“เทพเทือก” ชื่นชมการทำงาน คอป.สอบม็อบแดงเผาเมือง เหตุทำงานลำบาก ชี้การสรุปมีชายชุดดำในม็อบปิดปากโจกแดงที่บิดเบือนโกหกประชาชนรายวัน เชื่อ “นช.แม้ว” ไม่เสียสละตามข้อเสนอ คอป. ท้า “ธาริต” รีบตั้งข้อหาพยายามฆ่า พร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงไม่หนีไปไหน มั่นใจแกนนำรัฐบาลมีธงเล่นงานตัวเองพร้อม “มาร์ค”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสรุปของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่า ขอแสดงความชื่นชม คอป.เพราะทำงานนี้ด้วยความยากลำบากในสถานการณ์ที่ผู้คนมีความแตกต่างอย่างรุนแรงในบ้านเมือง ซึ่งเมื่อ คอป.ระบุถึงคนชุดดำเอาอาวุธสงครามเข้ามาเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่และประชาชนเช่นนี้ จะได้ปิดปากของ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ซึ่งก็จะทำให้คนที่โกหกทั้งหลายเงียบเสียที มิเช่นนั้นจะบิดเบือนโกหกประชาชนทุกวันจนลามไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็พลอยพูดประเภทว่านายว่าขี้ข้าพลอย
นายสุเทพกล่าวว่า นพ.เหวงแสดงท่าทีไม่ยอมรับรายงานของ คอป.ด้วยการฉีกรายงานทิ้งนั้น ได้แสดงถึงนิสัยที่แท้จริงของคนเหล่านี้ว่าถ้าอะไรไม่ตรงกับที่ตัวเองได้วาดภาพไว้ก็จะไม่ยอม พวกนี้ไม่เคารพใครทั้งสิ้น ทั้งระบบศาล หรือกรรมการที่เป็นกลาง นอกจากนี้ตนยังไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามข้อเสนอของ คอป.ที่ให้ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเรื่องการนิรโทษกรรมออกไป เนื่องจากรัฐบาลได้อนุมัตงบประมาณเกือบ 100 ล้านให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการสานเสวนาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ประชาชนยินยอม ซึ่งทางพรรคจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
ส่วนที่ คอป.เสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เสียสละนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีทาง แต่ข้อเสนอของ คอป.ทุกข้อเป็นเรื่องที่ดีที่ควรยอมรับ
นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่าจะมีการตั้งข้อกล่าวหาเจตนาฆ่าในคดีนายพัน คำกอง กลุ่มคนเสื้อแดง ในฐานะที่มีส่วนร่วมเป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ว่า ตนยืนยันว่าคำสั่งทั้งหมดเป็นคำสั่งที่ตนลงนามแต่ผู้เดียว ซึ่งพร้อมที่จะเป็นผู้ต้องหาของนายธาริต ไม่หนีไปต่างประเทศ ดังนั้นหากแจ้งข้อกล่าวหามาวันใดก็พร้อมไปมอบตัว และจะเรียกไปสอบสวนกี่หน กี่คดี ตนก็พร้อมที่จะต่อสู้ พิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรม โดยจะไม่ขอใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ตนเห็นว่ารัฐบาลหรือผู้ใหญ่ในรัฐบาลมีการสั่งการเสมือนมีธงชี้นำไว้แล้วว่าเขาจะไม่เอาเรื่องกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ แต่จะเอาเรื่องคนสั่งการ ซึ่งหมายถึงตนกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นตนจึงไม่คาดหวังความเป็นธรรมอะไรจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ว่ากระบวนการยุติธรรมไม่ได้อยู่ที่พนักงานสอบสวน และกรมสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น ยังมีขั้นตอนอัยการ และศาลสถิตยุติธรรม และตนพร้อมที่จะสู้ไปถึงศาลฎีกา
“วันนี้ถ้านายธาริตจะให้ผมเป็นผู้ต้องหาก็พร้อมจะสู้ ดังนั้น นายธาริตอย่ามัวพูดช้าๆ อยู่เลย ขอให้รีบตั้งข้อหาเร็วๆ ผมจะได้ไม่ต้องรอนาน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเกินความเป็นจริงจะใช้ช่องทางอะไรเรียกร้องความยุติธรรม นายสุเทพกล่าวว่า ตนจะตั้งหลักเพื่อต่อสู้ตามหลักกฎหมาย ส่วนจะฟ้องคนที่ตั้งข้อกล่าวว่าเกินความเป็นจริงหรือไม่ ก็จะต้องดูก่อน เพราะถ้าเขาทำถูกต้องก็ไม่มีอะไร แต่ทำไม่ถูกก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนการที่นายธาริตออกมากล่าวว่าจะเอาคดีนายพัน คำกอง เป็นคดีตัวอย่างในการตั้งข้อกล่าวหาคดีอื่นอีก 35 คดีที่มีการตายเกิดขึ้นนั้น จากที่ตนดูลักษณะการอออกมาให้ข่าวของนายธาริตคล้ายเป็นการตั้งธงไว้แล้ว และไม่ทราบว่านายธาริตมีจรรยาบรรณหรือไม่ ต้องดูลึกในรายละเอียด
ส่วนการดำเนินคดีของคนที่มีอำนาจในเวลานี้จะเปลี่ยนแปลงรูปคดีได้หรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า เห็นชัดเจนว่ากระบวนการทางฝ่ายรัฐบาล คนเสื้อแดง เขาชัดเจนว่าพยายามที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริง เหมือนที่ คอป.สรุปข้อเท็จจริงมารายงานประชาชน และตรงกับสิ่งที่ฝ่ายพวกเขาพูดว่ามีการบิดเบือน แต่ที่น่าเกลียดคือ เวลานี้ลามเข้าไปในวงราชการ และเป็นส่วนราชการที่อำนวยความยุติธรรม
“ผมจะไม่เอาเรื่องของตัวเองไปเป็นชนวนความขัดแย้งในบ้านเมือง ซึ่งการต่อสู้ของผมจะยึดหลักการพิสูจน์ความจริงให้รู้ว่ามีการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมอย่างไร และไม่เรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อสู้ร่วมกับผมในเรื่องนี้ แต่เราอย่ายอมให้มีการข่มขืนใจประชาชนในเรื่องกฎหมายปรองดองจอมปลอม หรือการเขียนรัฐธรรมนูญออกมาใหม่ เพื่อให้อำนาจบางคนรวบอำนาจการปกครองประเทศทั้งหมด”
