“เฉลิม” ย้ำ “ยงยุทธ” ได้ล้างมลทินแล้ว รับเสียดายเจ้าตัวลาออก จวกพวกซ้ำเติมไม่เหมาะ เชื่อพวกนักวิ่งไม่ได้นั่งเก้าอี้แน่ โยนดุลพินิจนายกฯ ยันไม่มีใครบีบได้ คาดมีคงมีคนนั่งรักษาการณ์ในใจ ยกโพลหยันฝ่ายค้านสอบตก โอ่ยังไม่พบรัฐโกง ชู “อดุลย์” จริงจัง มีวินัย จ่อนัดภูธรภาค 3-4 ประชุม ติงญาติสองผัวเมียเพชรบุรีอย่าสงสัยผลชันสูตร
วันนี้ (30 ก.ย.) ที่บ้านริมคลอง เมื่อเวลา 11.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศลาออกจากตำแหน่งทั้งที่ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าคุณสมบัติของนายยุงยุทธ สามารถดำรงตำแหน่งได้ต่อว่า เรื่องนี้ท่านสมัครใจที่จะลาออกเองไม่มีใครบังคับ ถึงตอนนี้ตนยังยืนยันเช่นเดิม ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อปี 2526 และปี 2530 ที่ระบุว่า กรณีเช่นเดียวกันนี้ถือว่าได้รับการล้างมลทิน แต่เมื่อนายยงยุทธตัดสินใจลาออกตนรู้สึกเสียดายท่าน ตนไม่ได้ปกป้องท่านโดยไม่มีเหตุผล แต่ปกป้องในฐานะนักกฎหมาย ทั้งนี้กรณีที่มีบางคนออกมาซ้ำเติม นายยงยุทธเป็นเรื่องไม่เหมาะ คนพรรคเดียวกันหากไม่ทำผิดต้องดูแลช่วยเหลือกัน นายยงยุทธไม่เคยทิ้งพรรคในภาวะคับขัน เป็นหัวหน้าพรรคที่ไม่เคยมีเงื่อนไข
เมื่อถามว่า กรณีนี้แม้ไม่มีใครสั่งให้นายยงยุทธลาออกแต่เกิดจากแรงเสียดทานต่อตำแหน่งของนายยงยุทธ ที่มีคนอื่นในพรรคอยากได้หรือไม่ “ผมไม่กล้าลงลึก แต่ในพรรคเพื่อไทยใครอยากเป็นนักและวิ่งเต้นมากก็ไม่ได้เป็นในที่สุด จะมาทำให้พรรคปั่นป่วนทำไม ในเมื่อนายกยืนยันว่ายังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในระยะนี้ แต่อนาคตข้างหน้าเป็นดุลพินิจของนายกฯ ต้องเคารพท่าน เพราะตอนหาเสียงท่านเหนื่อยมาก และท่านทำงานดี ผลสำรวจความคิดเห็นก็ดีกว่าพรรคฝ่ายค้าน ถือเป็นครั้งแรกที่ผลสำรวจพรรคฝ่ายค้านสอบตก และงานในสภาที่มอบหมายให้ตนดูแลก็เรียบร้อยดี”
เมื่อถามว่า ในพรรคเองมีแรงบีบ นายกฯ พอสมควรจะช่วยอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ยืนยันไม่มีใครสามารถบีบบังคับท่านนายกฯ ได้ หากใครคิดจะบังคับโอกาสที่จะมาร่วมรัฐบาลยาก และตนยังไม่เชื่อว่าใครจะมาบีบบังคับไม่มีทาง เพราะตนนั่งประชุมกับท่าน 1 ปี ท่านเก่งมีความมั่นใจและต้องเคารพการตัดสินใจของท่าน ไม่ว่าคนในพรรคหรือนอกพรรค หากไม่เคารพการตัดสินใจของนายกจะเสียใจ ไม่มีใครสามารถกดดันนายกฯ ได้
ต่อข้อถามว่า หากไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในตอนนี้จะทำอย่างไรเพราะตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่างลง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องฟังนายกฯ ตนไม่สามารถตอบแทนได้ เมื่อท่านบอกว่ายังไม่ปรับก็ยังไม่ปรับ ส่วนการแบ่งงานนั้นขึ้นอยู่ที่นายกรัฐมนตรีเช่นกัน ทั้งนี้ตนมองว่าสามารถทำได้สองแนวทางคือให้รัฐมนตรีช่วยที่มีความอาวุโสก็รักษาราชการแทนไป หรือจะพิจารณาให้บุคคลอื่นเช่นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ หรือใครที่เห็นว่าเหมาะสมมารักษาราชการแทน และคิดว่านายกรัฐมนตรีมีแนวทางอยู่แล้ว เมื่อถามว่า หากนายกรัฐมนตรีมอบหมายไปช่วยดูแลกระทรวงมหาดไทยในช่วงที่เกิดสูญญากาศ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า งานที่ตนเองรับผิดชอบในขณะนี้ก็เยอะอยู่แล้วต้องไปต่างจังหวัดบ่อยๆ เพระการปราบยาเสพติดจะอยู่ในกรุงเทพอย่างเดียวไม่ได้ และคิดว่าท่านมีคนในใจอยู่แล้ว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า เรื่องนี้จะไม่มีผลต่อรัฐบาลหากพรรคค้านยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้วชี้ว่านายยงยุทธขาดคุณสมบัติ เพราะขณะที่นายยงยุทธรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ระมัดระวังไม่เป็นประธานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ตนได้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทนก็ไม่มีปัญหา ส่วนจะเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายค้านโจมตีหรือไม่นั้น แม้ไม่มีเรื่องนี้เขาก็โจมตีอยู่แล้วไม่มีผลอะไร ตนยังคงวิเคราะห์เหมือนเดิมหากรัฐบาลชุดนี้ไม่มีการทุจริตจะอยู่ครบ 4 ปี และ อยู่ต่ออีก 4 ปี ทั้งนี้จากการตรวจสอบการทุจริตยังไม่พบ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไม่มีการทุจริต แต่ระดับรัฐมนตรีไม่มีเลย ส่วนที่มีข้าราชการออกมากระพือข่าวว่าพบการโกงที่นั้น ตนได้ขอข้อมูลและตรวจสอบยังไม่พบแต่อย่างใด
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่จะเข้าดำรงตำแหน่งในวันพรุ่งนี้ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นคนที่จริงจังจริงใจมีวินัย มีความสามารถ และในวันที่ 3 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศที่สโมสรตำรวจ ตนจะไปบรรยาย 1 ชม. อาจจะมีการเพิ่มเติมเล็กน้อย เช่นการปราบปรามยาเสพติด ที่ก่อนหน้านี้เน้นจับกุมปราบปรามตอนนี้ต้องเน้นการ ป้องปรามป้องกัน และต่อจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องลงพื้นที่ให้มากเดิมแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชน อย่างอื่นดีอยู่แล้ว และในวันที่ 1 ตุลาคม ที่เริ่มปีงบประมาณใหม่ มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจใหม่ ตนเตรียมจะทำการประชุมกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 ภาค 4 จะเอาต้องแต่ระดับสารวัตรมาประชุม เน้นป้องปรามป้องกัน รวมถึงการเปิดสถานบริการต้องมีความเข้มงวดมากกว่านี้ ตนจะเดินทางไปทั่วประเทศให้มากกว่าเดิม
เมื่อถามว่า หากลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเช่นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในช่วงที่ผ่านมาจะถูกเหน็บแนมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คนเหน็บก็เสียคะแนนเอง และความจริงแล้วการแก้ปัญหาจราจรมีหลายหน่อยงาน กทม.เป็นเจ้าภาพหลัก เมื่อมาตำหนิ เลือกตั้งรอบหน้าก็แพ้
ส่วนความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสองสามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรี ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ในเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้รายงานว่าพยานหลักฐานรับฟังได้ตนก็ไม่ซักถามรายละเอียดเพราะเป็นเรื่องของสำนวนคดี แต่เรื่องนี้ตนเป็นผู้สั่งการห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศด้วยตนเอง ส่วนที่ญาติผู้เสียชีวิตจะนำกระดูกไปพิสูจน์ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ขัดข้อง แต่เห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำผิด อย่าไปสงสัย เมื่อไม่ใช่ก็ไม่ใช่ต้องหาพยานหลักฐานใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเต็มที่ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ปรุงแต่งไม่ได้ และยืนยันว่าคดีนี้จะไม่มีการทิ้งระหว่างทางอย่างแน่นอน