xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” ชวนเอกชนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจีเอ็มเอส เพื่อความมั่งคั่งทาง ศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (แฟ้มภาพ)
“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” เชิญชวนภาคเอกชนร่วมลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานระบบการขนส่งทางรถไฟ ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน รวมถึงโครงข่ายสื่อสารในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อเป็นเส้นทางไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและไทย หวังลดภาระงบประมาณ และหนี้สินของรัฐบาล

ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ วันนี้ (5 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมการลงทุนในประเทศไทย จัดโดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสมาคมซีเอฟเอ ไทยแลนด์

นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดสัมมนาหัวข้อ “โอกาสของประเทศไทยจากการพัฒนาของประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” ว่า ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับอนาคตในการเจริญเติบโตของประเทศไทย และเป็นกุญแจสำคัญต่อประชาคมอาเซียนที่กำลังจะเปิดขึ้น และการเปิดประเทศเมียนมาร์จะทำให้ภูมิภาคนี้มีโอกาสทางการค้าการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาประเทศในภูมิภาคดังกล่าวมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในแง่ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

สำหรับการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (จีเอ็มเอส) เมื่อปลายปี 54 ที่ประชุมได้เห็นพ้องต่อกรอบยุทธศาสตร์จีเอ็มเอสฉบับใหม่สำหรับ 10 ปีข้างหน้า ซึ่งให้ความสำคัญต่อการขยายและใช้เส้นทางขนส่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ช่วยให้การไหลเวียนของสินค้าและบริการกว้างขวางและรวดเร็ว

ส่วนการเชื่อมโยงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการพัฒนาและการเติบโตอย่างยั่งยืน และขณะนี้การสร้างระเบียงเศรษฐกิจ เหนือ-ใต้ ตะวันออก-ตะวันตก และฝั่งใต้ มีความคืบหน้า โดยจะช่วยให้การเชื่อมโยงด้านขนส่ง (ลอจิสติกส์) และห่วงโซ่อุปทานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประเทศไทยจึงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเชื่อมโยงและเครือข่ายการคมนาคม ดังนั้น เราได้เร่งการลงทุนจำนวน 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท) ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยการลงทุนในการบริหารจัดการน้ำครอบคลุมทั้งการลงทุนเพื่อป้องกันอุทกภัยระยะสั้นและแผนระยะยาว ขณะที่การลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมไทยไปสู่ลาวและจีนตอนใต้ จะช่วยการขนส่งผลิตภัณฑ์อาหารและของสดได้อย่างรวดเร็ว

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยว่า สำหรับการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศไทยได้ให้การสนับสนุน ซึ่งในการหารือกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ที่สหรัฐอเมริกา ทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องที่จะให้มีกลไกและแผนแม่บทสำหรับโครงการนี้ที่จะเชื่อมต่อกับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เพื่อให้เป็นเส้นทางเชื่อมใหม่ระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิก ซึ่งช่วยย่นระยะทางการขนส่งและลดต้นทุน นำไปสู่การค้าและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค

นอกจากนี้ การริเริ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นกลไกสำคัญสำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบการขนส่งทางรถไฟ ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน ระบบน้ำและประปา รวมถึงโครงข่ายในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่ช่วยเพิ่มกระแสไหลเวียนของเงินทุนภายในระบบเศรษฐกิจในภูมิภาค ที่นำมาซึ่งการเติบโตของภาคการผลิตที่แท้จริงและตลาดทุน

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้าร่วมโครงการลงทุนนี้ในฐานะหุ้นส่วนของรัฐบาล เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินในภูมิภาค และจะช่วยลดภาระด้านงบประมาณและหนี้สินของรัฐบาล

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่าอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เป็นเส้นทางที่นำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และในส่วนของประเทศไทยจะยังคงบทบาทนำในการขับเคลื่อนการเติบโตและการพัฒนาในภูมิภาค ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาในอนุภูมิภาคแห่งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น