xs
xsm
sm
md
lg

ไซฟ่อนเงิน

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

กรณีภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของชาติ ออกมาเปิดเผยข้อมูลนักการเมืองไทยไซฟ่อนเงินที่ฮ่องกง ๑.๖ หมื่นล้านบาท และนายองอาจ คร้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์จี้ให้รัฐบาลตรวจสอบเรื่องนี้นั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ขอให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดพูดได้แล้ว และไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องของขบวนการล้มรัฐบาล แต่ไม่โกรธ เข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน เหมือนกับเรื่องชายชุดดำก็ไม่มี ขอให้หยุดพูดเรื่องเหล่านี้ รวมถึงเรื่องจำนำข้าว

ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของชาติเปิดเผยว่า มีรายชื่อนักการเมืองทั้ง ๓๐ คน ที่ขนเงินออกนอกประเทศไปไซฟ่อนยังฮ่องกงแล้ว แต่เปิดเผยได้แค่ว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ “ส” ที่อาจจะเป็นส.ส.หรือรัฐมนตรีของรัฐบาลและเป็นลูกน้องของ “เจ๊ ด.” เกี่ยวข้อง รวมถึงนักการเมืองอักษรย่อ “ช” ในฝ่ายค้านร่วมอยู่ด้วย รายชื่อนักการเมืองดังกล่าวได้รับมาจากองค์กรไอซีเอซีซึ่งเป็นองค์กรภาคเอกชนรวมถึงเอ็นจีโอ ไม่ใช่ข้อมูลจากสำนักงานปปง.ฮ่องกงตามที่มีการเสนอข่าวก่อนหน้านี้ และรายชื่อนักการเมือง ๓๐ คน ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการชุดพิเศษที่ขึ้นตรงกับองค์กรไอซีเอซีก่อน ส่วนเงิน ๑.๖ หมื่นล้านบาทเป็นการถ่ายโอนผ่านธุรกิจขนาดใหญ่ในไทยเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา สังเกตจากจังหวะเวลาเบิกจ่าย ทำให้รู้ว่าส่วนใหญ่น่าจะมาจากการทุจริตโครงการน้ำท่วม การขุดลอกคูคลอง การระบายน้ำซึ่งมีข้าราชการเกี่ยวข้องและไม่ได้เกิดจากโครงการเดียว การไซฟ่อนเงินของนักการเมืองต่างคนต่างทำ ไม่ได้มีแค่ถ่ายโอนเงินออกนอกประเทศ แต่ยังทำในประเทศเก็บไว้ในบ้านนักการเมืองด้วย แต่ภาคีเครือข่ายตนไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจค้น

นายมงคลกิตติ์กล่าวว่าขอเสนอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ตั้งคณะทำงานชุดพิเศษตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเพื่อสามารถเบิกจ่ายงบประมาณการเดินทางไปฮ่องกงเพื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ง่ายขึ้น อีกทั้งคณะกรรมการจะได้มีอำนาจตรวจสอบธุรกรรมการเงินของนักการเมืองทั้ง ๓๐ รายด้วย

ต่อมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้กล่าวถึงกรณีภาคีเครือข่ายฯ ออกมาเปิดเผยข้อมูลนักการเมืองไซฟ่อนเงิน ๑.๖ หมื่นล้านบาทที่ฮ่องกงว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเท็จให้ไปดูว่าภาคีเครือข่ายนี้ใครตั้ง ทั้ง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน หรือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ตนรู้จักคนพวกนี้ดี คณะกรรมการอิสระเพื่อการต่อต้านคอรัปชั่นของฮ่องกง (ไอซีเอซี) ก็บอกแล้วว่าไม่มี แล้วยังมาเอะอะโวยวายว่ามีจนหน้าแหกไปตามๆ กัน เมื่อถามว่ามีการระบุว่า มีทั้งนักการเมืองฝ่ายค้านและรัฐบาลเกี่ยวข้องถึง ๓๐ คน ร.ต.อ.เฉลิมหัวเราะก่อนตอบว่าไม่รู้ แต่คงไม่มีคนชื่อเฉลิม อยู่บำรุง เพราะไม่มีเงินทองมากขนาดนั้น เมื่อถามถึงเรื่องที่ภาคีเครือข่ายจะตรวจสอบที่เดินทางไปฮ่องกงบ่อย ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ภาคีเครือข่ายเอาอำนาจอะไรมาตรวจสอบตน ใครรับรองให้เป็นภาคีเครือข่ายก็ตั้งชื่อเอาเอง มาพบยังไม่ให้พบ ไม่มีเวลา

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายฯ อ้างว่ามีนักการเมืองกว่า ๓๐ คน ไปไซฟ่อนเงินที่ฮ่องกงว่า อย่าใช้วิธีกุข่าวกล่าวหารายวัน ในเมื่อรู้สึกว่าเงินที่เอาไปไซฟ่อนส่วนใหญ่มาจากการทุจริตในโครงการน้ำท่วม ขุดลอกกคลองคูระบายน้ำมีข้าราชการเกี่ยวข้อง ในวันที่ ๑๘ ต.ค. ตนจะไปตั้งโต๊ะรอรับเรื่องจากนายมงคลกิตติ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อส่งเรื่องต่อให้ ร.ต.อ.เฉลิม ถ้ามาไม่ถูกก็ให้นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ที่สนิทสนมกันพามาก็ได้ แต่ถ้าไม่มาแสดงว่าไม่มีข้อมูลนี้อยู่จริง ตนขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง และไม่มีคนในรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยเข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน

ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทยในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าตามที่นายมงคลกิตติ์ออกมาพูดต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถนำหลักฐานมายืนยันได้เหมือนเป็นเด็กเลี้ยงแกะ กุข่าวรายวัน น่าจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งรัฐ ดังนั้นในวันที่ ๑๘ ตุลาคมนี้ จะไปยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวมีจริงหรือไม่ และขอให้เรียกนายองอาจ คร้ามไพบูลย์ซึ่งออกมาขยายผลเรื่องนี้ไปให้ข้อมูลกับดีเอสไอด้วย หากพบว่าเรื่องที่ทั้งคู่พูดมาไม่เป็นความจริงก็ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะถือว่ากระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐ

ครับ เรื่องนักการเมืองไซฟ่อนเงินท้ายสุดแล้วก็เป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมา จริงหรือไม่ก็เป็นเรื่องน่าคิดว่าจะมีเค้ามูลน่าเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะหากเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับว่าปัจจุบันนี้การทุจริตคอรัปชั่นได้กระทำกันในลักษณะข้ามชาติไปแล้วละครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น