ผ่าประเด็นร้อน
เฉลยออกมาจากปากของรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้วยตัวเองว่า เขาได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีให้รักษาการตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ซึ่งก็คือตำแหน่งที่ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ เคยนั่งอยู่นั่นแหละ ความหมายก็คือ หากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่อยู่หรือเป็นอะไรไป ร.ต.อ.เฉลิม นี่แหละที่จะต้องรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะรัฐมนตรี
นาทีนี้สำหรับ เฉลิม ถือว่าใหญ่โตไม่ใช่เล่น เพราะประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย นั่นคือได้รับความไว้วางใจจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และคนแดนไกลอย่าง ทักษิณ ชินวัตร เรียบร้อยแล้ว ความชัดเจนปรากฏให้เห็นกันอยู่ เนื่องจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่งต้องสงวนเอาไว้สำหรับคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น
ขณะเดียวกัน การแต่งตั้งในตำแหน่งรักษาการดังกล่าวยังเชื่อมโยงไปถึงตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของชูชาติ หาญสวัสดิ์ ที่ปัจจุบันรั้งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการฯอีกตำแหน่ง
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้ประกาศย้ำชัดอีกว่ายังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้ หลังจากก่อนหน้าไม่นานก็ได้ยืนยันในทำนองเดียวกันมาแล้วหลังจากที่ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ทนกระแสกดดันทั้งจากภายในพรรคเพื่อไทยด้วยกันเอง และข้อกังวลเรื่องกฎหมายต่อไปไม่ไหวยอมทิ้งเก้าอี้รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
แน่นอนว่าหากพิจารณากันในวงแคบเน้นเฉพาะบุคคลก็ต้องยอมรับว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้อาศัยความ “เขี้ยว” สามารถรุกคืบเข้ามามีอำนาจทั้งในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยช่วงจังหวะที่พวกบ้านเลขที่ 111 ที่เป็นระดับ “ขาใหญ่” ถูกแบนไปพร้อมกับ ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่เมื่อครั้งถูกยุบพรรคไทยรักไทย เป็นการเข้ามาอาศัยแล้ว “ได้กำไร” แบบไม่ต้องลงทุนสักบาท
แน่นอนว่าการรับบทเป็น “หอยพิทักษ์ปู” ของเฉลิม รวมทั้งทำตัวเป็น “กูรู” รู้ทุกเรื่อง สอนมวยรัฐมนตรีเกรดสองในรัฐบาล ทั้งจากการให้สัมภาษณ์และการอภิปรายในสภาด้วยลีลาน่าสนใจ ทำให้เขาเป็นข่าวชิงพื้นที่ในสื่อกลายเป็นดาวเด่น สร้างภาพให้กลายเป็นว่าจะขาดเขาไม่ได้เป็นอันขาด ขณะเดียวกันสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ เขาได้แหย่ขาไปแตะกับมวลชนเสื้อแดงได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย โดยเฉพาะระดับแกนนำหลักถือว่าแตะไหล่แตะมือถึงกันหมด และอย่าได้แปลกใจเมื่อได้ยินเสียงสนับสนุนให้ จตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำให้มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในการปรับคณะรัฐมนตรีคราวหน้า เพราะจะได้หรือไม่ได้เป็นไม่มีผลกระทบอะไรกับตัวเขา
นอกจากนี้ การรักษาระดับความไว้วางใจกับคนแดนไกลอย่างทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม ก็ยังสามารถทำแต้มสะสมได้อย่างต่อเนื่อง จนเกิดความไว้วางใจ และอาจจะหวังพึ่งพาเฉลิม เป็นตัวหลักในการพากลับบ้านและได้เงินคืนแบบไม่ต้องติดคุก
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ผ่านมากว่าหนึ่งปี แน่นอนว่าเริ่มมีความมั่นใจและเริ่มสนุก “เสพติด” กับอำนาจในฐานะผู้นำประเทศไปไหนมีแต่คนพินอบพิเทา คณะรัฐมนตรีที่ทำงานร่วมกันมา ส่วนใหญ่แม้ว่าในสายตาคนภายนอกอาจมองแค่พวก “แถวสอง” ตัวสำรอง แต่ก็มีจุดเด่นก็คือ “สั่งได้” ไม่ทำเป็นรู้มาก เมื่อเปรียบเทียบกับพวกบ้านเลขที่ 111 ที่แม้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ถ้าเข้ามาแล้วยิ่งบดบังรัศมีความเด่นของเธอให้ด้อยลงไป เป็นใครก็คงไม่ค่อยแฮปปี้ และแม้ว่าถึงอย่างหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีจะต้องมีรายชื่อพวกที่พ้นโทษแบนเข้ามาก็ตาม แต่เชื่อว่าสำหรับเก้าอี้ตัวหลักก็คงไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก สาย “บางปู” อย่าง “ขุนคลัง” จะต้องเป็นคนเดิมแน่นอน
ดังนั้น ถ้าให้สรุปก็ต้องบอกว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะต้องเกิดแน่ เพียงแต่ว่าต้องยื้อให้นานที่สุด อย่างน้อยต้องรอดูว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติซักฟอกรัฐมนตรีคนใดบ้าง ถึงเวลานั้นก็อาจยืมมือเชือดเสียก่อน คาดว่าจะไม่เกินปลายเดือนนี้ถึงต้นเดือนหน้า แต่ขณะเดียวกันยังเป็นการปรับใหญ่ที่ดันกลุ่มของตัวเองเข้ามา ไม่ต่างจากการ “กระชับอำนาจ” ตามแผนของ “กุนซือ” ข้างกาย ซึ่งผลน่าจะออกมาในลักษณะผสมผสานระหว่างคนของพี่ชาย เมียเก่า พี่สาวแกนนำเสื้อแดง เชื่อกันว่านี่คือสูตรลงตัวที่สุด!!
