“ยุทธศักดิ์” คาดที่ดินจังหวัดชายแดนใต้โดนกว้านซื้อเป็นการฟอกเงิน โยงแนวร่วม พร้อมเร่งแก้ไขตั้งงบจำนอง 1,200 ล. มี “ยงยุทธ” ดำเนินการ เผยปัตตานีถูกซื้อมากสุด อ้าง “ประยุทธ” ไม่เห็นด้วย โอไอซีลงพื้นที่ถกปัญหา ชี้เรื่องภายใน ย้ำผู้ว่าฯ จชต.ตั้งนายอำเภอเองเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน
วันนี้ (7 ก.ย.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงปัญหากลุ่มผู้มีอิทธิพล และเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ข่มขู่กว้านซื้อที่ดินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ใน 3 จังหวัดภาคใต้พบว่าจังหวัดปัตตานีเป็นพื้นที่ที่มีการกว้านซื้อมากที่สุด ช่วงที่ผ่านมาในรอบปี 55 มีการดำเนินการซื้อที่ดินถึง 39 ครั้ง จำนวนกว่า 2,600 ไร่ ถือว่าเป็นการซื้อขายที่ดินเป็นจำนวนมาก คนที่ซื้อก็เป็นคนในพื้นที่ ซึ่งการจัดซื้อน่าจะเป็นเรื่องของการไล่บุคคลบางคนออกจากพื้นที่ อาจเป็นการฟอกเงินของผู้มีอิทธิพล ค้ายาเสพติดด้วย เป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ และสมเด็จพระบรมราชชินีนาถทรงเป็นห่วงเรื่องนี้อย่างยิ่ง ซึ่งคงจะได้มีการปรารภกับผู้บัญชาการทหารบกด้วย แต่ทางรัฐบาลขณะนี้ได้มอบงานให้ ศอ.บต.ไปแก้เรื่องนี้ให้ได้ โดยได้ตั้งงบประมาณ 1,200 ล้านบาทก่อน โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานดำเนินการในเรื่องนี้ผ่าน ศอ.บต. เพราะฉะนั้นขณะนี้ ศอ.บต.กำลังจะให้มีการจำนอง หรือรับซื้อที่ดินไว้ เมื่อมีเงินก็มาไถ่ถอนได้โดยให้เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ไม่ใช่คนที่ไม่เหมาะสม
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวต่อว่า ผบ.ทบ.ก็ทราบแล้วว่าเป็นโครงการที่รัฐบาลทำ และนายกฯ ได้สั่งการผ่านการดำเนินการของ ศอ.บต. หากทาง กอ.รมน.ได้รับเรื่องก็จะส่งเรื่องให้ ศอ.บต.ดำเนินการ ผู้ดูแลงบฯ คือนายยงยุทธ และขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังตรวจสอบบุคคลหลายฝ่ายที่มีเงินหมุนเวียนเกินความจำเป็น หรือมากกว่าปกติทางภาคใต้ แล้วเจ้าหน้าที่คนไหนมีลักษณะแบบนี้
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ส่วนที่ทางประธานองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) จะเดินทางมาพบแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อหารือและรับทราบปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น โอไอซีจะมีการประชุมกลางเดือน ก.ย.นี้ และจะมีการประชุมใหญ่ในเดือน พ.ย. โอไอซีจะขอลงไปเจรจาระดับพื้นที่เลย ทาง พล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา ผบ.ทบ.ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ยังไม่เห็นด้วยที่จะเข้าไปในลักษณะนั้น โอไอซีควรจะมาซักถามในส่วนของนโยบายกับหน่วยเหนือก่อน คือควรดำเนินการไปตามขั้นตอน การเข้ามาเกี่ยวข้องลึกมากเกินไป ผบ.ทบ.ก็ไม่อยากให้เป็นลักษณะอย่างนั้น เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาของประเทศ
“รัฐบาลยังยืนยันว่าสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยรัฐบาลและคนไทยด้วยกันเอง โอไอซีบอกเพียงว่า อยากจะทราบสถานการณ์จาก มทภ.4 เท่านั้นเอง แต่ก็ควรจะติดต่อจากข้างบนลงไปข้างล่าง และการทราบสถานการณ์ถ้าเกี่ยวข้องกับต่างประเทศไม่เหมาะสม เราไม่จำเป็นต้องใช้มือต่างชาติ หรือสหประชาชาติเข้ามายุ่งประเทศของเราที่กำลังแก้ไขกันอยู่และกำลังทำได้อยู่ด้วย ขณะนี้ก็ยังไม่เห็นหลักฐานขอมา ต้องป้องกันไม่ให้มีการแทรกแซงในพื้นที่ประเทศของเรา จัดการด้วยตัวเราเองได้ ไม่ได้ต้องการให้มีสถานการณ์ไปเกี่ยวข้องอย่างที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ จะไม่ให้มีการปะทะกันด้วยอาวุธอย่างรุนแรง แต่เน้นเรื่องความยุติธรรม ถ้าหากเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการต่อสู้รุนแรง กอ.รมน.จะไม่ทำด้วยเพราะถือว่าประชาชนที่อยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นคนไทยหมด อยู่ภายใต้กฎหมายไทยหมด ได้รับความเป็นธรรมเท่ากันหมด ต้องบอกให้เข้าใจ” พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนที่จะให้ ผอ.ศอ.บต.และ ผอ.กอ.รมน. สามารถเสนอ รมว.มหาดไทยในการแต่งตั้งผู้ว่าฯ 5 จังหวัดชายแดนใต้ได้นั้น ตรงนี้มีผู้ว่าฯ หลายคนมีความพร้อม และมีความตั้งใจจริงลงไปทำงานภาคใต้ โดยความรู้สึกผู้ปฏิบัติในพื้นที่ถ้า ศอ.บต. กอ.รมน. ตำรวจ ผู้ว่าฯ ซึ่งเป็น 4 เสาหลักในพื้นที่ก็จะทำงานได้อย่างเป็นเอกภาพ อย่างผู้ว่าฯ เหลืออายุราชการปีเดียวแล้วไปอยู่ในพื้นที่ ทางกระทรวงมหาดไทยตั้งไปก็ไปทิ้งทวนก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร และทางผู้ว่าฯ หลายจังหวัดขอเลือกนายอำเภอเพื่อเป็นแขนเป็นขาให้เต็ม นายกฯ ให้อำนาจแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทั้ง 5 จังหวัดและต้องให้ผู้ว่าฯ เป็นคนเลือก และคนเป็นผู้ว่าฯ ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ศอ.บต.และ กอ.รมน. และ ผบ.ตร.ภาคด้วย ต้องได้ผู้ว่าฯ ที่ใส่ใจทุกข์สุขประชาชนในพื้นที่