ผ่าประเด็นร้อน
หากคิดแบบซาดิสต์ก็ต้องบอกว่า “ดีแล้ว” ที่ศาลรัฐธรรมนูญออกมาชี้ว่าไม่อยู่ในอำนาจในการรับพิจารณาคำร้องของคณาจารย์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) พร้อมด้วยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และนักศึกษาอีกจำนวนหนึ่งร้องให้สั่งยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
ที่ระบุว่าเห็นด้วยดังกล่าว เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาล ที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อสภา ไม่เป็นเรื่องของแง่มุมทางกฎหมาย แต่ต้องการให้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลได้พิสูจน์ให้ถึงที่สุดสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ ทักษิณ ชินวัตร ที่มวลชนคนเสื้อแดงหลงเชื่อผ่านการปลุกระดมโปรโมตจากบรรดาแกนนำทั้งหลายดุจศาสดานั้นในท้ายที่สุดแล้วมันเพียงแค่นโยบายหาเสียงซื้อใจชาวนาฉาบฉวยเท่านั้น เพราะผลประโยชน์จากการหากินกับงบประมาณจากภาษีของคนไทยทั้งประเทศจำนวนมหาศาลที่บรรดานักการเมืองร่วมมือกับบรรดาพ่อค้าโรงสีบางกลุ่มสมคบกันนั้นมันเทียบกันไม่ได้
ในเมื่อคุยใหญ่คุยโตกันว่าเป็นโครงการที่ดี ชาวนาได้ประโยชน์ ไม่ทำให้รัฐบาลต้องขาดทุน ไม่ต้องเป็นภาระงบประมาณก็ต้องเดินหน้าให้เต็มที่ ไม่ต้องไปยั้ง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่าหากเกิดอะไรขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบให้สาสม ไม่ต้องไปบิดเบือนกล่าวโทษ อำมาตย์หรือใครก็ตามว่ามาขัดขวางไม่ให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำเพื่อประโยชน์ของชาวนาที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือความพยายามในการบิดเบือนดันทุรังและปกปิดความจริง ปกปิดความผิดพลาดและการทุจริตของนักการเมืองที่เป็นระดับ “ขาใหญ่” ในรัฐบาล เพราะผลแห่งนโยบายรับจำนำข้าวซึ่งในทางที่ถูกต้องก็คือการรับซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาดทุกเมล็ดผ่านมาเพียงแค่หนึ่งปีได้สร้างความเสียหาย ทำให้รัฐต้องขาดทุนไปแล้วนับแสนล้านบาท และยังทำลายตลาดค้าข้าวของไทยจนย่อยยับ เพราะจากเดิมที่ไทยเป็นประเทศที่เคยส่งออกข้าวได้เป็นอันดับหนึ่งของโลก มาบัดนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วยอดการส่งออกข้าวกลับลดลงไปกว่าครึ่ง
เวลานี้ข้าวไทยขายไม่ออก เพราะมีราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่งเกือบเท่าตัว นั่นคือประเทศอื่นขายในราคาตันละห้าร้อยกว่าเหรียญสหรัฐฯแต่ของไทยต้องขายในราคาตันละแปดร้อยกว่าเหรียญฯ
ที่ผ่านมารัฐบาลโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บุญทรง เตริยาภิรมย์ ได้ออกมายืนยันมาตลอดว่าตัวเลขส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 7 ล้านตัน แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่าขายให้กับประเทศใดบ้าง บอกคลุมๆว่าหลายประเทศและจะได้เงินคืนมาแบบตัดยอดทั้งหมดในราวปลายปีหน้า
ล่าสุดเมื่อสองวันก่อนก็ได้ลากนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้มาช่วยกันอธิบายและยืนยันตัวเลขทำนองว่าโครงการรับจำนำกำลังไปได้สวย เพราะชาวนาชอบใจ แต่ในเมื่อมันส่อไปในทางทุจริตมิชอบถึงจะเตี๊ยมกันอย่างไรยิ่งพูดมากมันก็ยิ่งสับสน เพราะเมื่อเจอกับคำถามแบบจี้ไชแบบละเอียดยิบของสื่อทำเนียบรัฐบาลก็ทำให้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์กลายเป็นตัวตลกขึ้นมาทันที
เพราะข้อมูลที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ บอกว่า ไทยขายข้าวไปแล้วกว่า 8 ล้านตัน แต่โพล่งว่าเป็นแบบเอ็มโอยูหรือบันทึกช่วยจำ หรือสัญญาว่าจะซื้อจะขายกับหลายประเทศมีประเทศในอาเซียนก็มี ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อ้างว่าขายไปแล้วกว่า 7 ล้านตัน แต่เป็นลักษณะสัญญาซื้อขายไม่ใช่เอ็มโอยู และเป็นความลับทางราชการว่าขายให้กับประเทศใดบ้าง โดยย้ำว่าในปีหน้าก็จะได้เงินครบ
นี่ขนาดออกมาจากห้องประชุมเดียวกัน ทั้งคนพูดคนรายงานเจ้านายและลูกน้องก็เป็นคนเดียวกัน แต่ที่พิลึกก็คือข้อมูลไม่ตรงกัน เพราะคำว่าเอ็มโอยูกับสัญญาซื้อขายนั้นมันมีน้ำหนักต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเอ็มโอยูนั้นในวงการเขาถือว่าเป็นคำพูดแบบกว้างๆแบบเอาใจ ไม่ได้ยืนยันเป็นมั่นเหมาะ หรือแม้แต่ทำสัญญาซื้อขายก็ยังไม่ชัวร์ว่าจะได้เงิน เพราะต้องมีการเปิดแอลซี จากแบงก์รับรอง แต่ที่สำคัญก็คือที่อ้างตัวเลขว่าส่งออกไปเท่านั้นเท่านี้กี่ล้านตันในความเป็นจริงแล้วยังไม่มีการเคลื่อนไหวข้าวที่ท่าเรือแม้แต่เมล็ดเดียว ซึ่งในวงการค้าข้าวเขารู้เขาเห็น ปิดกันไม่ได้หรอก
ขณะที่ผลการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐบาลด้วยกันเองที่นำโดย รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ใช้ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่ติดตามการทุจริตที่มีการระบุกันว่ามีกันแบบมโหฬารแทบทุกเมล็ด เช่นเดียวกัน ก็กลับพบว่ามีแต่ระดับรายย่อยปลาซิวปลาสร้อย ที่สำคัญไม่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องแม้แต่รายเดียว
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือแม้ว่าในระยะสั้นการตั้งราคารับจำนำ(รับซื้อสูงกว่าราคาตลาด)จะทำให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาสูง แต่ปัญหาในระยะยาวก็คือในเมื่อรัฐบาลระบายข้าวที่ซื้อมาเก็บไว้ในสต็อกจำนวนมหาศาลจะทำอย่างไร เพราะจะขายออกไปก็ไม่ได้ เพราะแพงกว่าประเทศอื่น ถ้าจะขายก็ต้องขายแบบขาดทุน ยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งเสื่อมคุณภาพ และในฤดูกาลใหม่ข้าวใหม่ก็จะต้องมาสมทบเข้ามาอีกแล้วจะเอาโกดังที่ไหนเก็บ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ตอนนี้เริ่มมีการมองหาพื้นที่ของทหารที่จะใช้เป็นโกดังเก็บข้าว ซึ่งก็สวนทางกับความเป็นจริง เพราะถ้าขายข้าวออกไปได้จริงก็ต้องมีพื้นที่เหลือว่าง แต่นี่หมายความว่าของเก่ายังขายไม่ออกของใหม่ก็จะเข้ามาเพิ่ม เมื่อเป็นแบบนี้หากรัฐบาลเห็นว่าดีจริงก็ต้องเดินหน้าอย่าได้ยั้ง
แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีการบันทึกกันไว้ทุกคำพูดว่าใครพูดอย่างไร ทำอย่างไรอย่าให้ตกหล่นเป็นอันขาด เพราะต่อไปหากจะคิดบัญชีก็ต้องเช็กบิลกันตั้งแต่หัวยันหาง ประเภท ทักษิณ คิด เพื่อไทยทำ ถ้าล้มเหลวดีแต่โม้หรือประเภท “โกหกสีขาวหรือ โกงสีขาว” เหมือนเมื่อก่อนก็ต้องกระทืบให้จมดินทีเดียวพร้อมกัน !!