กมธ.กฎหมาย สภาฯ ถกการบังคับใช้กฏหมาย 5 จังหวัดชายแดนใต้ เชิญ กอ.รมน., ภาค 4, สมช. แจง “สุรเชษฐ์” เผยที่ประชุมสอบผู้ปฏิบัติงานจ่อลงพื้นที่เก็บข้อมูลเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อ ด้านโฆษกกอ.รมน.ชมชาวบ้านรวมพลังค้านโจรใต้ขู่ห้ามขายวันศุกร์ วอนประชาชนแจ้งเบาะแสเพิ่ม
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประกอบด้วย พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551, พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553, พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548, พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534, และ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2547 ซึ่งได้เชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, กองทัพภาคที่ 4 สภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าให้ข้อมูล
โดยนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส. จ.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมในวันนี้เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ และเป็นการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายการเมืองหลังจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลากว่า 8 ปี รวมถึงแนวคิดที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่หลายฝ่ายต่างก็เห็นด้วย และในฐานะ ส.ส.ในพื้นที่ก็มองว่า พ.ร.ก.นี้มีผลดีต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่มีความรุนแรงแต่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ที่ไม่มีความรุนแรงเพราะใน 3 จังหวัดภาคใต้ก็มีหลายจุดด้วยกันที่ไม่มีความรุนแรง เช่นใน อ.แม่ลา จ.ปัตตานี ที่มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปนั้น ผลก็เป็นที่น่าพอใจ และตนมองว่าการแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ถือว่าเป็นไปด้วยดี แต่สิ่งที่ตนมองว่าควรที่จะต้องมาพิจารณาคือการบังคับใช้กฎหมายที่คนในพื้นที่อาจมองว่าได้รับความไม่เป็นธรรม โดยหลังจากนี้ทางคณะกรรมาธิการจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลทำเป็นข้อสรุปและหาช่องทางเสนอให้รัฐบาลพิจารณาความเป็นไปได้ต่อไป
ขณะที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวชื่นชมประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ออกมารวมพลังแสดงท่าทีคัดค้านต่อกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบขู่ให้ประชาชนหยุดค้าขายในทุกวันศุกร์ ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาทาง กอ.รมน.ได้ติดตามสังเกตท่าทีของประชาชนในพื้นที่อยู่จึงได้ทราบว่าประชาชนหลายพื้นที่ต้องการจะค้าขายตามปกติ และไม่ยอมรับคำขู่ของผู้ก่อเหตุ ซึ่ง กอ.รมน.ขอชื่นชมต่อท่าทีดังกล่าว และขอให้มีความเชื่อมั่นในการดูแลของเจ้าหน้าที่ โดยทาง พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ปรับปรุงแก้ไขวิธีการที่จะดูแลชุมชนหรือย่านธุรกิจต่างๆ ให้มีความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น แต่ต้องการความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ หากทราบเบาะแสของผู้ที่ออกมาข่มขู่ หรือผู้ที่พยายามจะก่อเหตุร้าย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบจะได้ลดบทบาทของผู้ที่จะก่อเหตุร้ายลงให้ได้มากที่สุดและเพิ่มความปลอดภัยให้ประชาชนโดยรวม
“ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อคำขู่เหล่านั้น ต่อไปหากเราหลงเชื่อยอมรับวันศุกร์เป็นวันหยุด ต่อไปก็จะมีการขู่เรียกร้องให้หยุดในวันอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับอย่างนั้น ขอให้ประชาชนยอมรับวันทำงานหรือวันหยุดตามที่ทางราชการกำหนดไว้เดิม และทางราชการจะเพิ่มมาตรการดูแลเขตเศรษฐกิจหรือพื้นที่ชุมชนที่มีการค้าขายให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลเขตเมืองก็ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนให้ประชาชนค้าขาย เพราะหากไม่ออกมาค้าขายจะทำให้ผู้ที่ต้องการอาหารสดเดือดร้อน ส่วนเรื่องที่มีการก่อเหตุร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์รายวันนั้น เราพยายามให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตัวเอง และเจ้าหน้าที่ก็เพิ่มมาตรการในการดูแลให้มากขึ้น” โฆษกกอ.รมน.กล่าว
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประกอบด้วย พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551, พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553, พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548, พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534, และ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2547 ซึ่งได้เชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, กองทัพภาคที่ 4 สภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าให้ข้อมูล
โดยนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส. จ.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมในวันนี้เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ และเป็นการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายการเมืองหลังจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลากว่า 8 ปี รวมถึงแนวคิดที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่หลายฝ่ายต่างก็เห็นด้วย และในฐานะ ส.ส.ในพื้นที่ก็มองว่า พ.ร.ก.นี้มีผลดีต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่มีความรุนแรงแต่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ที่ไม่มีความรุนแรงเพราะใน 3 จังหวัดภาคใต้ก็มีหลายจุดด้วยกันที่ไม่มีความรุนแรง เช่นใน อ.แม่ลา จ.ปัตตานี ที่มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปนั้น ผลก็เป็นที่น่าพอใจ และตนมองว่าการแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ถือว่าเป็นไปด้วยดี แต่สิ่งที่ตนมองว่าควรที่จะต้องมาพิจารณาคือการบังคับใช้กฎหมายที่คนในพื้นที่อาจมองว่าได้รับความไม่เป็นธรรม โดยหลังจากนี้ทางคณะกรรมาธิการจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลทำเป็นข้อสรุปและหาช่องทางเสนอให้รัฐบาลพิจารณาความเป็นไปได้ต่อไป
ขณะที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวชื่นชมประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ออกมารวมพลังแสดงท่าทีคัดค้านต่อกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบขู่ให้ประชาชนหยุดค้าขายในทุกวันศุกร์ ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาทาง กอ.รมน.ได้ติดตามสังเกตท่าทีของประชาชนในพื้นที่อยู่จึงได้ทราบว่าประชาชนหลายพื้นที่ต้องการจะค้าขายตามปกติ และไม่ยอมรับคำขู่ของผู้ก่อเหตุ ซึ่ง กอ.รมน.ขอชื่นชมต่อท่าทีดังกล่าว และขอให้มีความเชื่อมั่นในการดูแลของเจ้าหน้าที่ โดยทาง พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ปรับปรุงแก้ไขวิธีการที่จะดูแลชุมชนหรือย่านธุรกิจต่างๆ ให้มีความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น แต่ต้องการความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ หากทราบเบาะแสของผู้ที่ออกมาข่มขู่ หรือผู้ที่พยายามจะก่อเหตุร้าย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบจะได้ลดบทบาทของผู้ที่จะก่อเหตุร้ายลงให้ได้มากที่สุดและเพิ่มความปลอดภัยให้ประชาชนโดยรวม
“ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อคำขู่เหล่านั้น ต่อไปหากเราหลงเชื่อยอมรับวันศุกร์เป็นวันหยุด ต่อไปก็จะมีการขู่เรียกร้องให้หยุดในวันอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับอย่างนั้น ขอให้ประชาชนยอมรับวันทำงานหรือวันหยุดตามที่ทางราชการกำหนดไว้เดิม และทางราชการจะเพิ่มมาตรการดูแลเขตเศรษฐกิจหรือพื้นที่ชุมชนที่มีการค้าขายให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลเขตเมืองก็ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนให้ประชาชนค้าขาย เพราะหากไม่ออกมาค้าขายจะทำให้ผู้ที่ต้องการอาหารสดเดือดร้อน ส่วนเรื่องที่มีการก่อเหตุร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์รายวันนั้น เราพยายามให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตัวเอง และเจ้าหน้าที่ก็เพิ่มมาตรการในการดูแลให้มากขึ้น” โฆษกกอ.รมน.กล่าว