“องอาจ” ชงกระทู้สดบี้ถาม รมช.มท.นั่งหัวโต๊ะ อ.ก.พ.ช่วย “ยงยุทธ” หรือไม่ ข้องเหตุใดถึงพิจารณาเสียงข้างน้อย ป.ป.ช. แถมอ้าง พ.ร.บ.50 เพื่อล้างมลทิน พร้อมขอเทปประชุม จี้ใจดำมีใครสั่งให้อุ้ม กรณีช่วยโกงที่ธรณีสงฆ์ ด้าน รมช.มท.แถเลือดซิบบอกแค่รับเรื่องแล้วส่งต่อ ปัดรู้รายละเอียด ยัน รบ.ทำตาม กม. อ้าง ป.ป.ช.ให้ไล่ปลัดไม่ใช่ รมต. ปัดมีคนสั่งอุ้ม มท.1
วันนี้ (27 ก.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กระทู้สดถามนายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.หมาดไทย เรื่องกระทรวงมหาดไทยกับกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงต่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ว่ากรณีที่ที่ประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) มีมติให้นายยงยุทธออกจากตำแหน่ง ถามว่านายชูชาติได้รับมอบหมายให้เป็นประธาน อ.ก.พ.หรือไม่ และเป็นประธานการประชุมหรือไม่ ถ้าเป็นประธานมีการประชุมกี่ครั้ง วันที่เท่าไหร่ ดำเนินการถูกต้องเหมาะสมอย่างไร และมีประชุมมีมติเมื่อไหร่ อย่างไรบ้าง ขณะนี้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามมติ อ.ก.พ.หรือไม่อย่างไร
ด้าน นายชูชาติชี้แจงว่า ตนรับมอบอำนาจในกรณีรัฐมนตรีว่าการไม่อยู่ ตนได้รับเอกสารจาก ป.ป.ช.ส่งมายังมหาดไทยและได้อ่านเอกสาร ที่ระบุชัดให้ไล่ออก เมื่อเห็นว่าบุคคลที่ไล่ถูกออกเป็นข้าราชการพลเรือน จึงไม่รู้จะไล่ใครออก จึงแทงหนังสือไปยัง อ.ก.พ.ดำเนินการตามหน้าที่ของข้าราชการพลเรือนเพื่อพิจารณากันเอง ถือเป็นการเข้าใจผิดว่าตนเข้าร่วมประชุมด้วย เพราะไม่ใช่หน้าที่ของ รมช.มหาดไทย
นายองอาจถามต่อว่า นายชูชีพเป็น รมช.มหาดไทย แค่รับเรื่องส่งเรื่อง แต่ไม่ทราบหรือว่าเรื่องนี้มีมติอย่างไร ขณะที่คนทั้งประเทศทราบ แม้แต่ข่าวของมหาดไทยที่ทำแจกสื่อมวลชน เชื่อว่านายชูชาติรู้ แต่ทำไมไม่ตอบ หรือเขาบอกมาไม่ให้ตอบ หรือให้ตอบแบบนี้ ตนจึงให้โอกาสตอบอีกครั้ง
ขณะที่นายชูชาติยืนยันว่า ตนทราบมติและรู้ว่าให้ย้อนหลังไปปี 45 เพราะเป็นคนลงนามเองแต่ไม่ได้เป็นประธาน ตนพียงแต่มารับทราบ และต้องทำตามมติ ป.ป.ช.ที่กำหนดไว้ 30 วัน และได้อ่านข่าวอ่านหนังสือเป็น และทำตามกติกาของกฎหมาย ภายใต้รัฐธรรมนูญทุกอย่าง
ฝ่ายนายองอาจถามต่อว่า การพิจารณาของ อ.ก.พ.ได้พิจารณาคำวินิจฉัยของเสียงข้างน้อยของ ป.ป.ช.3 เสียงว่าไม่ผิด ถามว่า อ.ก.พ.มีหน้าที่ไปบอกไม่ผิดหรือไม่ ทำไมไม่เอาเสียงข้างมาก 6 เสียงมาพิจารณา และยังอ้างพรบ.ล้างมลทินปี 50 ว่าลงโทษเรียบร้อยและได้ล้างมลทิน โดยอ้างหนังสือจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ต้องได้รับโทษก่อน ชี้ชัดว่านายยงยุทธยังล้างมลทินไม่ได้เพราะยังไม่ได้รับโทษ ถ้าอ้าง พ.ร.บ.ล้างมลทินตามกฤษฎีกาบอก ถามว่านายยงยุทธได้รับโทษทั้งหมดหรือบางส่วนหรือยัง และถ้ายืนยันว่าได้ล้างมลทินหมดแล้วนายยงยุทธดำเนินการขอล้างมลทินกับใครที่ไหนอย่างไร
ด้านนายชูชาติกล่าวว่า นายองอาจพูดเรื่องนอกประเด็นจาก ป.ป.ช.ในเอกสารไม่เกี่ยวกับเรื่องล้างมลทิน และไม่เกี่ยวกับตน “เรื่องล้างมลทินจะยกเมฆกันมาหรือไม่ ผมไม่เกี่ยวแต่ที่รู้ให้ผมไล่ไอ้คนบ้า ไอ้ปลัดเก่าๆออกไป ผมไม่เห็น ป.ป.ช.บอกให้ไล่รัฐมนตรี ปลัดที่ท่านบอกมันชั่ว มันเลว และเขาไม่เคยได้รับโทษทัฑณ์มาก่อน วันนี้จะมาล้างมลทินอะไร ผมไม่ทราบ ไม่เคยพูด ทำตามหน้าที่ ป.ป.ช.แจ้งมา ทำตามกฎหมายทุกประการมาเท่านั้น”
นายองอาจกล่าวว่า ตนขอเทปบันทึกเสียงการประชุม อ.ก.พ.กรณีนี้ รวมถึงบันทึกรายงานการประชุมได้หรือไม่ และสาเหตุที่พยายามอุ้มให้นายยงยุทธอยู่ต่อไป เพราะเป็นผู้มีบุญคุณทำให้ที่ธรณีสงฆ์ตกเป็นของเอกชน ในช่วงที่ปลัดมหาดไทยในปี 45 ถามว่าเรื่องนี้มีผู้มีบารมีนอกรัฐบาล หรือมีใครมาสั่งให้คนมหาดไทยอุ้มนายยงยุทธหรือไม่เพราะเคยมีบุญคุณทำให้ที่ผืนนี้ตกเป็นของเอกชนได้สำเร็จใช่หรือไม่
นายชูชาติกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่มี ยืนยันเป็นข้อกฎหมายทุกเรื่อง เรียนกฎหมายมาน่าจะรู้ ตนไม่เรียนกฎหมายยังอ่านออก ทุกอย่างเกิดอะไรขึ้น ไม่ขอพูดยาว ตนผ่านการเมืองมาเท่ากับพวกท่าน อยู่เวทีนี้มานานพอสมควร ไม่เข้าใจวันนี้เล่นอะไรกัน ถ้าที่ต้องนี้เป็นธรณีสงฆ์ต้องเข้าสภา