รมช.เกษตรฯ เผย หลังถก “ปู” เตรียมนำยางพารามาใช้แก้ปัญหาราคาตก สร้างถนนยางมะตอยผสมยางพาราต้นแบบ 2 สายที่เมืองคอน อ้างต้นทุนสูงกว่ายางมะตอยแค่ 4% อีกด้านเตรียมจัดอีเวนต์ “เวิลด์ รับเบอร์ เอ็กซ์โป” โชว์ผลิตภัณฑ์ยางพาราหลังถนนสร้างเสร็จ เตรียมศึกษาใช้ยางพาราสร้างแผ่นรองรางรถไฟ-คันดินกั้นน้ำ
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราในประเทศ ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการก่อสร้างถนนราดแอสฟัลท์ผสมยางพารา (รับเบอร์โรด) ขึ้นเป็นครั้งแรกของไทย โดยจะนำร่องแห่งแรก ซึ่งตัดผ่านพื้นที่ขององค์การสวนยาง (อสย.) หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 7 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช กับถนนสายบ้านคอกช้าง ต.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ระยะทาง 19 กิโลเมตร ใช้งบประมาณจากกรมวิชาการเกษตรจำนวน 85.5 ล้านบาท ดำเนินการก่อสร้าง คาดว่า จะเสร็จสิ้นภายใน 3-4 เดือนนี้
“เดิมถนนสายนี้เป็นถนนลูกรัง เป็นหลุมเป็นบ่อ และก็ถูกขอให้สร้างเป็นถนนลาดยางมานานแล้ว และความสำคัญของถนนเส้นนี้ถือเป็นเส้นทางหลักของเกษตรกรชาวสวนยาง สวนปาล์มน้ำมัน และเป็นเส้นทางหลังในการสัญจร และลำเลียงพื้นผลทางการเกษตรไปยังจังหวัดกระบี่ โดยการก่อสร้างถนนนี้จะใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมแทนยางมะตอยเพื่อราดผิวถนน และคงก่อสร้างทันที ซึ่งจะให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทเข้าไปร่วมก่อสร้างให้เสร็จ ถ้าดินฟ้าอากาศเป็นใจ ก็น่าจะเสร็จได้ตามแผน โดยยอมรับว่าการใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมนี้ต้นทุนสุงกว่าการใช้ยางมะตอยเพียงแค่ 4% เท่านั้น แต่เชื่อว่าเกษตรกรจะได้รับประโยชน์มากกว่า” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ ประเทศไทยยังเตรียมจัดงาน เวิลด์ รับเบอร์ เอ็กซ์โป (World Rubber Expo) ในต้นปีหน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์ยางพารา และงานวิจัยที่สำคัญในการแปรรูปยางพารา โดยจะจัดงานบริเวณถนนสายยางพาราดังกล่าว พร้อมกันนี้ ยังเชิญนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพาราด้วย ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พิจารณาแนวทางการส่งเสริมเอกชนด้านอุตสาหกรรมยางพารา โดยมีเป้าหมายให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมยางพาราของไทยให้เป็นตลาดโลกในอนาคต อีกทั้งนายกฯ ยังให้นโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลับไปพิจารณาแนวทางการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กด้านยางพารา เพื่อช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต และแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพาราให้มีคุณภาพ และส่งเสริมรายได้ให้ผู้ประกอบการ และเกษตรกรเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไปศึกษาแนวทางการใช้ยางพารามาเป็นส่วนผสมในการผลิตแผ่นรองรางรถไฟ และถนนข้ามรางรถไฟ ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ โดยกำหนดกรอบการศึกษาให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะเป็นการรองรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูงของไทยในอนาคตด้วย ขณะเดียวกัน ยังให้กรมชลประทานศึกษาการใช้ยางพาราในการสร้างคันดินกั้นน้ำของอ่างเก็บน้ำด้วย
