เกาะกระแส
00 นาทีนี้สำหรับคอการเมืองต้องจับตามองว่าใครจะเข้าวินนั่งเก้าอี้ รองนายกฯและ มท.1 แทน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ เพราะตามข่าวเห็นว่าในพรรคเพื่อไทย “พรมปูพื้น” มีร่องรอยฉีกขาดแทบใช้การไม่ได้ สาเหตุเป็นเพราะ “พวกเขี้ยวลากดิน” เดินกันขวักไขว่ แต่ก็นั่นแหละตามตำราบอกว่าคนประเภทนี้ “ไม่มีราคา” ไม่มีคุณค่า ผิดกับอีกพวกหนึ่งที่ไม่ต้องดิ้นรนอาศัยท่วงท่าน่าไว้ใจและกินบุญเก่ามาในฐานะเครือญาติย่อมมาแรง “แซงปาดหน้า” ได้ไม่ยาก ใช่แล้วกำลังเอ่ยชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ที่เพิ่งพ้นเก้าอี้ผบ.ตร.มาหมาดๆ ในฐานะ “น้องชาย” พจมาน ณ ป้องเพชร์ กับ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกฯที่ว่ากันว่าได้รับมอบหมายให้รักษาการดูแลเก้าอี้ มท.1 ตัวจริง ทั้งสองคนถือว่าอยู่ใน “สายแข็ง” ที่ไม่ต้องออกแรงทั้งคู่
00 แน่นอนว่าสำหรับ เพรียวพันธุ์ จะต้องมีเก้าอี้ รมต.รองก้น มีให้เลือกระหว่างรองนายกฯคุมตำรวจดูแลการปราบปรามยาเสพติดที่เป็นยี่ห้อ “โลโก” ประจำตัวไปแล้ว หรือว่าจะควบทั้งรองนายกฯและมท.1 ก็น่าติดตาม แต่ความเป็นไปได้น่าจะออกมาในแบบแรกเพื่อความเหมาะสมมากกว่า ขณะที่ตำแหน่ง มท.1 แม้จะยังไม่ชัวร์ ไม่สะเด็ดน้ำ แต่สำหรับ นิวัฒน์ธำรง ก็ไม่ธรรมดาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเข้าได้ทุกสายไม่ต่างจากเด็กในบ้าน แต่ที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือชื่อของ โภคิน พลกุล มือกม.ที่อาจแซงเข้าป้ายโค้งสุดท้ายก็เป็นได้ แต่ปัญหาก็คือยังมีเรื่องคดี “รถเรือดับเพลิง” ที่ยังคาราคาซังอยู่ เป็นจุดอ่อนเหมือนกัน !!
00 ด้วยเงื่อนไขเวลาและสถานการณ์รับรองว่าการปรับครม.ต้องเกิดขึ้นแน่ เพราะอีกไม่นานฝ่ายค้านต้องยื่นซักฟอกขย่มหนัก แว่วว่าอาจภายในเดือนนี้หรืออย่างช้าไม่เกิดต้นเดือนหน้า ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนผ่อนหนักให้เป็นเบา เห็นทีนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหนื่อยแน่ เพราะที่ผ่านมาหากพูดกันแบบตรงไปตรงมาผลงานรัฐบาลถือว่า “ไม่เอาอ่าว” ตั้งแต่ผู้นำลงมายันรมต.เรียงตัวไม่เห็นมีผลงานอะไรให้จดจำ หรือถ้าใครนึกออกลองบอกมาสักเรื่องสิ จำนำข้าว ค่าแรงวันละ 300 บาท รถคันแรก บ้านหลังแรก อย่าสะเออะว่าเจ๋งเป็นอันขาด แต่ที่ต้องบอกว่าจำจนเข็ดไม่เคยลืมก็คือเรื่อง “ขี้โม้” โทษคนอื่นละถนัดนัก เรื่องค่าครองชีพ ข้าวยากหมากแพงละเป็นไงบ้างละพี่น้องเสื้อแดง ปีนี้แค่น้ำจิ้มรอปีหน้าจะเห็นของจริง อ้อ เรายังจะมี “ขุนคลัง”คนเดิมที่ชื่อ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เพราะแว่วว่ากำลังหน้ามืดเตรียมร่าง พ.ร.บ.ก่อหนี้ 2 ล้านล้านบาท โชคดีนะพี่น้อง
00 อย่างไรก็ดีเพื่อให้สถานการณ์ “นิ่ง” ให้มากที่สุด ลดแรงกระเพื่อมภายใน ก็ต้องยื้อออกไปให้นานที่สุด อย่างน้อยเพื่อให้บรรดา “นักวิ่ง” ทั้งหลายได้หยุดลงชั่วคราวรอให้ฝุ่นจางลงเสียก่อน และที่สำคัญในฐานะนายกฯต้องการสภาพ “ความเป็นผู้นำ” เอาไว้ เพราะถ้ามีเสียงเป่านกหวีดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นถนนทุกสายแทนที่จะมุ่งมาที่นายกฯแต่กลับแห่กันไปดูไบหาแม้ว เป็นใครจะไม่เจ็บใจ ดังนั้นต่อไปนี้ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร ผ่านมา 1 ปีถือว่า “ปีกกล้าขาแข็ง-เอาอยู่”แล้ว ต่อไปนี้ต้องมี “สายปู” เพิ่มขึ้นมาอีกก๊วนแถมมีตำแหน่งนายกฯประทับตราอยู่ใครอยากลองของก็เชิญนะจ๊ะ !!