นักลงทุนชักแถวเข้าเมืองกาญจน์ แห่ชอปที่ดินเตรียมพัฒนาเป็นโรงแรมและแหล่งบริการนักท่องเที่ยวรับท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศพม่า ด้าน ททท.ฉวยโอกาสเหมาะ เดินสายจัดสัมมนา ให้ความรู้ผู้ประกอบการท้องถิ่นทั้ง 5 พื้นที่ชายแดน จับเส้นทาง “อีสต์-เวสต์คอร์ริดอร์ส” และ IMT-GT บูมไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียน
วานนี้ (7 ก.ย.) ในงานสัมมนา “เตรียมความพร้อมท่องเที่ยวไทย ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ ASEAN Economic Community : AEC ซึ่งจัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยภายในงานได้เชิญหน่วยงานและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดกาญจนบุรีมาร่วมแสดงความคิดเห็น
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกทวายในประเทศพม่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีมีความคึกคักมากขึ้น เพราะในระหว่างการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ใหญ่นี้ จะเกิดการเดินทางของนักธุรกิจที่มาติดต่อเจรจา ตลอดจนมาดูทำเลเพื่อการลงทุน และเมื่อโครงการเสร็จจังหวัดกาญจน์จะกลายเป็นเกตเวย์จากไทยสู่พม่าและท่าเรือน้ำลึกที่จะต้องมีการติดต่อขนส่งค้าขาย รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางทางเรือในทะเลอันดามัน จากเดิมที่กาญจน์จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิต ก็จะมีเรื่องของการท่องเที่ยวทางทะเลเข้ามาเชื่อมโยง มีผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่สามารถเติบโตได้ราว 10% จากปัจจุบันที่กาญจน์มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 20% อีก 80% เป็นนักท่องเที่ยวคนไทย
ทั้งนี้ ททท.มีแนวทางการทำงานโดยผนึกภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ชายแดนท่องเที่ยวใน 5 เมือง คือ นครพนม ตราด สงขลา (หาดใหญ่) เชียงราย และกาญจนบุรี ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่การพัฒนาเส้นทาง “ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” หรือ “อีสต์-เวสต์คอร์ริดอร์ส”(นอร์ท-เซาท์คอร์ริดอร์ส) พาดผ่าน จัดเป็นงานสัมมนา ให้ทุกภาคส่วนเข้าใจถึงโอกาสและอุปสรรคในการเปิดเสรีการค้าเพื่อเตรียมเข้าสู่ AEC มาประยุกต์ใช้ส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวภายใต้กรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอาเซียน โดยอาศัยเส้นทางอีสต์-เวสต์คอร์ริดอร์สที่เชื่อมต่อไทย-จีน (มณฑลหยุนหนัน) เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า ตอกย้ำประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน มีความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง โดยเส้นทางนี้ยังเชื่อมไปถึงเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากคุนหมิงของจีน ลงไปยังประเทศมาเลเซีย ภายใต้โครงการความร่วมมือเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT)
“ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวกาญจนบุรี ได้แก่ จีน รัสเซีย เกาหลี โดยมาเที่ยวชมประวัติศาสตร์ มาอาบน้ำพุร้อน และมาเล่นกอล์ฟ”
****นักลงทุนแห่ซื้อดันราคาที่ดินพุ่งกว่า 100%
นายอิสสระพงษ์ แทนศิริ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกาญจนบุรี กล่าวว่า การเกิดเมกะโปรเจกต์ท่าเรือน้ำลึกทวายส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจังหวัดกาญจนบุรีหลายด้าน ที่เห็นชัดคือเกิดการลงทุนใหม่ๆ ของผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ก่อสร้างห้างโรบินสัน และไทวัสดุ นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจเข้ามาหาซื้อที่ดินในเส้นทางที่จะไปยังบ้านพุน้ำร้อน ซึ่งอนาคตจะเปิดเป็นด่านถาวรเพื่อต่อไปยังท่าเรือฯ ทวาย
อย่างไรก็ตาม ต้องการให้กลุ่มทุนหากจะซื้อที่ดินให้ตรวจเอกสารสิทธิให้ดี เพราะกาญจนบุรีส่วนใหญ่เป็นที่ราชพัสดุและพื้นที่ทหาร หากไม่ตรวจสอบอาจเกิดปัญหาบุกรุกที่หลวงเหมือนที่เกิดขึ้นในอำเภอวังน้ำเขียวได้
“ราคาที่ดินในเส้นถนนที่จะไปบ้านพุน้ำร้อน ปัจจุบันปรับขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ จากเดิมราคาไร่ละหลักหมื่นบาท ปัจจุบันเพิ่มเป็นหลักแสนบาทต่อไร่ เกิดจากดีมานด์ที่สูงขึ้น ทั้งซื้อเก็งกำไร และเพื่อลงทุน เพราะเส้นทางนี้จะมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับด่านถาวร ขณะเดียวกัน ในส่วนของการเดินทางทางอากาศ ล่าสุดสนามบินในกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ฯ ได้รับงบปรับปรุงสนามบิน และในปลายปีนี้จะมีสายการบินโซลาร์แอร์ เปิดเส้นทางบินอู่ตะเภา-กาญจน์ ขนาด 20 ที่นั่ง จะนำนักท่องเที่ยวจากพัทยามาเที่ยว และรองรับคนพม่าและเอ็กซ์แพกกลุ่มเมดิคัลทัวร์ไปยังกรุงเทพฯ และอนาคตจะขยายเส้นทางเข้าทวายหรือย่างกุ้ง ซึ่งตรงนี้จะได้นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพเพิ่มขึ้น”
****ทุนท้องถิ่นผุดโรงแรมไฮเอนด์
ปัจจุบันโรงแรมในกาญจน์มีประมาณ 10,000 ห้อง ในที่นี้ 10% เป็นโรงแรม 4-5 ดาว เพราะนักท่องเที่ยวตลาดใหญ่ยังเป็นระดับกลางและล่าง ราคาห้องพักต่อคืนไม่เกิน 2 พันบาท เป็นการลงทุนท้องถิ่น แต่เริ่มที่จะมีนักลงทุนจากจังหวัดอื่น หรือต่างชาติ สนใจเข้ามาดูพื้นที่ ส่วนผู้ประกอบการท้องถิ่นก็มีทั้งรีโนเวตโรงแรมของตัวเอง เร่งพัฒนาด้านภาษาให้บุคลากร และยังมีคนท้องถิ่นที่อยู่ในธุรกิจอื่น อย่างศรีฟ้าเบเกอรี ขยายธุรกิจเข้ามาลงทุนโรงแรมระดับหรูมูลค่าลงทุน 200 ล้านบาท จับลูกค้าไอเอนด์ราคาต่อคืนที่ 8,000 บาท จำนวนนักท่องเที่ยวของจังหวัดนี้ ปี 2554 มีจำนวน 7 ล้านคน ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 8 ล้านคน เป็นคนไทย 80% ต่างชาติ 20% แต่อนาคตสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มแน่นอน
****หวั่นทุนนอมินีเบียดทุนท้องถิ่นตกร่อง
นายทรงวุฒิ ศีลแดนจันทร์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกทวายน่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจกาญจนบุรีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการวางแผนบริหารจัดการของรัฐและเอกชน หากวางแผนไม่ดีไทยอาจเสียโอกาส ที่กังวลคือการลงทุนแบบนอมินิของกลุ่มทุนข้ามชาติ ซึ่งมีเงินมากกว่าทุนท้องถิ่น ทำให้อาจเสียโอกาสทางการแข่งขัน ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการคนไทยและในจังหวัดกาญจน์จะต้องเตรียมพร้อม คือการทำให้ฐานการบริการให้มีความเป็นสากล เน้นที่ความสะดวกและปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน โดยไม่จำเป็นต้องมีเมกะโปรเจกต์เป็นจุดขาย แต่ให้ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ให้ดีและมีมาตรฐาน เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นต้น
*** ภาครัฐหนุนสร้างเส้นทางคมนาคม
นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า เมื่อมีท่าเรือทวาย กาญจน์จะเป็นเหมือนซอยตันที่ถูกเปิดออก มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น สิ่งที่รัฐต้องเร่งพัฒนาคือระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคม ขณะที่เอกชนต้องเร่งยกระดับตัวเองในด้านมาตรฐานสินค้าและบริการเพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ