xs
xsm
sm
md
lg

3 ปมร้อนล้มรัฐบาล “ชายชุดดำ-ไซฟ่อนเงิน”เบา วิบากหนักสุด “จำนำข้าว”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สภาพการณ์ของรัฐบาลเพื่อไทยยามนี้เห็นได้ชัดว่า แกนนำรัฐบาลและแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งสายรัฐมนตรี-สายคณะทำงานฝ่ายยุทธศาสตร์และการเมืองของพรรคเพื่อไทย-สายส.ส.และสายนปช. ไม่ยอมตกเป็นฝ่ายตั้งรับแต่ฝ่ายเดียว มีการสวนกลับให้รวดเร็ว หลังที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามรุกคืบถล่มจนใกล้เพลี่ยงพล้ำ

กรณีให้ก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อออกมาแถลงข่าวดิสเครดิตภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.)ที่มีมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เป็นเลขาธิการซึ่งออกมาปูดข้อมูลเรื่องการไซฟอนเงินจากนักการเมืองไทยไปฮ่องกง 1.6 หมื่นล้านบาท ว่าภตช.เป็นพวกฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เพราะคนที่อยู่ในภตช.อย่างประธานคณะกรรมการคือ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ที่เคยอยู่กับพรรคการเมืองใหม่ ขณะเดียวกัน นายมงคลกิตติ์ เองก็เคยเป็นนักการเมืองเคยลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาราช แถมมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์

สำทับด้วยข้อมูลฝ่ายรัฐบาลที่ว่าภตช.ยังมีพล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตทหารเก่าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทักษิณมาตลอด เป็นหนึ่งในกลุ่มภตช.ด้วย การออกมาปูดข้อมูลเรื่องไซฟอนเงินไปต่างประเทศ เพื่อไทยจึงอ้างว่าข้อมูลไม่มีน้ำหนัก ขาดความน่าเชื่อถือ

แถมก่อแก้วยังซัดกลับตัวมงคลกิตติ์ว่า ไปมัวแต่ตรวจสอบคนอื่นแต่ตัวเองมีบริษัทt.a.e. mart group รับจัดหาอาจารย์ให้โรงเรียนต่างๆ ซึ่งในเว็บไซต์bodinzone board ก็มีอาจารย์ที่เคยไปสอนตามที่บริษัทดังกล่าวจัดหาให้ไปสอนในโครงการพิเศษต่างๆในปี 2553 ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวกลับค้างค่าตอบแทนเป็นเงิน 60,000 บาท จึงให้มงคลกิตติ์ก่อนจะตรวจสอบคนอื่นต้องตรวจสอบตัวเองด้วย

เสียรูปมวยไปพอสมควรสำหรับภตช. เมื่อเจอหมัดสวนกลับ

ความจริงแล้วเรื่องที่ว่ามีใครบ้างที่อยู่ในภตช.อย่างพล.ร.อ.บรรณวิทย์หรือพลเอกกิตติศักดิ์ ก็ไม่ใช่เรื่องลับอะไรเพราะเข้าไปดูเว็บไซด์ของภตช.ก็จะเห็นรายชื่อเหล่านี้หมด แต่น่าแปลกใจที่ทำไมเพื่อไทยถึงเพิ่งออกมาเกทับภตช.ว่าเป็นพวกฝ่ายตรงข้าม เคลื่อนไหวตรวจสอบเพื่อหวังผลการเมือง ทั้งที่เรื่องเงินไซฟอนฮ่องกงเป็นข่าวมาร่วมเดือนกว่าไม่ใช่เพิ่งมาเป็นข่าวช่วงนี้ หรือเพราะกลัวภัยมาถึงรัฐบาล เลยต้องรีบออกมาเคลียร์ด่วน

ผสมกับที่รัฐบาลก็รีบส่งพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมไปตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อยืนยันว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง)ของไทย กับป.ป.ง.ฮ่องกงแล้วไม่มีการตรวจพบการไซฟอนเงินจากไทยไปฮ่องกงอย่างที่กลุ่มภตช.ออกมาปูดข่าว

เท่านั้นไม่พอ ยังมอบหมายให้พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทยไปยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบเรื่องนี้อีกทางหนึ่งว่ามีการไซฟอนเงินจริงหรือไม่ หากไม่มีจะได้เอาผิดคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ด้วยความผิดในเรื่องความมั่นคงต่อรัฐ เพราะเป็นเรื่องที่มีผลต่อชื่อเสียงของประเทศไทย

อีกหนึ่งฉากการรุกของรัฐบาลก็คือการให้พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจที่สน.ลุมพินี เมื่อ 17 ตุลาคม 2555 เพื่อให้ดำเนินคดีกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สุเทพ เทือกสุบรรณ -กรณ์ จาติกวณิช -สาธิต ปิตุเตชะ -ศิริโชค โสภา พร้อมพวก

ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

กรณีจัดงานปราศรัย “เดินหน้าผ่าความจริง ใครบงการคนชุดดำ รับจ้างฆ่าประเทศไทย” ที่สวนลุมพินีเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่มีเนื้อหาการจัดงานและการปราศรัยบางช่วงเพื่อไทยเห็นว่ามีการโจมตีใส่ร้ายทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นผู้บงการกลุ่มชายชุดดำ และการชุมนุมของกลุ่มนปช.

นอกจากนี้ก็มีพวกนปช.ส่วนหนึ่งนำโดยพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย หนึ่งในแกนนำนปช.จะจัดกิจกรรมในวันที่ 27 ต.ค. เวลา 10.00-15.00 น. โดยมีแกนนำนปช.ที่ร่วมกันจัดงานดังกล่าวเช่น พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย เพื่อทำกิจกรรม “แรลลี่ตามจับ คนใจหมา สั่งฆ่าประชาชน 99 ศพ กลางเมืองหลวงประเทศไทย”

โดยอ้างว่าเพื่อต้องการให้รัฐบาลนำคนที่สั่งฆ่าประชาชนที่วันนี้ยังลอยนวลอยู่มาลงโทษ โดยขบวนแรลลี่จะใช้รถมอเตอร์ไซค์เป็นส่วนใหญ่ 300 คัน จัดเป็นรูปขบวนแถวเรียงสาม เคลื่อนไปตามจุดต่างๆ ที่มีคนเสื้อแดงเสียชีวิต

ขณะเดียวกันก็พยายามให้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องโครงการรับจำนำข้าวเกือบภาคส่วนทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำในกระทรวงพาณิชย์-กระทรวงการคลัง-ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือธกส. ออกมาเรียงหน้าบอกข้อดีของโครงการรับจำนำข้าวอย่างต่อเนื่องเพื่อกลบข่าวด้านลบของโครงการรับจำนำข้าวที่ออกมาไม่หยุดหย่อน จะได้ชิงพื้นที่สื่อสารไปถึงประชาชนให้เห็นด้วยกับรัฐบาลที่เดินหน้าไม่มีการถอยหลังทบทวนใดๆกับโครงการรับจำนำข้าว

ทั้ง 3 กรณีข้างต้นคือ

1.ยืนยันว่าไม่มีการไซฟอนเงินจากไทยไปฮ่องกง 1.6 หมื่นล้านบาท และดิสเครดิตกลับพวกกลุ่มภตช. 2.การแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำปชป.ที่ออกมาสร้างกระแสชายชุดดำเกี่ยวข้องกับทักษิณและรัฐบาล รวมถึงการตอบโต้กลับเรื่องชายชุดดำของเพื่อไทยและแกนนำนปช.แบบไม่มีลดราวาศอก และ3.การชี้แจงต่อเนื่องเรื่องการซื้อขายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ในรูปแบบจีทูจี และการย้ำข้องดีของโครงการรับจำนำข้าว

เป็น 3 เรื่องสำคัญคือไซฟอนเงิน-จำนำข้าว-ชายชุดดำ ที่เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำรัฐบาลได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการรวมถึงนำไปพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อ 15 ตุลาคม 2555 ว่าจะเป็น 3 เรื่องหลังที่พวกจ้องล้มรัฐบาลทั้งฝ่ายค้านและพวกกลุ่มการเมืองต่างๆ จะนำมาขยายผลเป็นประเด็นการเมืองเพื่อหวังล้มรัฐบาลให้ได้

“ทีมข่าวการเมือง”มองท่าทีของฝ่ายรัฐบาลและพวกเพื่อไทย ที่สวนกลับแบบดุดันและรวดเร็วทั้งเรื่องรับจำนำข้าว-ชายชุดดำ-ไซฟอนเงินต่างประเทศ ในช่วงนี้ว่า ส่วนสำคัญคงเป็นเพราะใกล้งวดเข้ามาแล้วกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประเด็นไหนที่จะส่งผลต่อเนื่องในทางลบต่อรัฐบาลไปจนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลก็ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้กลายเป็นประเด็นขยายผลจนคนเริ่มคิดว่าหลายเรื่องเป็นเรื่องจริง

เช่น ชายชุดดำที่มีส่วนสำคัญต่อเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองและความรุนแรงหลายครั้งจนทำให้มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมาก ที่ประชาธิปัตย์พยายามบอกว่าเกี่ยวพันกับทักษิณ ชินวัตรและคนในรัฐบาล รัฐบาลก็ต้องรีบออกมายุติเรื่องดับกระแสในแต่ละจุด

เรื่องการรับจำนำข้าว ใครก็ดูออกว่าจะเป็นเรื่องหลักของประชาธิปัตย์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรงไหนที่ผ่อนจากหนักให้เป็นเบาได้ รัฐบาลก็ต้องรีบทำ เพื่อให้เมื่อถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ความหนักของข้อกล่าวหาในโครงการรับจำนำข้าวจะได้ไม่หนักมากเมื่อถึงเวลาอภิปราย โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลปั้นข้อมูลเรื่องการส่งออกข้าวแบบจีทูจี และการเปิดช่องให้มีการทุจริตหลายขั้นตอนในโครงการรับจำนำข้าว จะพบว่าฝ่ายรัฐบาลพยายามแจงทุกวิถีทางผ่านช่องทางสื่อของรัฐทุกแขนงเพื่อกลบข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการรับจำนำข้าวโดยเฉพาะพวกนักวิชาการหลายสถาบัน

นอกจากนี้ เหตุผลที่รัฐบาลพยายามรุกกลับในเรื่องชายชุดดำ-รับจำนำข้าวและไซฟอนเงินอย่างหนัก ก็เพราะช่วงต้นปีจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะเป็นการแข่งขันกันของเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ที่ต่างก็แพ้ไม่ได้ โดยที่คนกรุงเทพมหานครนั้น เป็นคนซึ่งติดตามข่าวสารใกล้ชิด หากเพื่อไทยทำให้คนกรุงเทพฯเห็นว่า โครงการรับจำนำข้าวมีแต่ข้อดี รัฐบาลชุดนี้มีแต่โครงการที่ทำเพื่อประโยชน์คนส่วนใหญ่ของประเทศ -ชายชุดดำไม่เกี่ยวกับเพื่อไทย และไม่มีคนในรัฐบาลทุจริตแล้วขนเงินไปไว้ที่ต่างประเทศ มันก็ย่อมมีผลต่อคะแนนนิยมของเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งกทม.แน่นอน

รวมถึงยังมีปัจจัยเรื่องที่ช่วงนี้มีข่าวเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีก็ย่อมทำให้คนในเพื่อไทย ก็ต้องพยายามแสดงผลงานการเมืองอะไรที่พอทำได้ เพื่อต่อสู้กับประชาธิปัตย์และปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะได้มีผลงานเข้าตาทักษิณ และยิ่งลักษณ์

คนไหนมีชื่อรอลุ้นเป็นรัฐมนตรี หากแสดงผลงานปกป้องรัฐบาลได้ดี ก็ย่อมมีโอกาสมากกว่าคนที่รอลุ้นเหมือนกันแต่ไม่ได้ทำอะไรให้รัฐบาล

ส่วนพวกรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี คนไหนทำผลงานฟาดฟันกับประชาธิปัตย์และชนกับพวกตรงข้ามรัฐบาลได้ดุดัน ก็จะเป็นแต้มต่อในการได้นั่งเป็นรัฐมนตรีต่อหรือได้ตำแหน่งที่ใหญ่และดีขึ้น โดยเฉพาะ เหลิมที่ฟิตจัดชนกับปชป.และพวกภตช.แบบชกมาก็สวนไปทันที ที่ออกแรงหนักคงเพราะหวังรอคั่วเป็นรมว.มหาดไทยแน่นอน

ส่วนเรื่อง จำนำข้าว-ชายชุดดำ-ไซฟอนเงินไปฮ่องกง จะเป็นเรื่องล้มรัฐบาลได้หรือไม่ ให้น้ำหนักกันแล้ว มีแค่ จำนำข้าว เรื่องเดียวจริงๆ ที่ส่งผลมากที่สุด เพราะเรื่องชายชุดดำก็ไม่มีอะไรใหม่แค่ตอบโต้การเมืองกันไปมาระหว่างพท.กับปชป.

รวมถึงเรื่องไซฟอนเงิน ว่ากันตามตรง เป็นเรื่องที่ความน่าเชื่อถือแทบไม่มีเลย ข้อมูลฝ่ายที่กล่าวหาก็มีแต่การกล่าวอ้าง ลอยๆ แต่ไม่มีที่มาที่ไปยืนยันอะไรได้

จำนำข้าว จึงเป็นปมหนักของรัฐบาลเพื่อไทย ในการแจงให้เคลียร์ทุกประเด็น ไม่ใช่ให้คนคิดว่า จำนำข้าว-จีทูจี ที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ก็เพราะมันมีเรื่อง “เจี๊ยะทูเจ๊ง” อย่างที่คนเขาพูดกัน
 ก่อแก้ว พิกุลทอง
บุญทรง เตริยาภิรมย์


กำลังโหลดความคิดเห็น