาความกลัวให้เกิดขึ้น จนผู้คนกว่าร้อยละ 80 ในพื้นที่ยอมทำตาม

และเชื่อว่าการเขียนถึงความจริงแบบนี้ ผู้เขียนคงต้องถูกผู้มีอำนาจของกองทัพออกมาแสดงอาการเกรี้ยวกราด ว่าผู้เขียนเขียนให้เครดิตโจร เขียนทำลายกำลังใจของทหาร แต่เมื่อมันเป็นความจริง ถ้าไม่เขียนเพื่อเอาของจริงมาตีแผ่เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิด จะให้นักหนังสือพิมพ์อย่างผู้เขียนไปนั่ง “ยอวาที” กองทัพก็คงทำไม่ได้ ช่างเถอะ ถ้าผู้เขียนจะถูกด่าว่าเป็นพวกให้เครดิตโจรก็ไม่เป็นไร ถ้าเขียนแล้วทุกคนจะได้ทราบความจริง เห็นความผิดพลาดของรัฐ และช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

เพราะจากการทำการบ้านของผู้เขียนได้ข้อมูลที่เชื่อว่า การหยุดวันศุกร์ที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้ (ศุกร์ที่ 5 ตุลาคม) จะมีการหยุดงานมากกว่าวันศุกร์ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพราะวันนี้ ข่าวลือการทำงานวันศุกร์จะมีอันตรายถูกกระพือโดย “แนวร่วม” เป็นวงกว้างมากขึ้น และในขณะเดียวกัน ข่าวหยุดวันศุกร์ก็ถูกผลิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยหน่วยงานของรัฐเอง และผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง จนวันนี้ใครทำงานวันศุกร์จะถูกฆ่าระบาดไปทั่วเหมือน “ไฟลามทุ่ง”
แฟ้มภาพ - บรรยากาศตลาดเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก ที่มีการหยุดค้าขาย
และข่าวลือลุกลามไปถึงการขู่ให้โรงเรียนหยุดในวันศุกร์ และมีครูจำนวนหนึ่งยื่นใบลาในวันศุกร์แล้ว หลังจากที่ครูโรงเรียนบ้านบองอ อ.ระแงะ ถูก “แนวร่วม” ทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต และมีการนำเรื่อง “ตายรายวัน” ที่เกิดขึ้นใน 3-4 วันที่ผ่านมาไปผูกโยงจนกลายเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น

ประเด็นสำคัญที่ต้องนำมาถกกันให้เห็นชัดๆ คือ วันนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งเชื่อว่า “ข่าวลือ” การมีคนถูกทำร้าย เพราะไม่เชื่อฟังคำสั่งให้หยุดงานวันศุกร์เป็นเรื่องจริง เพราะสังคมของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นอยู่ที่ “ความเชื่อ” ไม่ว่าเรื่องเท็จ หรือเรื่องข่าวลือ ถ้าถูกเชื่อแล้วก็จะเป็นเรื่องจริงในทันที

ประเด็นที่ 2 คนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องไม่จริง แต่ต้องการผสมโรงให้เป็นเรื่องจริง โดยอ้างความกลัวว่าจะมีอันตรายหากทำงานในวันศุกร์ จึงไม่ยอมมาทำงาน กลุ่มคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างคนงาน และกลุ่มสุดท้ายคือพวก “อะไรก็ได้” ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เป็นตัวแปรของสถานการณ์ในขณะนี้

การที่คนส่วนใหญ่เชื่อคำขู่ของ “แนวร่วม” ที่ลงทุนเพียงค่ากาแฟปล่อยข่าวลือในร้านน้ำชา และถูกนำมาผลิตซ้ำโดยเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนเป็นเรื่องที่ยืนยันได้ว่า วันนี้แม้เราไม่ได้เสียดินแดนแม้แต่ตารางวาเดียว แต่เราได้เสียอำนาจรัฐ เสียอธิปไตย และเสียความเชื่อมั่นไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ปกครอง และหน่วยงานอื่นๆ ทั้ง 17 กระทรวงในพื้นที่ต้องดำเนินการ คือ การสถาปนาความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน ทำให้ประชาชนเปิดร้านค้าขายให้บริการสาธารณะ และเข้าสวนตัดยางทำสวนปาล์ม สวนผลไม้ รวมทั้งออกมาทำงานรับจ้างได้ตามปกติ และความเชื่อมั่นอันนี้ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ตายรายวัน ถ้าเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถคุ้มครองประชาชนให้หยุดการตายรายวัน ความเชื่อมั่นในเรื่องหยุดงานวันศุกร์ก็จะไม่ได้ผล ดังนั้น การสร้างความเชื่อมั่นต่ออำนาจรัฐจะเกิดขึ้นได้ กองทัพก็ต้องหยุดการฆ่ารายวันให้ได้ด้วย
แฟ้มภาพ - บรรยากาศตลาดเก็นติ้ง
การที่จะนำเอาคาราวานธงฟ้ามาขายสินค้าแทนพ่อค้าแม่ค้าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้มีอาชีพค้าขายให้มีความยากลำบากในการประกอบอาชีพยิ่งขึ้น และธงฟ้าช่วยได้เพียงเรื่องสินค้า แต่ไม่ได้ช่วยในเรื่องอาชีพ ทุกอาชีพที่ส่งผลกระทบ การทำเอาธงฟ้ามาขายสินค่าในพื้นที่ จึงเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ทางการเมืองที่รัฐบาลมีต่อขบวนการแบ่งแยกดินแดน

และที่สำคัญที่สุด วันนี้ผู้นำศาสนาทุกระดับต้องออกมาทำหน้าที่เป็น “มือบน” ในการให้คำตอบแก่ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม เพื่อให้คนที่ไม่เข้าใจในเรื่องคำสอนของศาสนาได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และตรงกันในเรื่องการหยุดวันศุกร์ ว่าไม่ได้มีส่วนของศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องการออกมาเคลื่อนไหวของผู้นำศาสนาต่อประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน
แฟ้มภาพ - บรรยากาศตลาดสดที่ อ.เมืองปัตตานี
หากทุกฝ่ายยังนิ่งเฉยโดยปล่อยให้สถานการณ์ความเชื่อในข่าวลือในคำขู่ดำรงอยู่ โดยเชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลายไปเอง เพราะไม่มีคนถูกตัดหู หรือเสียชีวิตจากการหยุดวันศุกร์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้เวลาเป็นผู้แก้ปัญหา ปล่อยให้คนกลัวหยุดกลัวเพราะไม่มีกินแล้วกลับเข้าสู่วันเวลาปกติเอง เกรงว่าครั้งนี้จะไม่เป็นเหมือนเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา

เพราะการสถาปนาความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นเพื่อควบคุมประชาชนให้อยู่ในคำสั่งของบีอาร์เอ็นโคออนิเนตครั้งนี้ มีความหมายและมี “นัย” ที่สำคัญมากกว่าการสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้น แต่หมายถึงบีอาร์เอ็นฯ จะมีแผนการต่อไปในการใช้ความกลัวเพื่อควบคุมประชาชน เพื่อชัยชนะทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

กำลังโหลดความคิดเห็น