ต้องดูกันไปว่า การปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์3จะยื้อไปได้นาน โดยที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนกรานหนักแน่นไม่ปรับครม.ช่วงนี้ หากไม่มีการปรับครม.ยิ่งลักษณ์จะแก้เกมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างไร
หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศแล้วว่าจะไม่รอการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบหนึ่งปีต่อที่ประชุมรัฐสภา เพราะครบหนึ่งปีไปตั้งแต่ 23 สิงหาคม ก็ยังไม่วี่แววว่ารัฐบาลจะทำอะไร ฝ่ายค้านจึงเตรียมสรุปให้ได้ความชัดเจนภายในปลายเดือนนี้แล้วว่า
จะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใดและทำแบบไหน จะซักฟอกรายบุคคลหรือทั้งคณะ ปลายเดือนนี้ได้รู้แน่นอน
ในส่วนของเพื่อไทยที่ผ่านมาก็เตรียมตั้งหลักเอาไว้นานแล้วว่า ถึงคิวซักฟอกเมื่อไหร่ ยิ่งลักษณ์ ไม่รอดมือประชาธิปัตย์แน่นอน แต่ในส่วนของรัฐมนตรีคนอื่น โดยเฉพาะพวกสายล่อฟ้าทั้งหลายที่จะโดนอภิปรายแล้วพ่วงเอายิ่งลักษณ์โดนหางเลขเข้าไปด้วย ก็เป็นเรื่องที่ทักษิณ ชินวัตรและยิ่งลักษณ์ ก็ต้องคิดหนักเช่นกันว่า จะปล่อยเอาไว้ให้ฝ่ายค้านจับขึ้นเขียงหรือจะเขี่ยออกไปก่อนบ้างบางคน เพื่อทำให้ยิ่งลักษณ์งานเบาลงบ้าง
เพราะที่ผ่านมา ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่เคยพูดผูกมัดตัวเองว่า จะไม่ปรับก่อนการอภิปรายอภิปรายไม่ไว้วางใจ แถมไม่ยอมระบุวัน เวลาในการปรับให้ชัดเจน บอกแค่ว่าตอนนี้ยังไม่คิด แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะปรับก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
หากฝายค้านมีความชัดเจนว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต้นเดือนหน้า ถ้ายิ่งลักษณ์จะปรับช่วงปลายเดือนตุลาคมก่อนก็ย่อมอ้างได้ ว่าเพื่อทำให้การบริหารงานของรัฐบาลดีขึ้นเพราะตอนนี้รัฐมนตรีก็หายไปหนึ่งคน หลังจากที่ยงยุทธ วิชัยดิษฐลาออกจากรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย อีกทั้งได้จังหวะเหมาะหลายอย่างเพราะครม.ยิ่งลักษณ์ 2ทำงานมาได้ร่วม 9 เดือนแล้ว ก็ปรับให้การทำงานดีขึ้น มันก็เป็นเหตุผลที่ยิ่งลักษณ์พออ้างได้
ส่วนที่ว่า ฝ่ายค้านจะโวยวายอะไรหรือไม่ หากมีการปรับครม.ก่อนหน้าการประกาศยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เชื่อว่าคงไม่มี จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาวิเคราะห์ตรงกันว่า อย่างไรเสีย ยิ่งลักษณ์-ทักษิณก็ต้องปรับครม.เร็ววันนี้ ประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยพูดว่าอย่าเพิ่งปรับรอให้อภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน เพียงแต่ดักทางเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า
การปรับครม.ที่จะเกิดขึ้นน่าจะเป็นการปรับใหญ่ด้วยเหตุผลหลายประการ และหนึ่งในนั้นก็คือ เพื่อลดทอนความร้อนแรงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝายค้านลง
แต่ประชาธิปัตย์ ก็ไม่สนใจอยู่แล้ว จะปรับแบบไหน ปรับอย่างไร เพราะเป้าสำคัญที่สุดของประชาธิปัตย์ ก็คือการซักฟอก
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
คนอื่นๆที่ตกเป็นข่าวว่าปชป.เล็งเอาไว้อย่าง บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์-กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง-สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ -ปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ พวกนี้ก็เป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น จะอยู่หรือไป ก่อนการอภิปราย ฝ่ายค้านไม่สนใจอยู่แล้ว แม้อาจเสียดายบางคนอยู่บ้าง ที่ไม่อยู่จนถึงวันที่โดนฝ่ายค้านซักฟอก
อย่างไรก็ตามเมื่อดูองค์ประกอบการเมืองทั้งหมดของรัฐบาล คาดว่าการปรับครม.คงเกิดขึ้นในไม่ช้า ภายใต้เงื่อนเวลาสำคัญคือ
ปรับก่อนหรือปรับหลัง อภิปรายไม่ไว้วางใจ
หลายสายในเพื่อไทยเชื่อว่า ทักษิณ จะปรับก่อนซักฟอก เพราะน่าจะดีกว่าจะปรับหลัง ที่รัฐบาลอาจช้ำและสายเกินไปหากปล่อยให้รัฐมนตรีบางคนอยู่จนถึงหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่อีกบางคนก็เชื่อว่าจะปรับหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เนื่องจากทักษิณมั่นใจว่าประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูลอะไรเด็ดมาทำให้รัฐบาลสะเทือนได้ โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับจำนำข้าว -งบป้องกันน้ำท่วม จนถึงขั้นจะมาส่งผลให้ยิ่งลักษณ์เจ็บหนักไปด้วย
“ทีมข่าวการเมือง”ไม่ได้สนใจเรื่องการปรับครม.เท่าใดนักเพราะก็รู้อยู่แล้วว่า พวกนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนมาเป็นรัฐบาล ปรับครม.ครั้งใด ก็เป็นการปรับภายใต้เงื่อนไขเดิมๆ คือปรับตามโควต้าการเมืองของกลุ่มการเมืองภายในพรรคหรือปรับตามเงื่อนไขการต่อรองต่างๆที่นักการเมืองมีต่อกัน เช่นคนไหนจ่ายเงินให้พรรคมาก เป็นนายทุนพรรคก็ต้องได้ตำแหน่งรัฐมนตรีแม้ชื่อชั้นความสามารถจะไม่ถึงแต่ของแบบนี้ พวกนักการเมืองไม่คิดอยู่แล้ว
การปรับครม.ทุกครั้งจึงเป็นการปรับเพื่อต่ออายุรัฐบาลและตอบสนองความต้องการของคนการเมืองภายในพรรคเท่านั้น ไม่ได้ปรับเพื่อหวังว่าจะได้รัฐบาลที่ประชาชนยอมรับหรือปรับเพื่อรวมใดๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตลอดทั้งอาทิตย์ มีการเสนอข่าวแคนดิเดท ตัวเก็งคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีกันหลายต่อหลายคน ก็มีทั้งมีความเป็นไปได้สูงส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการคาดการณ์และการวิเคราะห์กันไป
กระนั้น ก็ใช่ว่าจะมีแต่คนจะมาที่ต้องจับตามอง เพราะคนกำลังจะไปก็น่าสนใจเช่นกัน หลังดูแล้วแนวโน้มน่าจะเป็นการปรับที่เกินกว่า 8 ตำแหน่งแน่นอน ไม่ใช่แค่หาคนมาแทนยงยุทธในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยเท่านั้น
อย่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็ชัดเจนว่า สนธยา คุณปลื้ม จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีแทน สุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรมแน่นอน แม้ตามข่าวบอกว่าสนธยาและพรรคพลังชลอยากแลกกระทรวง ไม่อยากดูแล้วกระทรวงวัฒนธรรม แต่ก็คงยาก ยิ่งการไปแลกกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง ชาติไทยพัฒนา ที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬายิ่งเป็นไปได้ยาก
ขณะที่สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็คงไม่ยอมแลกเช่นกัน เพราะกระทรวงอุตสาหกรรม ที่พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินได้โควต้าอยู่ก็แฮปปี้ดีอยู่แล้วแม้ลึกๆ คงต้องการจะกลับมาดูกระทรวงพลังงานอีกรอบแต่การต่อรองทำได้ยากเพราะเป็นพรรคเล็ก ได้แค่นี้ สุวัจน์ก็คงพอใจแล้วกับกระทรวงอุตสาหกรรม
ส่วนตัวสุวัจน์จะเข้ามาเป็นรมว.อุตสาหกรรมโควต้าชาติพัฒนาฯ ในการปรับครม.ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่ชัด แม้ที่ผ่านมาจะมีข่าวมาตลอดว่าสุวัจน์อยากให้น้องชาย เทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตส.ส.นครราชสีมาหลายสมัยได้เป็นรัฐมนตรีบ้างหลังเทวัญ อดีต 111 ไทยรักไทย ก็เพิ่งพ้นโทษแบนการเมืองห้าปีมาพร้อมๆกัน เมื่อพ.ค.ที่ผ่านมา
ดูจากตรงนี้ก็เห็นแล้วว่า มีรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายจะหลุดจากตำแหน่งเห็นชัดๆ แล้วก็คือ สุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรมและม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม
สำหรับในส่วนของพรรคเพื่อไทย ก็มีหลายคนจ่อปิ๋วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพวกที่ทำงานในทำเนียบรัฐบาลอย่างพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุดรับงานใหญ่ดูแลภาพรวมการแก้ปัญหาภาคใต้ให้กับรัฐบาลภายใต้โครงสร้างใหม่ ศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศปก.กปต. ที่มาแทนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศปก.จชต.แต่เมื่อพลเอกยุทธศักดิ์ทำงานมาได้ปีกว่าไปแล้วในตำแหน่งรมว.กลาโหม-รองนายกรัฐมนตรีตามลำดับ โดยไม่มีกลุ่มไหนในพรรคหนุนหลัง หลายคนจึงเชื่อว่า
ก็สมควรแก่เหตุแล้วที่พลเอกยุทธศักดิ์อาจต้องพักสักระยะ
นอกจากนี้ในทำเนียบรัฐบาล คนที่อาจโดนปรับออกก็ยังมี นลินี ทวีสิน รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่แม้จะมีสายสัมพันธ์อันดีกับคนในครอบครัวชินวัตรหลายคนแต่เมื่อการได้เป็นรมต.มาร่วม 9 เดือนกว่าทั้งที่โนเนมอย่างมากในเพื่อไทย คนก็เลยเก็งชื่อนลินีเอาไว้เป็นเบอร์ต้นๆ ว่าโดนปรับออกสูง
อีกหนึ่งคนในทำเนียบรัฐบาลที่กำลังลุ้นเช่นกันคือ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี สายเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่กำลังปวดหัวอยู่เพราะคนในสังกัดเจ๊แดงหลายคนก็เป็นส.ส.มาแล้ว 4-5 สมัยแต่ยังไม่เคยได้เป็นรัฐมนตรีสักครั้ง อีกทั้งก็มีบางคนในสังกัดที่เป็นพวก 111 ไทยรักไทย ก็รอคั่วจะเป็นรัฐมนตรีเช่นกันอย่าง วราเทพ รัตนากร อดีตรมช.คลัง
เมื่อคนในกลุ่มเจ๊แดงมีมากแต่โควต้ามีจำกัด ดังนั้นก็ต้องมีรัฐมนตรีในสังกัดบางคนโดนปรับออกไปก่อนบ้างเพื่อให้เอาคนอื่นเข้ามาเป็นบ้าง จึงทำให้มีชื่อวรวัจน์ว่าอาจติดอยู่ในข่ายดังกล่าว
หลังก่อนหน้านี้ วรวัจน์ก็หลุดจากเก้าอี้รมว.ศึกษาธิการมาเป็นรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่เล็กลงกว่าเดิมมาก แต่ปรับครม.รอบนี้ ไม่รู้เสี่ยแมวจะได้อยู่ต่อหรือไม่ เพราะดูแล้ว ถ้าให้เทียบกัน ภาษีของบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์อีกหนึ่งรัฐมนตรีสังกัดเจ๊แดงค่อนข้างดีกว่าวรวัจน์ ขณะที่รมต.คนอื่นในสังกัดเจ๊แดงอย่าง ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ประเมินกันไว้ว่ามีแนวโน้มอาจได้อยู่อีกรอบ เพราะผลงานเข้าตากรรมการหลายเรื่อง แม้จะไม่ค่อยพีอาร์ตัวเองก็ตาม
นอกจากนี้พวกตัวเต็งที่เก้าอี้อาจจะกระเด็นก็ยังมีเช่น สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ,กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลังที่มีการออกข่าวมาว่า คนจะมาแทนคือ วิชิต สุรพงษ์ชัย บอสใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเดิมเคยจะมาเป็นรมว.คลังตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ข่าวบอกว่า ไม่แน่ กิตติรัตน์อาจได้อยู่ต่อ เพราะวิชิต อยู่ในประเภท “เรื่องเยอะ”สำหรับทักษิณ คือเงื่อนไขมากเช่นเคยมีข่าวว่าหากเป็นรมต.ก็จะขอเป็นเอกเทศในการคุมทีมเศรษฐกิจทั้งหมดของรัฐบาลโดยไม่ให้ทักษิณมายุ่งเกี่ยว ชื่อของวิชิต แม้จะเริ่มปรากฏออกมาอีกรอบ แต่ก็อยู่ที่ว่าทักษิณจะเอาอย่างไรกับเสี่ยโต้ง กิตติรัตน์ หากจะยังไว้ใจกัน ก็คงได้อยู่ต่อแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายชื่อที่ติดโผว่าอาจโดนปรับออก อาทิ ชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทยโควต้าภาคกลาง-สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข เป็นต้น
ทว่าข่าวก็คือข่าว ความจริงต้องรอการเคาะจากทักษิณคนเดียว ซึ่งเร็วๆนี้คงได้รู้แน่