ผบ.ทบ.แจงพลเอกเขียนซัดทหารสลายแดงของเก่า ชี้แค่เข้าใจผิด เผยเขียนแก้ใหม่แล้ว ลั่นขอตามล่าปืน-กระสุนที่โดนแดงปล้น จี้สื่อหยุดโฆษณาผลงานโจรใต้ ลั่นถ้าทหารใช้ กม.เต็มที่ไม่ได้ ไฟใต้ก็สงบยาก เชื่อเข้าประชาคมอาเซียนไม่ทำดับไฟใต้ยาก ชี้ “ฮุน เซน” ต้องรับผิดชอบ สร้างโรงนิวเคลียร์เกาะกง ปัดหนุนโครงการจำนำข้าว แจงแค่หาโกดังเก็บข้าว ชี้ค่ายทหารไม่เหมาะเก็บข้าว
วันนี้ (9 ต.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะอนุกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เชิญ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชายชุดดำจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อปี 2553 ว่า การเข้าชี้แจงเป็นการรายงานตามข้อเท็จจริงที่ประสบมา ส่วนปืนที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงยึดไประหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเมือปี 2553 นั้นก็ยังไม่ได้คืน โดยทางกองทัพได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจไว้แล้ว ซึ่งได้ติดตามประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องนี้มา 2 แล้ว แต่ยังไม่ได้คืน โดยปืนหายไป 20 กว่ากระบอก ทั้งปืนทาโวร์ ปืนเอ็ม 16 ปืนลูกซอง และ กระสุนปืน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายทหารระดับพลเอก อดีตเตรียมทหารรุ่น 11 เขียนไม่พอใจบทความของทหารที่เกี่ยวกับยุทธการกระชับพื้นที่บริเวณราชประสงค์เมื่อวันที่ 14-19 พ.ค. 2553 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ท่านพูดหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ท่านคงไม่เข้าใจ ซึ่งครั้งแรกที่มีการตีพิมพ์ นักวิชาการของกรมยุทธศึกษาทหารบก (ยศ.ทบ.) เขียนในแง่มุมของนักวิชาการอย่างเดียว เขาไม่รู้ว่ามีศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อย่างไร มีการทำงานอย่างไร ไม่รู้ขั้นตอนและรีบเขียนออกมา เขาหวังว่า เป็นการวิเคราะห์ของเขาอย่างเดียว และลงในเอกสารของ ยศ.ทบ. แต่ต่อมาเมื่อรู้ว่าไม่ใช่จึงเขียนแก้ ลองไปเอาฉบับแก้มาดูว่าเขาเขียนแก้อย่างไร ซึ่งเราไม่ได้บังคับให้แก้ เขาเขียนแก้เขาเอง เขายอมรับว่าเขียนครั้งแรกเพราะเข้าใจผิด ซึ่งผู้บังคับบัญชาที่เขียนท่านไม่รู้เรื่อง เพราะท่านไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ท่านพูดของท่านเอง คนไม่จำเป็นจะต้องคิดเหมือนกัน แต่จะต้องดูความถูกต้องอยู่ตรงไหน เมื่อถามถึงกรณีคนดังกล่าวเปรียบการกระชับพื้นที่ว่าเป็นการรุมยิงนกในกรง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตนไม่เคยยิงนกในกรง และไม่เคยยิงนกด้วย
เมื่อถามถึงสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ว่า สถานการณ์ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ขึ้นลงตามกระแสของสื่อด้วย สำหรับเหตุการณ์ที่มีการข่มขู่พี่น้องประชาชนไม่ให้ออกมาขายของทุกวันศุกร์ เหตุกาณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวควรบอกกล่าวให้กับประชาชนในพื้นที่ออกมาใช้ชีวิตตามปกติและให้เกิดความมั่นใจ โดยสื่อต้องเป็นตัวช่วยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและเจ้าหน้าที่จะเป็นคนดูแลให้ประชาชนออกมารวมพลังคนจำนวนมาก โจรจำนวนน้อย ทำไมเราไม่ออกมาสู้เขา เราคอยจะให้พวกโจรมาชี้นำเราได้อย่างไร เมื่อท่านจนไม่มีอาชีพแล้วจะเอารายได้ที่ไหนไปเลี้ยงลูกเมีย สื่อจะไปโฆษณาให้กับโจรทำไมตนไม่เข้าใจ แล้วสื่อก็หันกลับมาเล่นงานเจ้าหน้าที่ ในเวลาที่เจ้าหน้าที่เดินลาดตระเวนถ้ามีคนออกมาพูดว่า ประชาชนออกมาแล้ว แล้วถูกทำร้าย แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้มี เพราะในตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ทุ่มกำลังเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งตนเคยบอกไว้ว่า ถ้าให้ประกาศพื้นที่กฏอัยการศึก สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้เจ้าหน้าที่ได้ทั้งหมดหรือไม่ จะห้ามคนเข้าคนออกก็ไม่ได้ ทำได้กันหรือไม่ ถ้ายังทำไม่ได้ไม่ต้องมาเรียกร้องกับเจ้าหน้าที่
เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมของกองทัพเพื่อเข้าสูประชาคมอาเซียนว่า ในการสนับสนุนรัฐบาลเรื่องการร่วมกันระหว่างอาเซียนด้วยกันแล้วทำอย่างไรถึงจะขจัดความขัดแย้งภายในชาติได้ ในวันนี้ต้องแก้ปัญหาเรื่องภาคใต้ให้ได้โดยเร็ว สำหรับประชาชนทุกหมู่เหล่าต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้และต้องเร่งทำความเข้าใจ ปัญหาทางภาคใต้เกิดขึ้นเพราะความไม่เข้าใจด้วยประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ ในวันนี้จะนำทหารลงไปรบอย่างเดียวมันแก้ไม่ได้ต้องแก้ด้วยการพัฒนา การบังคับใช้กฏหมายและแก้ด้วยการเอาจริงเอาจังในปัญหาทั้งหมด ในทุกส่วนราชการให้ไปไล่ดูว่าทั้งหมดที่พูดมาทำแล้วรึยัง ทั้งนี้ คิดว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะไม่ทำให้การแก้ปัญหาในชายแดนใต้ลำบากขึ้น เพราะทุกภาคส่วนต้องช่วยกันลงมาพูดคุยกัน และต้องหามิติช่องทางให้พบ ต่อจากนี้ไปประเทศแต่ละประเทศจะมาขัดแย้งกันเองไม่ได้แล้ว ประเทศที่อยู่รอบบ้านเราก็ต้องเข้ามาดูว่าขัดแย้งเรื่องอะไร และเข้ามาคลี่คลายให้ลดระดับลง รวมถึงรบกันน้อยลง แต่จะต้องแลกด้วยผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ถ้าหากเรายังรบกันมากๆ เศรษฐกิจก็แย่ลง ถ้ามารบกัน ของก็ขายไม่ได้ ดังนั้นจะต้องค้าขายร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งน้อยลง ส่วนการค้าขายตามชายแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทางด้านเขาพระวิหาร ก็น่าจะดีขึ้น แต่มันจะดีรึเปล่า ไม่รู้ต้องไปถามกัมพูชา จะมาถามตน และถามทุกประเทศในโลกไม่ได้ ทางกัมพูชาจะคิดอย่างไรก็เรื่องของเขา
เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะมาสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกาะกงว่า โครงการดังกลาวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็มีตัวอย่างอยู่แล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้นก็จะบานปลาย ถ้าเกิดทางเขาจะสร้างก็จะอยู่ในพื้นที่ประเทศของเขาเอง ต้องมาดูว่า ทางอาเซียนจะยอมหรือไม่ยอม ต้องเข้ามาหรือกันเพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้ง 10 ประเทศ ประเทศใดจะทำอะไรต่อไปนี้ก็ต้องมีการพูดคุยกัน ไมใช่ว่าต่างคนต่างทำ ถ้าหากทำแล้วเกิดผลสียขึ้นมาประเทศนั้นก็ต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ท่านทรงทำมาตลอดพระชนม์ชีพอยู่แล้วไม่ต้องสงสัย ส่วนทางกองทัพบกช่วยเหลือเรื่องนี้มาตลอดช่วยเหลือตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำ และปลายน้ำ ขนาดน้ำยังไม่ท่วมก็ช่วยด้วยการป้องปราม แจ้งเตือน และขนย้าย พอน้ำท่วมเราก็ไปช่วยเหลือให้ประชาชนอยู่ได้ จากนั้นจะฟื้นฟู
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้ใช้พื้นที่ในหน่วยทหารเป็นโกดังเก็บข้าวว่า รมว.กลาโหมเป็นคนสั่งการว่าถ้ามีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องจัดหาพื้นที่เพิ่มเราก็จะต้องทำ เมื่อผู้บังคับบัญชาการสั่งเราจะต้องปฏิบัติ ส่วนกรณีที่มี่การวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้น ตนไม่รู้ ต้องไปพิสูจน์เอาเองว่าทุจริตหรือไม่ทุจริต มีกระบวนการอยู่แล้ว ตนไม่ได้หนุนโครงการนี้ เพียงแต่ รมว.กลาโหมสั่งให้ตนหาโกดัง อย่ามาเหมารวมว่าทหารหนุนโครงการรับจำนำข้าว เขาสั่งให้หาโกดังไม่ได้สั่งให้หนุนโครงการจำนำข้าว มันเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งจากการรายงานยังไม่มีการนำข้าวเข้ามาจัดเก็บไว้ในหน่วยทหาร แต่คิดว่ารัฐบาลคงมีพื้นที่กักเก็บอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม คิดว่าควรจัดเก็บไว้ข้างนอกดีกว่า เพราะดูแลได้ง่ายกว่า อีกทั้งค่ายทหารไม่ใช่ที่เก็บ อาจจะมีความชื้น หากน้ำท่วมขังเสียหาย ตนก็ไม่มีเงินจ่าย แต่จะต้องเตรียมสถานที่เอาไว้ตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง ทั้งนี้งานหลายอย่างที่รัฐบาลมอบหมายให้กองทัพทำเพราะกองทัพมีความพร้อมมีสายบังคับบัญชาแน่นแฟ้นไม่ได้หมายความว่าทหารจะเก่งดีกว่าคนอื่น อีกทั้งวิธีการแก้ไขปัญหาทหารสามารถทำได้เร็ว เพราะมีความพร้อมด้านคน สถานที่ และยุทโธปกรณ์ แต่ระยะยาวให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบไป