"ยิ่งลักษณ์" เผยในงาน เอกชนไทยถกนักลงทุนมะกัน ยกเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง อัตราคนว่างงานร้อยละ 1 คาดปีนี้โต 5.5-6 % ชูFDI จัดไทยน่าลงทุนอันดับ 8 เล็งใช้ 1 แสนล.ดอลลาร์ ทุ่มลงทุนในภูมิภาค ทั้งระบบควบคุมน้ำท่วม-เครือข่ายรถไฟความเร็วสูง เผยแผนระยะสั้นป้องอุตฯจากน้ำท่วม ยันประกวดราคาบริหารจัดการน้ำโปร่งใส พร้อมส่งเสริมอุตฯรักสิ่งแวดล้อมลดก๊าซคาร์บอน
วันนี้ (28ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน Executive Luncheon Meeting กับภาคเอกชนไทยและนักลงทุนสหรัฐฯ ในกลุ่ม real sector โดยมีผู้แทน USABC และ USCC เข้าร่วม ว่า ความท้าทายหลักที่ประเทศไทยต้องเผชิญ คือ การรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่เขตยุโรปและประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ มีความต้องการซื้อสินค้าและบริการต่ำ พื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเข้มแข็ง อัตราคนว่างงานมีน้อยกว่าร้อยละ 1 อีกทั้งไทยมีเงินเฟ้อระดับปานกลาง และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากการเหตุอุทกภัยเมื่อปีที่แล้ว โดยมีการคาดการณ์เติบโตประมาณ 5.5-6 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
นายก ฯ กล่าวต่อว่า เนื่องจากมีการเติบโต และมีนโยบายธุรกิจในทางบวก และพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคง ได้มีการจัดอันดับประเทศไทยในการประชุมสหประชาชาติด้านการค้าและการพัฒนาว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เป็นอันดับ 8 และธนาคารโลกจัดให้ไทยเป็นสถานที่ที่ง่ายที่สุดในการประกอบธุรกิจในอันดับที่ 17 และเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความยากลำบากที่ต้องเผชิญในอนาคต ไทยจำเป็นต้องขยายความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตที่เข้มแข็งของภูมิภาค และเพื่อให้ประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง จึงได้มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ครอบคลุมระบบการบริหารจัดการน้ำ และระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยเงินกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะถูกนำไปลงทุนในโครงการตั้งแต่ ระบบควบคุมน้ำท่วม ไปจนถึงการสร้างเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องน้ำท่วม ไทยมีแผนระยะสั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจและการลงทุน การสร้างแนวกั้นน้ำ เพื่อป้องกันพื้นที่ธุรกิจและอุตสาหกรรม การรักษาถนนหนทางเพื่อเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ในการเคลื่อนย้ายสินค้าซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญ มีศูนย์บริหารจัดการเบ็ดเสร็จ (A single command center) เพื่อได้ข้อมูลที่ทันต่อเวลาเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม และการพยากรณ์อากาศเพื่อแนะแนวทางในการป้องกัน ส่วนแผนระยะยาว มีแผนการป้องกันน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำ ที่มีกระบวนการประกวดราคาในระดับนานาชาติที่โปร่งใส ยุติธรรมและตั้งบนพื้นฐานกฎหมายและระเบียบ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงกรุงเทพมหานครสู่เชียงใหม่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งจะขยายต่อไปลาวและจีน ตลอดจนทางภาคใต้สู่มาเลเซียและสิงคโปร์ เส้นทางรถไฟนี้จะทำให้การขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชนสามารถมุ่งสู่จุดหมายปลายทางทั่วทั้งภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการเพิ่มพูนศักยภาพของท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครอีกด้วย รวมถึงโครงท่าเรือน้ำลึกทวายโดยเมื่อเชื่อมต่อกับท่าเรือแหลมฉบังฝั่งอ่าวไทย จะทำให้มหาสมุทรอินเดียเชื่อมโยงกับมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านทางสะพานเศรษฐกิจ (land bridge) พร้อมกับเป็นช่องทางระบายสินค้าอีกเส้นทางหนึ่ง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในอนาคต จะให้ความสำคัญกับการสร้างฐานความรู้ การลดปริมาณการใช้ก๊าซคาร์บอน และอุตสาหกรรมที่สร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งด้วยเหตุนี้ไทยกำลังมุ่งลงทุนในด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านโครงการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่มีการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์และการบริการ
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกเพื่อรองรับความมั่นคงทางพลังงาน และสร้างความมั่นใจในแรงงานทักษะเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ โดยมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษและทักษะทางวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี พร้อมยืนยันในพันธสัญญาที่จะสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ประชาธิปไตย หลักนิติรัฐและธรรมาภิบาล ตลอดจนการต่อต้านการคอร์รัปชั่น การผลักดันการปฏิรูปกระบวนการทางกฎหมาย และการลดข้อด้อยด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยการเสริมสร้างความโปร่งใสและร่วมมือกับภาคธุรกิจเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จของประเทศ และในปีหน้า จะเป็นปีครบรอบ 180 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย - สหรัฐอเมริกา ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองประเทศจะได้ขยายความร่วมมือทางด้านธุรกิจให้มากยิ่งขึ้นต่อไป
