“วิรัตน์” ย้ำยื่น ป.ป.ช.ฟัน “สุรพงษ์-ยิ่งลักษณ์” คืนพาสปอร์ต “นช.แม้ว” แล้ว พร้อมขุดอัตราโทษขู่ เล็งเอาผลผู้ตรวจฯ ยื่นประกอบ “ชวนนท์” จวกรัฐบาลรับใช้ “ทักษิณ” จี้นายกฯ แสดงจุดยืนเอายังไง แย้มจ่อส่งข้อมูลคดีฆ่าตัดตอนศาลโลกเพิ่ม จี้ “ปู” ลงนาม ท้าระหว่างเรื่องเผาเมืองใครจะไปถึงก่อนกัน
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค กล่าวถึงกรณีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ได้คืนหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า หลังมีการคืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายได้ดำเนินการยื่นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายสุรพงษ์ออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 55 พร้อมทั้งได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ดำเนินคดีอาญาและชี้มูลในวันที่ 23 ม.ค. 55 เพราะเห็นว่าการคืนหนังสือเดินทางให้แก่บุคคลที่เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีโทษจำคุก และมีคดีก่อการร้าย เป็นการกระทำละเมิดกฎหมาย ซึ่งเดิมรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้สั่งเพิกถอนพาสปอร์ต เป็นการกระทำป้องปรามที่ถูกต้องแล้ว แต่รัฐบาลนี้กลับดำเนินการสวนทางกัน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวในฐานะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ และเป็นผู้นำรัฐบาล นายสุรพงษ์เป็น รมว.ต่างประเทศ ที่ควบคุมกำกับนโยบายและการดำเนินการในการออกพาสปอร์ต ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 275 ทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โทษจำคุก 1-10 ปี ผิดมาตรา 189 ฐานช่วยเหลือผู้กระทำความผิดโทษจำคุก 2 ปีขึ้นไป ทำผิดระเบียบกระทรวงการต่างประเทศข้อ 21 (2) (4) ข้อ 23 (2) (7) คือไม่สามารถออกพาสปอร์ตให้ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ หรือมีคดีติดตัว หรือผู้ที่อยู่ในต่างประเทศที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติได้
นายวิรัตน์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังทำผิดประมวลจริยธรรมของนักการเมืองปี 2551 ข้อ 14 และข้อ 27 และพฤติกรรมดังกล่าวยังขัดต่ออนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนสนับสนุนและถูกออกหมายจับในคดีก่อการร้าย ทั้งนี้ หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องมานานแล้วแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามกระบวนการ แต่เมื่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้วินิจฉัยและชี้มูลพฤติกรรมนายสุรพงษ์ และกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าขัดต่อระเบียบและข้อกฎหมาย ตนจะได้นำสำเนาบันทึกคำวินิจฉัยชี้มูลของผู้ตรวจการไปยื่นเรื่องต่อประธาน ป.ป.ช.เพื่อขอให้เร่งรัดดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสอง ควบคู่ไปกับการยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้เร่งรัดดำเนินการถอดถอนบุคคลทั้งสองให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ต่อไปโดยเร็ว และจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ว่า แทนที่รัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ทบทวนการออกหนังสือเดินทางแต่กลับปล่อยให้คนในรัฐบาลออกมาตอบโต้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นทาสรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จำเป็นต้องออกมาปกป้องนายของตัวเอง อยากเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ออกมาแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อเรื่องนี้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าจะใช้ความเป็นญาติอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ และจะทำให้คนไทยเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีอภิสิทธิชนเหนือคนไทยอีกครั้งหรือไม่
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า เหตุผลครั้งนี้ในเรื่องการทักท้วงของผู้ตรวจการแผ่นดินมีความชัดเจนว่า การออกหนังสือเดินทางขัดต่อระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ซึ่งที่ผ่านมานายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ เคยถอนหนังสือเดินทางตามบทบัญญัติข้อ 23 (7) ที่ระบุว่าสามารถเพิกถอนหนังสือเดินทางหากปล่อยให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งอยู่ต่างประเทศและจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศหรือต่างประเทศ นายสุรพงษ์ที่ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวไม่สามารถอ้างระเบียบข้อนี้ได้ เนื่องจากข้อดังกล่าวเป็นเรื่องการยกเลิกการออกหนังสือเดินทาง ส่วนการออกหนังสือเดินทางใหม่ต้องใช้ตามมาตรา 21 แต่ พ.ต.ท.ทักษิณมีคำพิพากษาต้องโทษห้ามออกนอกประเทศจึงไม่เข้าข่ายการออกหนังสือเดินทาง
นายชวนนท์กล่าวถึงความคืบหน้าที่ศาลอาญาระหว่างประเทศทำหนังสือตอบรับการยืนเรื่องให้ดำเนินคดีเอาผิดการฆ่าตัดตอนสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะให้มีการส่งข้อมูลจำเป็นเพิ่มเติมในอนาคต เรื่องนี้เข้าข่ายความผิดเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือสัญชาติมอนเตเนโกรซึ่งเป็นภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศ รวมทั้งที่ผ่านมาผลสรุปของคณะกรรมการ คตน. ซึ่งมีนายคณิต ณ นคร เป็นประธานฯ มีการสรุปว่าความผิดที่เกิดขึ้นเข้าข่าย 1 ใน 4 ของความผิดที่จะสามารถนำไปฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ
“เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการขู่ดำเนินคดีและไม่ได้ตีปี๊บ และขอท้าว่าเรื่องคดีฆ่าตัดตอนและคดีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ใครจะไปถึงศาลอาญาระหว่างประเทศก่อนกันและใครเป็นของจริงและหากคิดว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ บริสุทธิ์ก็ขอท้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าทำไมไม่ลงนามในสัตยาบันให้ประเทศไทยเป็นภาคี และคอยดูในเนื้องหาสาระและหลักการว่าใครจะไปถึงศาลอาญาต่างประเทศก่อนกัน จึงขอให้อย่าปล่อยลิ่วล้อออกมาเห่าหอนอีกเพราะรำคาญมาก” นายชวนนท์กล่าว