วานนี้ (25 ก.ย.55) เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้มีการนำเสนอแผนงานหลังจากที่ได้มอบหมายให้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหา 2 เรื่องเร่งด่วนขณะนี้ คือ 1) สถานการณ์น้ำท่วมขัง การระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ไปศึกษาและหายุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการว่ามีส่วนใดที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้บ้าง และ2) การจราจรที่ติดขัดอย่างหนักในหลายพื้นที่
รมช.คมนาคม ได้รายงานต่อที่ประชุมครม. ถึงผลการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการ คือ 1) หน่วยงานราชการทุกหน่วยที่มีที่ตั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ไปตรวจพิจารณาดำเนินการว่า หน่วยงานใดมีพื้นที่หรือบ่อสำหรับทำเป็นแก้มลิง ขอให้มีการเตรียมการพร่องน้ำออกมา เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระการระบายน้ำของกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยจะต้องมีการพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เหมาะสมทั้งสภาพอากาศและปริมาณฝนประกอบกันด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและน้ำท่วมขังทำให้การจราจรติดขัดได้ 2) เคยมีมติ ครม. เดิมให้มีการเหลื่อมเวลาการเข้าทำงานของแต่ละหน่วยงาน เนื่องจากเห็นว่าในช่วงเวลา 08.30 -.9-30 น. นั้น ประชาชนมีความต้องการในการใช้เส้นทางการจราจรในปริมาณที่มากและเป็นชั่วโมงเร่งด่วน จึงทำให้มีปริมาณการจราจรทางรถยนต์เพิ่มขึ้นจนส่งให้ผลการจราจรติดขัดอย่างมาก
ดังนั้นจึงจะไปศึกษาในมติ ครม. เรื่องดังกล่าวว่าเปิดโอกาสให้สามารถดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดในการที่จะให้มีการเหลื่อมเวลาการเข้าทำงานที่แตกต่างกันของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการในเรื่องการเหลื่อมเวลาเข้าทำงานได้จะบรรเทาปัญหาในเรื่องการจราจรติดขัดได้บางส่วน และ 3) ให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ติดตามข่าวสารการรายงานพยากรณ์อากาศ ทั้งจาก กบอ.และศูนย์เตือนภัยแห่งชาติ อย่างใกล้ชิด เช่น หากพบว่าในช่วงบ่ายวันทำงานเวลาประมาณ 16.30 น. จะมีปริมาณฝนมากในพื้นที่ใด หัวหน้าส่วนราชการนั้น ๆ สามารถที่จะระบุหรือกำหนดให้มีการเลิกงานเร็วกว่ากำหนดแล้วให้มาทำงานชดเชยหรือทดแทนในวันทำการถัดไป แต่ทั้งนี้การเลิกงานก่อนเวลาทำการเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสภาพอากาศฝนตกหนักและการจราจรติดขัดนั้น จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานที่จะบริการประชาชนทุกรูปแบบ
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยังได้รายงานต่อที่ประชุมฯ ว่า จากนี้ไปการทำงานที่จะมีศูนย์บัญชาการเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรเฉพาะหน้าเร่งด่วน จะมีการตั้ง command center เป็นศูนย์บังคับบัญชาหลักที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) ขับเคลื่อนโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ในวันที่26ก.ย.กระทรวงคมนาคมจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงฝนตกหนัก ตามคำสั่งของนายกฯที่ให้กระทรวงคมนาคมเป็นแม่งานในการแก้ปัญหาน้ำท่วมในกทม
ขณะที่ในส่วนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยังได้เน้นย้ำว่า ได้กำชับและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ ได้มีการกระจายตัวเพื่อเข้าไปดูแลช่วยเหลือและบริการประชาชนในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึงในระหว่างฝนตกอีกด้วย
รมช.คมนาคม ได้รายงานต่อที่ประชุมครม. ถึงผลการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการ คือ 1) หน่วยงานราชการทุกหน่วยที่มีที่ตั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ไปตรวจพิจารณาดำเนินการว่า หน่วยงานใดมีพื้นที่หรือบ่อสำหรับทำเป็นแก้มลิง ขอให้มีการเตรียมการพร่องน้ำออกมา เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระการระบายน้ำของกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยจะต้องมีการพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เหมาะสมทั้งสภาพอากาศและปริมาณฝนประกอบกันด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและน้ำท่วมขังทำให้การจราจรติดขัดได้ 2) เคยมีมติ ครม. เดิมให้มีการเหลื่อมเวลาการเข้าทำงานของแต่ละหน่วยงาน เนื่องจากเห็นว่าในช่วงเวลา 08.30 -.9-30 น. นั้น ประชาชนมีความต้องการในการใช้เส้นทางการจราจรในปริมาณที่มากและเป็นชั่วโมงเร่งด่วน จึงทำให้มีปริมาณการจราจรทางรถยนต์เพิ่มขึ้นจนส่งให้ผลการจราจรติดขัดอย่างมาก
ดังนั้นจึงจะไปศึกษาในมติ ครม. เรื่องดังกล่าวว่าเปิดโอกาสให้สามารถดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดในการที่จะให้มีการเหลื่อมเวลาการเข้าทำงานที่แตกต่างกันของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการในเรื่องการเหลื่อมเวลาเข้าทำงานได้จะบรรเทาปัญหาในเรื่องการจราจรติดขัดได้บางส่วน และ 3) ให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ติดตามข่าวสารการรายงานพยากรณ์อากาศ ทั้งจาก กบอ.และศูนย์เตือนภัยแห่งชาติ อย่างใกล้ชิด เช่น หากพบว่าในช่วงบ่ายวันทำงานเวลาประมาณ 16.30 น. จะมีปริมาณฝนมากในพื้นที่ใด หัวหน้าส่วนราชการนั้น ๆ สามารถที่จะระบุหรือกำหนดให้มีการเลิกงานเร็วกว่ากำหนดแล้วให้มาทำงานชดเชยหรือทดแทนในวันทำการถัดไป แต่ทั้งนี้การเลิกงานก่อนเวลาทำการเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสภาพอากาศฝนตกหนักและการจราจรติดขัดนั้น จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานที่จะบริการประชาชนทุกรูปแบบ
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยังได้รายงานต่อที่ประชุมฯ ว่า จากนี้ไปการทำงานที่จะมีศูนย์บัญชาการเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรเฉพาะหน้าเร่งด่วน จะมีการตั้ง command center เป็นศูนย์บังคับบัญชาหลักที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) ขับเคลื่อนโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ในวันที่26ก.ย.กระทรวงคมนาคมจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงฝนตกหนัก ตามคำสั่งของนายกฯที่ให้กระทรวงคมนาคมเป็นแม่งานในการแก้ปัญหาน้ำท่วมในกทม
ขณะที่ในส่วนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยังได้เน้นย้ำว่า ได้กำชับและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ ได้มีการกระจายตัวเพื่อเข้าไปดูแลช่วยเหลือและบริการประชาชนในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึงในระหว่างฝนตกอีกด้วย