“อภิสิทธิ์” ย้อน “เฉลิม-ธาริต” เจตนายัดข้อหาฆาตกร ไล่ดูคำสั่งศาลคดีแท็กซี่แดง ไม่มีส่วนใดชี้มีเจตนาฆ่า ซัดข้ามขั้นหวังเล่นงานการเมือง ยันไม่หวั่นไหว แต่ห่วงสังคมสับสน เตือน รบ.จ้องเล่นฝ่ายตรงข้าม สวนการสร้างปรองดอง ทวง “ยิ่งลักษณ์” แถลงนโยบายรับการทำงาน คอป. ปัดให้ ปคอป.พิจารณาเพราะข้อเสนอคลุมเครือหลายฝ่าย แนะ คอป.ทำความเข้าใจทุกฝ่าย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (19 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เตรียมตั้งข้อหาฆาตกรรมเพื่อดำเนินคดีต่อตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าในชั้นนี้ยังไม่มีอะไร เพราะต้องดูว่าดีเอสไอจะดำเนินการอย่างไร แต่นายสุเทพมีทีมกฎหมายมาช่วยดูแง่มุมต่างๆ ของเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป
“ดูจากคำสัมภาษณ์ของนายธาริต มีลักษณะเป็นการตั้งธงตั้งแต่ก่อนศาลมีคำสั่ง กรณีนายพัน คำกอง อยากให้ดูคำสั่งศาลระบุพฤติการณ์เสียชีวิตไว้อย่างไร เพราะไม่มีส่วนไหนที่บ่งชี้ว่าเป็นเจตนาฆ่า จึงไม่เข้าใจว่าทำไม ร.ต.อ.เฉลิม (อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี) กับนายธาริต จึงมุ่งที่จะเอาผิดกับผมและท่านสุเทพ และสงสัยว่าบุคคลทั้งคู่มีหน้าที่ตั้งธงหรืออย่างไร เมื่อศาลมีคำสั่งพนักงานสอบสวนกับอัยการก็ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ และดูว่ามีใครทำผิดอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ตั้งธงตั้งแต่ก่อนศาลมีคำสั่งว่าจะดำเนินการอย่างนี้ และกรณีของนายธาริตก็อยู่ในฝ่ายตัดสินใจนโยบายของ ศอฉ.ด้วย ดังนั้น หากจะมีการดำเนินคดีก็อยู่ที่ว่านายธาริตจะมีแนวทางในการทำคดีอย่างไร ซึ่งต้องว่าตามข้อเท็จจริงที่นายธาริตก็เป็นกรรมการใน ศอฉ.ด้วย จึงปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้”
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการปกติที่จะต้องส่งให้อัยการ และพนักงานสอบสวนไปดูว่าใครคือผู้กระทำความผิด โดยต้องเริ่มจากสถานที่เกิดเหตุ และใครเป็นผู้กระทำความผิด มีเหตุและปัจจัยอะไรพิจารณาในทางกฎหมายบ้าง เช่น กรณีวิสามัญฆาตกรรม จะต้องไปดูว่าเหตุเป็นอย่างไร จากนั้นหากมีความผิดก็ต้องดูว่าใครเกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการนี้ กระโดดข้ามไปว่าจะดำเนินการกับตนและนายสุเทพ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก
นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า แม้จะมีกระบวนการไม่ปกติที่จะดำเนินคดีต่อตนและโหมประโคมข่าวในทางสื่อแต่ไม่ได้ทำให้หวั่นไหว เพียงแต่ห่วงว่าสังคมจะสับสนเพราะการไต่สวนในลักษณะนี้เป็นไปตามกระบวนการของ ป.วิอาญา ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนเริ่มแรกก่อนที่จะมีการดำเนินคดี จึงได้ตั้งคำถามว่าทำไมผู้ที่ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จึงมีการตั้งธงล่วงหน้า และตั้งธงไปในอีกหลายคดีที่ศาลยังไม่มีคำสั่งด้วย
“ผมคิดว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีการยุ่งวุ่นวายแบบนี้ ซึ่งผมก็เป็นห่วงว่ารัฐบาลอ้างว่ามีนโยบายปรองดอง แต่การกระทำทุกอย่างไม่ได้เดินไปตามคำพูด รายงาน คอป.นั้นพรรคแกนนำก็ฉีกทิ้งเรียบร้อย และการให้สัมภาษณ์ก็ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย แต่พยายามปลุกระดมสร้างความเกลียดชังมากกว่า ดังนั้นจะหวังให้เกิดความปรองดองคงยาก และรัฐบาลต้องรับผิดชอบที่สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาที่จะสร้างความปรองดองจริง ควรเริ่มต้นจากรายงานของ คอป.ที่รัฐบาลระบุในนโยบายที่แถลงต่อสภาว่าจะสนับสนุนและยอมรับการทำงานของ คอป. ก็ควรจะไปพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยไม่ควรให้ ปคอป.ไปพิจารณาเพียงอย่างเดียว เพราะสิ่งที่ คอป.ระบุเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย เกินกว่าจะอยู่ในขอบข่ายของหน่วยงานราชการ เพราะมีฝ่่ายการเมือง สื่อมวลชนและฝ่ายอื่นๆ จึงควรมีเวทีที่กว้างขวางกว่านี้ ส่วน คอป.ควรจะเดินสายแลกเปลี่ยนความเห็นกับฝ่ายต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อเสนอของ คอป.ด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว