“สุเทพ” ยันอยากเห็นบ้านเมืองสงบ แต่ไม่เอา กม.ปรองดอง จวก รบ.ถลุงงบฯ เกลี้ยกล่อม ปชช.อุ้ม ชี้สุดอันตรายวาทกรรมสร้างรัฐไทยใหม่คิดไกลถึงระบบที่มีประธานาธิบดี วอนเครือข่ายแม้วเลิกอุปโลกน์อำมาตย์ป่วน เย้ยถ้า “ทักษิณ” ไม่โกง ไม่คอร์รัปชัน ใครก็ปฏิวัติไม่ได้
วันที่ 15 ก.ย. ที่วัดศรัทธาธรรม ต.บางจะเกร็ง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบนเวที “เดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ - ออกฎหมายล้างผิดคนโกง” ว่า เหตุการณ์ในปี 2552 เหตุการณ์ในปี 2553 เราไม่ได้ใช้กำลังเข้าไปรื้อเวทีชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ได้ใช้กำลังเข้าไปขับไล่คนเหล่านั้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเขาเตรียมการกันมา ปลุกระดมกันมา วางแผนกันมาเป็นขั้นเป็นตอน ต้องการให้เกิดเรื่องร้าย ต้องการให้มีคนเจ็บ ต้องการให้มีคนตายแล้วป้ายสีโยนความผิดให้นายกฯ อภิสิทธิ์ โยนความผิดให้ตน
ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้ใช้งบประมาณเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีอากรของพี่น้องประชาชน ออกไปจัดเวทีตามจังหวัดต่างๆ ไปจัดเวทีตรงนี้ที่เป็นอันตราย เพราะว่าเขาไม่บอกเรื่องจริงกับพี่น้อง เขาไปบิดเบือนความเป็นจริง แล้วก็ไปเกลี้ยกล่อมพี่น้องประชาชนให้เห็นด้วยกับเขา คนพวกนี้เคยพูดในหลายที่หลายแห่งว่าถ้าเขาแก้รัฐธรรมนูญหรือถ้าเขาเขียนรัฐธรรมนูญได้ใหม่ตามใจของพวกเขาในคราวนี้ เขาจะลบอำนาจศาลหมด เขาจะเป็นผู้แต่งตั้งประธานศาลฎีกาเอง เขาจะเป็นผู้แต่งตั้งผู้พิพากษาเอง
“ถ้าเขาตั้งประธานศาลฎีกาได้ ถ้าเขาแต่งตั้งผู้พิพากษาได้ จะมีประธานศาลฎีกาคนไหน ผู้พิพากษาคนไหนกล้าพิพากษาลงโทษจำคุกพวกเขา หรือลงโทษปรับ หรือยึดทรัพย์ เมื่อพวกเขาฉ้อโกง คอร์รัปชัน นั่นเท่ากับเป็นหายนะของประเทศไทย ของลูกหลานไทยในอนาคต”
นายสุเทพกล่าวต่อว่า เราก็อยากเห็นการปรองดองกันทุกคน เพราะเราอยากให้บ้านเมืองเรียบร้อย อยากให้บ้านเมืองมีความร่มเย็น อยากเห็นคนไทยรักกัน แต่ว่าหากกฎหมายปรองดองฉบับนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปได้ คนที่ใช้จรวดอาร์พีจียิงวัดพระแก้ว แล้วถูกศาลลงโทษจำคุก 33 ปี ออกมาเดินถนนได้ทันที คนที่เอาระเบิดมือ หรือระเบิดสังหารขว้างใส่เจ้าหน้าที่ทหารจนทำให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต พร้อมกับนายทหารอีก 5 นายจะไม่ถูกดำเนินคดีอีกต่อไป คนที่เผาศาลากลางจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด และบางจังหวัดนั้นคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแล้วก็จะหลุดคดีทันที กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีมลทินติดตัวเลย คนที่เผาโรงหนังสยาม เผาเซ็นทรัลเวิลด์ เผาธนาคาร เผาสำนักงาน ป.ป.ส. จะไม่ถูกดำเนินคดีทั้งหมด
นอกจากนี้ ชายชุดดำทั้งหลายที่เป็นผู้ก่อการร้ายร่วมกับนายเจ๋ง ดอกจิก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ และคนที่สอบสวนแล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งเรื่องให้อัยการฟ้องศาลแล้ว ขณะนี้ศาลกำลังดำเนินคดีอยู่ทั้ง 26 คนที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยคนแรก คดีเหล่านั้นจะถูกล้มเลิกไปโดยทันที ที่สำคัญกว่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลพิพากษาว่ามีความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี แล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ ศาลพิพากษายึดทรัพย์ 46,730 ล้าน ก็จะรอดพ้นจากคดีทั้ง 2 คดี กลับประเทศไทยได้ทันที และเราต้องเอาเงิน 46,730 ล้าน คืนให้คุณทักษิณทันที นี่คือผลของกฎหมายฉบับนี้
“คนพวกนี้เขามีแผนลึกล้ำ เขาประกาศมาโดยตลอด วันนี้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขาก็ยังประกาศอยู่ เขาประกาศว่าไงครับ เขาจะสร้างรัฐไทยใหม่ นี่ไม่ใช่วาทกรรมธรรมดาครับ ที่เขาพูดว่าเขาจะสร้างรัฐไทยใหม่นั้น ผมได้ศึกษา ผมได้ติดตาม ผมได้สอบสวนสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติปฏิบัติ รัฐไทยใหม่ที่เขาคิดจะสร้างกันขึ้นนั้นไม่ใช่ประเทศไทยที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข พวกเขาคิดเลยเถิดไปถึงระบบที่มีประธานาธิบดี”
นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นคนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ เราถือว่าเป็นพี่เป็นน้องกันทั้งนั้น ไม่ว่าคนจะมีฐานะอย่างไร เราก็ถือว่าเป็นญาติ เป็นมิตรด้วยกันทั้งนั้น เพิ่งมียุค พ.ต.ท.ทักษิณนี้แหละที่มาแบ่งแยกประชาชนพวกเรา เป็นพวกเสื้อแดง และไม่ใช่เสื้อแดง แบ่งแยกประชาชนบอกว่าประชาชนประเทศไทย ไม่มีความเท่าเทียมกัน เพราะว่ามีชนชั้นอยู่ในสังคมของประเทศไทย ชนชั้นข้างล่าง ไอ้คนพวกนี้ตั้งชื่อใหม่ว่าเป็นพวกไพร่ คนข้างบนเรียกว่าพวกอำมาตย์ และเครือข่ายของอำมาตย์
“มันไม่ใช่เรื่องของ พล.อ.เปรมหรอกครับ มันเป็นเรื่องของทักษิณล้วนๆ ถ้าทักษิณไม่ฉ้อโกง ไม่คอร์รัปชัน ไม่ใช้อำนาจเกินของเขตของกฎหมายจนประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้าน ใครก็ปฏิวัติไม่ได้ นั่นเป็นความจริง แต่ว่ามนุษย์ไม่มีใครโทษตัวเอง เกิดอะไรขึ้นต้องโทษคนอื่นไว้ก่อน โยนความผิดนี้ให้กับ พล.อ.เปรม”