“นายกฯเหลิม”ใหญ่คับฟ้า !!

เกาะกระแส

00 การมอบหมายงานในฐานะรองนายกฯกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โดยงานที่เคยเป็นของ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ มาอยู่ในมือของเขาเกือบทั้งหมด ทั้งกำกับดูแลมหาดไทย ศอ.บต. ยกเว้นเพียงแค่งานทางด้านคมนาคม และที่สำคัญยังได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นรองนายกฯ อันดับหนึ่ง เป็นนายกฯเหลิม นั่งหัวโต๊ะหากนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอะไรไป หรือเดินทางไปต่างประเทศ ใหญ่ไม่ใช่เล่นนะ

00 กลายเป็นว่า เวลานี้ เฉลิม อยู่บำรุง ทำหน้าที่เป็น “กูรู กูรู้” ไปเสียทุกเรื่อง เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ก็ต้องให้เขาเป็นคนออกหน้าทั้งในและนอกสภา พูดผิดๆ ถูกๆ ไม่เป็นไร อาศัยใช้โวหารลีลาพ่นน้ำลายไปก่อน ด้วยจุดอ่อนที่นายกฯยิ่งลักษณ์พูดไม่เก่ง หรือไม่มีความรู้รอบตัว หรือ “สมองกลวง” อย่างที่พวกปากหอยปากปูเขานินทาหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่านี่คือจุดอ่อนที่ทำให้เหลิมสร้างจุดแข็งเพิ่มอำนาจให้กับตัวเองได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วการปรับครม.ที่จะถึงนี้ มันก็มีสิทธิ์ฝันถึงเก้าอี้ มท.1 นะซี

00 แต่เดี๋ยวก่อน อยากเตือนด้วยความหวังดี ใครคบเหลิมต้องระวังหลังเอาไว้บ้าง หากปล่อยให้มีอำนาจเดี๋ยว “เหลิง” จะพาจน หากจำไม่ได้ก็ให้ย้อนกลับไปสมัยรัฐบาล “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นี่แหละที่มาในลักษณะเดียวกัน “โชว์ออฟ” จนชาวบ้านหมั่นไส้ไปทั่ว ยั่วโมโหกองทัพจนเกิดรสช. จนได้ แต่สมัยนี้สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป แม้จะพยายามอุดช่องโหว่ของตัวเองด้วยการไปต่อยอดคบกับ “หัวโจกเสื้อแดง” ไว้เป็นฐาน แต่ขอโทษ “ความเสื่อม” ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วมันฉุดไม่อยู่ พังกันไปทั้งพวงนั่นแหละ อย่าซ่าส์จนเกินงาม

00 แน่นอนว่าปรับครม.จะต้องเกิดขึ้นอีกไม่นานนับจากนี้ อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเกินเดือนหน้า เพราะมีการแย้มออกมาจากปากของผู้นำฝ่ายค้าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วว่า จะยื่นซักฟอกในราวปลายเดือนต.ค. เพื่อจะได้อภิปรายในกลางเดือนพ.ย. ดังนั้นถ้าออกรูปนี้ เมื่อเห็นญัตติยื่นซักฟอก รมต.รายหัวเมื่อไหร่ ก็ปรับครม.โละพวกที่ถูก “กาหัว” ทิ้งไปก่อน เพื่อลดกระแสความกดดัน อีกทั้งยังเป็นเหตุผลนำไปอธิบายได้ว่า “จำเป็น” ต้องทำ ทั้งที่โดยหลักการแล้วเชื่อว่าฝ่ายค้านต้องยื่นซักฟอก นายกฯปู นั่นแหละเป็นอันดับแรก ในฐานะที่ “ล้มเหลว” ทุกเรื่อง ถ้าปรับคนนี้คนเดียวออกไป ทุกอย่างก็จบ !!

00 แต่พูดก็พูดเถอะ แม้ภายนอกจะดูสงบ แต่ลองไปแอบดูในพรรคเพื่อไทยเวลานี้แต่ละคนเหมือนกับถือมีดไว้ข้างหลังกันคนละเล่ม รอจังหวะจ้วงแทงให้มิดด้ามกันทั้งนั้น และยิ่งคราวนี้มีพวกบ้านเลขที่ 111 จะต้องมีคิวเข้ามาด้วย มันก็ต้องมีรายการกันท่ากันสุดชีวิต และที่น่าจับตาก็คือ การปรับครม.เที่ยวนี้จะได้เห็น “รอยปริ” ของ“หัวโจก” คนสำคัญ ระหว่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ต้องการเปลี่ยนจากไพร่ มาเป็นอำมาตย์เต็มแก่ และคนที่เป็นอยู่แล้วก็ไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพเดิม แต่ปัญหาก็คือโควตารมต.แดง มันมีไม่เกิน 1 เก้าอี้ นี่แหละ ไอ้ประเภทปากบอกว่าเอาเลย เหมาะสม หนุนเต็มที่นั้น ขี้หกทั้งเพ พี่น้อง !!