ในที่สุดนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็ไม่สามารถที่จะยื้ออยู่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ภายหลังจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหลังจากที่ยื้อมานาน แม้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พยายามยื้อไม่ยอมลาออก พร้อมๆ กับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เพราะการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงจน ป.ป.ช.ลงมติให้ไล่ออกนั้น จะทำให้เขาขาดคุณสมบัติในการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพียงแต่เขายังมีเวลายื้อให้เหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไป ก็เพราะการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ต้องบริหาร ไม่ต้องเซ็นคำสั่งเหมือนการเป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก เสี่ยงต่อการที่จะต้องรับโทษหนักขึ้นไปอีก
นายยงยุทธจึงพยายามที่จะยื้อให้อยู่ในตำแหน่ง ส.ส.ให้ได้นานที่สุด
ที่ออกมาชื่นชมสปิริต ชื่นชมความรับผิดชอบนั่นเป็นการประจบสอพลอนายยงยุทธ และสอพลอรัฐบาลที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลยไปถึงสอพลอ ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของผู้สั่งการรัฐบาลตัวจริงโดยแท้
แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีที่ดินของคุณยายเนื่อมที่ยกให้แก่วัดธรรมิการามจะถูกคนบาปใช้เหลี่ยม ใช้ชั้นเชิงเอาที่ธรณีสงฆ์มาสร้างความร่ำรวย จะเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้น (ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) แต่น้ำเสียงของผู้อภิปรายหนึ่งในจำนวนนั้นคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กระแทกกระทั้นถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ ชินวัตร นายเสนาะ เทียนทอง ไม่เว้นแม้ตระกูลหาญสวัสดิ์ ที่เป็นหุ้นส่วนของบริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ขณะนั้นเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่อยู่ในฐานะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เนื้อหาคำอภิปรายของฝ่ายค้านซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รวมอยู่ แน่นอนว่าก็กระแทกไปที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ มิใช่น้อย เพียงแต่จะรู้สึกหรือไม่รู้สึกเท่านั้นเอง
นายเสนาะ เทียนทอง ตัวการสำคัญกรณีที่ดินของคุณยายเนื่อมในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อภิปรายอย่างฉาดฉานว่า ผัวสั่งการ เมียเป็นคนซื้ออันหมายถึงนายเสนาะ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ให้วัดรับที่ดินไว้เป็นของวัด แต่ให้ขายไปเสียแล้วคนซื้อก็คือ นางอุไรวรรณ เทียนทอง ไม่ได้หลุดจากคดีเพราะความบริสุทธิ์ผุดผ่องของนายเสนาะ หากแต่พ้นจากคดีเพราะ ป.ป.ช.พิจารณาคดีนี้ด้วยความสุขุมรอบคอบ เนิ่นนานจนกระทั่งเมื่อคดีสู่ศาล ศาลบอกว่า หมดอายุความไปแล้ว
เฒ่าเสนาะ เทียนทอง จึงได้รอดคุก ได้ใช้ชีวิตอยู่กับนางอุไรวรรณ เทียนทอง มาถึงทุกวันนี้
แต่กรณีของนายยงยุทธ อายุความยังอยู่ ไม่รอดไปเหมือนนายเสนาะ
กรณีของนายยงยุทธที่ทำให้ที่ดินของคุณยายเนื่อม ไม่เป็นที่ธรณีสงฆ์ในความหมายของที่ธรณีสงฆ์ซึ่งจำหน่ายจ่ายโอนไม่ได้ ทำให้นายยงยุทธได้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากปลัดกระทรวงมหาดไทยก็มาทำหน้าที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข มาเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง จนกระทั่งมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ดูเหมือนว่า เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ
เราเพิ่งจะมาประจักษ์ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามคำสอนของพระพุทธองค์เอาก็เมื่อ ป.ป.ช.มาชี้มูลความผิดของนายยงยุทธ ว่า เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนี่เองแหละ
กรณีที่ดินของคุณยายเนื่อมนั้นมีผู้คนที่เกี่ยวข้องมากมาย บ้างก็ยังอยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน มีฐานะมั่งคั่งมั่นคง บ้างก็ระเหระหนหนีคุกหนีตะรางอยู่ต่างประเทศ ดูเผินๆ ก็เหมือนจะมีความสุขสามารถบงการ สั่งการ การบริหารบ้านเมืองจะเอาใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวง เป็นอธิบดี ล้วนทำได้ทั้งนั้น
ติดอยู่ก็แต่ยังเข้ามาเหยียบแผ่นดินไทยซึ่งมีที่ธรณีสงฆ์ของคุณยายเนื่อมอยู่ด้วยไม่ได้เท่านั้นเอง (นอกจากจะตัดสินใจยอมติดคุกในคดีที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว และอาจจะมีคดีอื่นตามมาอีกมากมาย)
การเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวง เป็นอธิบดี และอื่นๆ อีกมากมายถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ ถือว่าเป็นสุดยอดของการมีความสุขหรือไม่ ถือว่าบุญกรรมนำส่งให้สู่สุดยอดของความสำเร็จหรือไม่
นี่เป็นเรื่องน่าคิด?
สำหรับคนที่เชื่อในพระพุทธศาสนาคงจะไม่ต้องการให้ชีวิตเป็นแบบนี้ แบบไหน แบบพลัดที่นาคาที่อยู่ แบบที่ต้องแยกกันคนละทิศละทางกับลูกกับเมีย ผัวไปทาง เมียไปทาง ลูกไปอีกทาง อาจจะมีเงินล้นเหลือเช่าเครื่องบิน ซื้อเครื่องบินไปมาหาสู่กันได้ แต่ไม่ใช่ที่แผ่นดินไทยที่มีที่ดินของยายเนื่อมซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์อยู่ด้วยแน่นอน
นี่อาจจะเป็นเพียงความเชื่อแบบซื่อๆ เชยๆ อย่างค่อนข้างจะสนิทใจของคนที่ไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง แต่ก็เชื่ออย่างนี้คิดอย่างนี้
เป็นความคิดที่ค่อนข้างเชยก็ได้ว่าที่ธรณีสงฆ์นั้น ศักดิ์สิทธิ์
ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
เพราะการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงจน ป.ป.ช.ลงมติให้ไล่ออกนั้น จะทำให้เขาขาดคุณสมบัติในการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพียงแต่เขายังมีเวลายื้อให้เหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไป ก็เพราะการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ต้องบริหาร ไม่ต้องเซ็นคำสั่งเหมือนการเป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก เสี่ยงต่อการที่จะต้องรับโทษหนักขึ้นไปอีก
นายยงยุทธจึงพยายามที่จะยื้อให้อยู่ในตำแหน่ง ส.ส.ให้ได้นานที่สุด
ที่ออกมาชื่นชมสปิริต ชื่นชมความรับผิดชอบนั่นเป็นการประจบสอพลอนายยงยุทธ และสอพลอรัฐบาลที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลยไปถึงสอพลอ ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของผู้สั่งการรัฐบาลตัวจริงโดยแท้
แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีที่ดินของคุณยายเนื่อมที่ยกให้แก่วัดธรรมิการามจะถูกคนบาปใช้เหลี่ยม ใช้ชั้นเชิงเอาที่ธรณีสงฆ์มาสร้างความร่ำรวย จะเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้น (ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) แต่น้ำเสียงของผู้อภิปรายหนึ่งในจำนวนนั้นคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กระแทกกระทั้นถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ ชินวัตร นายเสนาะ เทียนทอง ไม่เว้นแม้ตระกูลหาญสวัสดิ์ ที่เป็นหุ้นส่วนของบริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ขณะนั้นเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่อยู่ในฐานะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เนื้อหาคำอภิปรายของฝ่ายค้านซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รวมอยู่ แน่นอนว่าก็กระแทกไปที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ มิใช่น้อย เพียงแต่จะรู้สึกหรือไม่รู้สึกเท่านั้นเอง
นายเสนาะ เทียนทอง ตัวการสำคัญกรณีที่ดินของคุณยายเนื่อมในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อภิปรายอย่างฉาดฉานว่า ผัวสั่งการ เมียเป็นคนซื้ออันหมายถึงนายเสนาะ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ให้วัดรับที่ดินไว้เป็นของวัด แต่ให้ขายไปเสียแล้วคนซื้อก็คือ นางอุไรวรรณ เทียนทอง ไม่ได้หลุดจากคดีเพราะความบริสุทธิ์ผุดผ่องของนายเสนาะ หากแต่พ้นจากคดีเพราะ ป.ป.ช.พิจารณาคดีนี้ด้วยความสุขุมรอบคอบ เนิ่นนานจนกระทั่งเมื่อคดีสู่ศาล ศาลบอกว่า หมดอายุความไปแล้ว
เฒ่าเสนาะ เทียนทอง จึงได้รอดคุก ได้ใช้ชีวิตอยู่กับนางอุไรวรรณ เทียนทอง มาถึงทุกวันนี้
แต่กรณีของนายยงยุทธ อายุความยังอยู่ ไม่รอดไปเหมือนนายเสนาะ
กรณีของนายยงยุทธที่ทำให้ที่ดินของคุณยายเนื่อม ไม่เป็นที่ธรณีสงฆ์ในความหมายของที่ธรณีสงฆ์ซึ่งจำหน่ายจ่ายโอนไม่ได้ ทำให้นายยงยุทธได้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากปลัดกระทรวงมหาดไทยก็มาทำหน้าที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข มาเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง จนกระทั่งมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ดูเหมือนว่า เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ
เราเพิ่งจะมาประจักษ์ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามคำสอนของพระพุทธองค์เอาก็เมื่อ ป.ป.ช.มาชี้มูลความผิดของนายยงยุทธ ว่า เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนี่เองแหละ
กรณีที่ดินของคุณยายเนื่อมนั้นมีผู้คนที่เกี่ยวข้องมากมาย บ้างก็ยังอยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน มีฐานะมั่งคั่งมั่นคง บ้างก็ระเหระหนหนีคุกหนีตะรางอยู่ต่างประเทศ ดูเผินๆ ก็เหมือนจะมีความสุขสามารถบงการ สั่งการ การบริหารบ้านเมืองจะเอาใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวง เป็นอธิบดี ล้วนทำได้ทั้งนั้น
ติดอยู่ก็แต่ยังเข้ามาเหยียบแผ่นดินไทยซึ่งมีที่ธรณีสงฆ์ของคุณยายเนื่อมอยู่ด้วยไม่ได้เท่านั้นเอง (นอกจากจะตัดสินใจยอมติดคุกในคดีที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว และอาจจะมีคดีอื่นตามมาอีกมากมาย)
การเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวง เป็นอธิบดี และอื่นๆ อีกมากมายถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ ถือว่าเป็นสุดยอดของการมีความสุขหรือไม่ ถือว่าบุญกรรมนำส่งให้สู่สุดยอดของความสำเร็จหรือไม่
นี่เป็นเรื่องน่าคิด?
สำหรับคนที่เชื่อในพระพุทธศาสนาคงจะไม่ต้องการให้ชีวิตเป็นแบบนี้ แบบไหน แบบพลัดที่นาคาที่อยู่ แบบที่ต้องแยกกันคนละทิศละทางกับลูกกับเมีย ผัวไปทาง เมียไปทาง ลูกไปอีกทาง อาจจะมีเงินล้นเหลือเช่าเครื่องบิน ซื้อเครื่องบินไปมาหาสู่กันได้ แต่ไม่ใช่ที่แผ่นดินไทยที่มีที่ดินของยายเนื่อมซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์อยู่ด้วยแน่นอน
นี่อาจจะเป็นเพียงความเชื่อแบบซื่อๆ เชยๆ อย่างค่อนข้างจะสนิทใจของคนที่ไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง แต่ก็เชื่ออย่างนี้คิดอย่างนี้
เป็นความคิดที่ค่อนข้างเชยก็ได้ว่าที่ธรณีสงฆ์นั้น ศักดิ์สิทธิ์
ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
