xs
xsm
sm
md
lg

ยื้อปรับ ครม.วันนี้ “ปูก้ามใหญ่” มั่นใจกว่าเดิม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

แม้ว่านาทีนี้การปรับคณะรัฐมนตรียังไม่เกิดขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศย้ำชัดหลังเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่งสัญญาณว่ายังไม่ถึงเวลา ทำให้ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต้องเบาบางลงไปอย่างเห็นได้ชัด

อย่างน้อยก็ไม่ได้เห็นเงาคนในพรรคเพื่อไทยที่เคยเคลื่อนไหวกันวูบวาบ ปล่อยข่าวสร้างกระแสให้กับตัวเอง ทำลายฝ่ายตรงข้ามที่เกิดขึ้นอย่างเลือดเย็นในช่วงที่ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเพิ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์มาหมาดๆ

วันนี้บรรยากาศเริ่มกลับมาเงียบเชียบ ผิดไปจากเมื่อวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีการเคาะกันไปแล้วว่าให้ใครมานั่งแทน ยงยุทธ มีการวางตัวกันเสร็จสรรพกันใน “ก๊วนครอบครัว” ซึ่งนั่นว่ากันเฉพาะตำแหน่งรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น แต่การปรับคณะรัฐมนตรีในโอกาสรัฐบาลมีอายุครบหนึ่งปี รับรองว่าต้องมีรายการ “ปรับกันล็อตใหญ่” ซึ่งปัญหาหากจะเกิดก็เกิดจากตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่านี่แหละ

กระแสข่าวที่ค่อนข้างยืนยันตรงกันแล้วว่า หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหม่จะมีไม่ต่ำกว่า 10 ตำแหน่ง มีทั้งโยกสลับและโละแล้วตั้งใหม่ ซึ่งอย่างหลังนี่แหละที่จะสร้างความปั่นป่วนทั้งในพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล ที่สำคัญยิ่งสร้างความเสื่อมให้กับรัฐบาลเพิ่มขึ้นด้วย

หากให้ล็อกตัวรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่เข้ามาเพิ่ม แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นตัวยืน เพียงแต่ว่าจะนั่งตำแหน่งไหนระหว่างรองนายกฯกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น ไม่น่าจะนั่งควบ

นั่นว่ากันเฉพาะของชัวร์ๆ แบบไม่ต้องลุ้น เพราะอย่างที่บอกเก้าอี้รัฐมนตรีหรือบิ๊กราชการ สงวนเอาไว้สำหรับคนในครอบครัว อย่าไปคิดอะไรมาก ความจริงต้องเป็นอย่างที่เห็นวันยังค่ำ

อย่างไรก็ดีสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็คือได้เห็นปรากฏการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน นั่นคือ “ความเติบใหญ่” ที่เกิดขึ้นพร้อมกับความมั่นใจมากขึ้นของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมาที่เธออยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดได้ทำให้มีการปรับตัวใหม่ ผิดไปจากเมื่อครั้งที่เป็น “ละอ่อน” ไร้ประสบการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อนที่เข้ามานั่งเก้าอี้ใหม่ๆ

ที่ผ่านมาอาจได้มีการเรียนรู้ใหม่ว่าการ “ถูกชักใย” อยู่ทุกวันทำให้การเดินเหินไปข้างหน้าทำได้ไม่ถนัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ขณะเดียวกันเมื่อเกิดความผิดพลาดตัวเองนั่นแหละที่จะต้องรับหน้า ซวยอยู่คนเดียว อาจเป็นเพราะว่าไหนๆ จะ “เละ” อยู่แล้วก็ขอให้ “เละในแบบที่ฉันเป็น” ก็แล้วกัน ทำให้ระยะหลังจึงได้เห็น “อาการแข็งขืน” ทำตามใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

กลายเป็นว่าคนที่ค้ำบัลลังก์ ทักษิณ ชินวัตร ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ในทางตรงข้าม ทักษิณ ต่างหากที่ขาดเธอไม่ได้ ขณะเดียวกันในความเป็นจริงหากลองทอดตาไปให้ทั่วทั้งตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ ก็ยังไม่มีใครโดดเด่นเท่ากับเธอ ดังนั้นเมื่อมีความสำคัญอย่างที่เห็นมันก็ต้องถึงเวลาที่ต้องแสดงพลังให้เห็นกันบ้าง ถึงเวลาที่ “ต้องประเมินกันใหม่” นาทีนี้บางใหม่ที่มาแรงก็คือ “บางปู” นี่แหละ

แน่นอนว่าการปรับคณะมนตรี รวมไปถึงการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญของหน่วยงานราชการแต่ละครั้งจะเห็นการวิ่งเต้นหรือชี้นำมาจาก ทักษิณ ชินวัตร ข้าราชการและนักการเมืองก่อนรับตำแหน่งต้องบินไปให้ดูตัวถึงต่างประเทศ แต่ก็นั่นแหละในระยะหลังต้องได้รับความเห็นชอบจาก “ทีมงานของปู” ด้วย ซึ่งในวงการรับรู้กันในนามของ “แก๊งสี่คน” ซึ่งนอกจากยิ่งลักษณ์ เป็นหัวเรือใหญ่แล้ว ลืมไม่ได้ก็คือ “หนุ่มหล่อ” ที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน บิ๊กอสังหาฯ ชื่อดัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง และ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ คนกลุ่มนี้แหละที่กำลังกำหนดทิศทางให้กับรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรี

ถามว่า ทำไมต้องยื้อปรับคณะรัฐมนตรี หนึ่งเพื่อรอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอกออกมาก่อนซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกินเดือนหน้า การปรับก็น่าจะเป็นการลดกระแสกดดันจากรัฐมนตรีที่ตกเป็นเป้า แม้ว่าในความเป็นจริงตัวเธอเองจะเป็นหัวขบวนเป็นเป้าหมายหลัก แต่หากมีการชิงจังหวะปรับทิ้งออกไปบ้างอย่างน้อยก็สามารถเบนเป้าออกไปได้ไม่น้อย สองหากมีการปรับทันทีหลังจาก ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออก ก็จะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นในรัฐบาลทันที เพราะอย่างที่เห็นไม่ทันไรต่างก็มีการแย่งชิงเก้าอี้กันอย่างดุเดือด หากปล่อยเอาไว้นานไปกว่านี้ป่วนแน่ ขนาดแค่สองตำแหน่งยังวุ่นขนาดนี้ ถ้าต้องปรับพร้อมกันจะป่วนขนาดไหน ลองคิดดูก็แล้วกัน

ที่สำคัญการยื้อปรับคณะรัฐมนตรีออกไปยังเป็นการเพิ่มพลังต่อรองเพิ่มความสำคัญให้กับตัวเองมากขึ้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าหากตัวเองยัง “ไม่ไฟเขียว” ก็ยังไม่ผ่าน ในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องการแสดงให้เห็นถึง “พลังอำนาจ” กันบ้าง อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า “บางปู” นี่ก็สำคัญไม่เบาเหมือนกัน

นั่นคือปรากฏการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากเดิมที่เคยเป็น “ปูเชื่องเชื่อ” มาวันนี้ เมื่อเวลาผ่านมากว่า 1 ปี ทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความมั่นใจมากขึ้น ภายใต้ “กุนซือ” ข้างกาย ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ธรรมดา และสำคัญขึ้นทุกวัน อย่างไรก็ดีสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็นคนละเรื่องกับประโยชน์ที่ชาวบ้านทั่วไปจะได้รับ เพราะเรากำลังพูดถึงขั้วอำนาจในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย รวมไปถึง “ก๊วนในครอบครัวชินวัตร” เท่านั้น คนอื่นไม่เกี่ยว!!
เศรษฐา ทวีสิน
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
สุรนันทน์ เวชชาชีวะ
กำลังโหลดความคิดเห็น