xs
xsm
sm
md
lg

เปิดทำเนียบถก “ดับไฟใต้” “มาร์ค-ปชป.”ยอมร่วมวง หยุดการเมืองทำเพื่อชาติ !?

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ท่ามกลางความสิ้นหวังที่ไม่ใช่แค่ของคนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส”แต่รวมถึงคนไทยอีกทั่วประเทศ ต่อวิกฤตไฟใต้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายได้เลยแม้แต่น้อย มีแต่จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

ก็มีข่าวดีที่อาจเป็นสัญญาณที่ดี แม้ไม่มากหรืออาจยังไม่ปรากฏผลให้เห็นโดยทันทีทันใด แต่อย่างน้อยมันก็เป็นความหวังได้พอควรว่า หนทางดับไฟใต้ ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว

ทั้งกรณีนายแวอาลีคอปเตอร์ วาจิ หรือ เจ๊ะอาลี แกนนำคนสำคัญของขบวนแบ่งแยกดินแดน ที่ถูกทางการตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท และเป็นตัวการใหญ่ร่วมวางแผนและสั่งการให้แกนนำระดับปฏิบัติการนำกำลังบุกปล้นปืน กองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 ที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย

ซึ่งเจ๊ะอาลี ได้นำแนวร่วม 80 คน กลับใจและยุติการเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา โดยเข้ามอบตัวกับพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ณ สำนักงานคณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส อันเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ตามโครงการประสานใจเพื่อสันติสุขสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของกองทัพภาคที่ 4

งานนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับปัญหาภาคใต้ ที่อย่างน้อยหากมีกลุ่มผู้ก่อเหตุในพื้นที่กลับตัวแบบนี้เรื่อยๆ ก็น่าจะทำให้มีความหวังได้ระดับหนึ่งว่าสถานการณ์ต่างๆ น่าจะดีขึ้นบ้าง ถึงขนาดที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกยังบอกเลยว่านี้คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของทหารในการแก้ปัญหาภาคใต้

“เป็นความก้าวหน้าที่เราทำงานแต่ไม่สามารถพูดได้ก่อน เรามีการติดต่อและพยายามพูดคุยกันมาตลอด

อีกประการ คือ เขาเห็นความโหดร้ายของฝ่ายผู้ก่อเหตุ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย จึงมอบตัว ส่วนอีกฝ่ายก็คงพยายามไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้มอบตัว เขาจึงใช้ความรุนแรง

วันนี้ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งเรื่องอื่นๆ คงจะตามมา ทั้งหมดมีการตรวจสอบแล้ว มีรายชื่อในทำเนียบกำลังรบของผู้ก่อความไม่สงบที่กองทัพจัดทำขึ้น ก็ต้องมาพิสูจน์ความจริงใจต่อกัน ถ้าไม่ใช่กลุ่มคนเหล่านี้จะมาให้จับทำไม

ยืนยันว่าเราทำงานตามหลักการ ตรวจสอบละเอียดว่าคนเหล่านี้ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ ถูกหลอกจริงหรือไม่ ทุกอย่างต้องตรวจสอบก่อน เข้าสู่ขบวนการแก้ปัญหา”

และยังมีกรณีท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์โดยกลุ่มส.ส.ภาคใต้ ซึ่งตอบรับคำเทียบเชิญของฝ่ายรัฐบาลที่นำโดย ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำหนังสือเชิญส.ส.ภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด เข้าหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ ในวันอังคารที่ 18 กย.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล และมีข่าวว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งเป็นประธานพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับส.ส.ประชาธิปัตย์ครั้งนี้ด้วย

เท่านั้นไม่พอ รัฐบาลจัดเต็ม ขนตัวหลักๆ ในศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศปก.จตช. มาร่วมหารือด้วย

อาทิพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง-เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) -ผู้บัญชาการเหล่าทัพ-ตัวแทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-สภาความมั่นคงแห่งชาติ-สำนักข่าวกรองแห่งชาติ -กระทรวงมหาดไทย

ที่น่าสนใจคือ การตอบรับครั้งนี้ เบื้องต้นหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นผู้นำส.ส.ภาคใต้ทั้งหมดของพรรคเข้าหารือกับฝ่ายรัฐบาลเองด้วย

“ทีมข่าวการเมือง”มองว่าทั้งสองเรื่องน่าจะทำให้หลายคนเกิดความเชื่อว่า ขอเพียงให้มุ่งมั่นแก้ปัญหา ไม่ว่าจะด้วยยุทธศาสตร์แบบไหน ปัญหาย่อมมีวันลุล่วงหรือทุเลาเบาบางลงได้ อย่างกรณีที่ส.ส.ประชาธิปัตย์ จะไปร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยปัญหาในพื้นที่ภาคใต้กับฝ่ายรัฐบาล หากทุกอย่างดำเนินไปบนหลักที่ว่า ไม่เอาการเมืองหรือเอาเรื่องพรรคมาเป็นตัวตั้ง แต่เอาผลประโยชน์ประชาชนและส่วนรวมเป็นหลัก การพูดคุยดังกล่าวหากไม่มีการยกเลิก และพวกส.ส.ประชาธิปัตย์กับฝ่ายรัฐบาลมีความจริงใจให้แก่กัน ไม่เล่นการเมือง ไปทุกเรื่อง

แม้การพูดคุยกัน จะไม่ได้ทำให้ปัญหาภาคใต้จบลงภายในวันเดียว ไม่ได้ทำให้ความรุนแรงหายไปเลย อีกทั้ง น่าจะเป็นเรื่องที่ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็หวังประโยชน์การเมืองด้วยกันทั้งคู่

อย่างฝ่ายรัฐบาล ก็จะได้ภาพว่าเปิดกว้างรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายแม้แต่กับฝ่ายค้าน ก็เชิญมานั่งสนทนาขอข้อมูลเพื่อนำไปสังเคราะห์แก้ปัญหา ด้านประชาธิปัตย์ หากไม่ตอบรับคำเชิญของฝ่ายรัฐบาล ก็อาจถูกมองว่าเล่นแง่เกินไป ทำไมไม่ร่วมมือกันแก้ปัญหาชาติ จะเล่นการเมืองกันไปถึงไหน

ดังนั้นโต๊ะกลมการหารือครั้งนี้ในวันที่ 18 ก.ย. หากไม่ถูกยกเลิกไปเสียก่อน หรือการนัดหมายล้มเหลว ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็ได้แต้มด้วยกันทั้งคู่

เชื่อได้ว่า ความร่วมมือของฝ่ายการเมืองครั้งนี้อย่างน้อยก็ต้องมีส่วนดีบ้างตามมาในการแก้ปัญหาภาคใต้ แม้จะเห็นชัดว่าเป็นการคุยกันในเชิงการเมืองล้วนๆ

อย่างไรก็ตาม หากให้คาดการณ์ล่วงหน้าการพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดนั้น ทางประชาธิปัตย์เองก็คงไม่ถึงกับนำทุกเรื่องหรือทุกข้อมูลที่มีไปบอกกับฝ่ายรัฐบาลแน่นอน

อย่างเรื่องที่ก่อนหน้านี้นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ “ว.” ได้ไปกว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อเก็งกำไรหลังมีข่าวว่ารัฐบาลอาจมีนโยบายการซื้อที่ดินคืนหรือจำนองที่ดินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เชื่อว่าเรื่องทำนองนี้คงไม่หยิบยกไปพูดคุยแน่นอน รวมถึงข้อมูลลับๆ ที่ฝ่ายประชาธิปัตย์มี ก็คงไม่บอกรัฐบาลหมด

ขณะที่บางข้อเสนอก็เชื่อว่าหากรัฐบาลรับมาจากประชาธิปัตย์ก็คงเสียหน้าแน่นอน คือเสนอได้แต่คงไม่ทำให้ อย่างเช่นที่อภิสิทธิ์ บอกไว้แล้วว่าพร้อมจะเดินทางไปร่วมหารือกับรัฐบาลในวันที่ 18 ก.ย.นี้ โดยสิ่งที่จะไปคุยกับรัฐบาลก็คือควรจะยุบ ศปก.จชต . เพราะถ้ายังมีอยู่ยิ่งจะทำให้การแก้ปัญหาภาคใต้เกิดความสับสน แถมบอกว่าหากรัฐบาลปฏิเสธสิ่งที่เสนอก็ไม่ใช่การส่งสัญญาณที่ดี!

แค่ยังไม่ทันจะร่วมวง ก็เริ่มเห็นเค้าลางแล้วว่า หากการสนทนากันดังกล่าว คุมกันไม่ได้ ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างเล่นคุมเชิงกันแบบนี้ อย่างอภิสิทธิ์มาบอกจะเสนอให้รัฐบาลยุบศปก.จชต. ที่รัฐบาลเพิ่มคลอดโครงสร้างนี้ออกมาสดๆร้อนๆ ชนิดโครงสร้างการทำงานและอำนาจหน้าที่ต่างๆของศปก.จชต.เพิ่งทำกันเสร็จมาเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลก็คงยอมไม่ได้ ไม่รับฟังแน่นอน

ทั้งนี้”ทีมข่าวการเมือง”ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล-ฝ่ายค้าน-ทหาร-ตำรวจ-ภาคพลเรือน-ภาคประชาสังคม-ภาคธุรกิจ ร่วมมือกันแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ลุล่วงไปหรือทำให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ให้ได้ เพราะหากทำสำเร็จ ส่วนรวมก็ได้ประโยชน์ จะใช้รูปแบบไหน หรือวิธีการแบบไหน ไม่สำคัญหรอก หากว่าเป้าหมายสำเร็จลุล่วงแต่ก็ต้องอยู่บนหลักความถูกต้องทางกฎหมายและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ด้วย ไม่เช่นนั้นปัญหาก็ไม่มีทางยุติลงได้แน่นอน

โดยเฉพาะตัวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงต้องเร่งดันตัวเองมากขึ้นในการแก้ปัญหาภาคใต้แม้ตอนนี้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่สุโขทัยจะหนักหนาเอาการอยู่

ยิ่งเมื่อผู้คนทั้งประเทศได้เห็นภาพยิ่งลักษณ์ในคลิปภาพและเสียงวันที่แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเดินทางกลับมาจากไปราชการในพื้นที่ภาคใต้คือนราธิวาสเมื่อวันพุธที่ 5 กันยายน แล้วปรากฏว่าพูดผิดพูดถูกหลายครั้ง จนต้องหันไปถามรัฐมนตรีรอบๆตัวเช่น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย ให้ช่วยอธิบายบางเรื่องอย่างเช่นศปก.จชต.ที่รัฐบาลเป็นคนตั้งขึ้นมาเอง ตัวยิ่งลักษณ์เองก็ยังจำไม่ได้ จนทำให้คนสงสัยกันทั้งประเทศว่านายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจหรือใส่ใจจริงหรือไม่ในการแก้ปัญหาภาคใต้หรือไม่

ยิ่งมีผลสำรวจของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตเมื่อ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาซึ่งสอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน1,598คน ต่อกรณีการแก้ปัญหาไฟใต้ของนายกรัฐมนตรี

โดยในคำถามที่ว่า การที่นายกรัฐมนตรีลงไปพื้นที่ภาคใต้เพื่อแก้ปัญหา สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้มากน้อยเพียงใด31.91% ไม่ค่อยเชื่อมั่น เพราะการแก้ปัญหาไฟใต้ต้อง อาศัยเวลาและความร่วมมือจากหลายฝ่าย อีกทั้งยังมีเรื่องของการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง และ 27.67%ไม่เชื่อมั่น เพราะปัญหาไฟใต้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องทำ ความเข้าใจและแก้ปัญหาให้ตรงจุด สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้เป็นการทำ เพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่า

ไม่รู้ว่า เพราะฟีดแบ็คเรื่องคลิปภาพที่ปล่อยไก่ไปหลายตัวตอนแถลงข่าวหลังเดินทางกลับจากภาคใต้ดังกล่าวของยิ่งลักษณ์ที่ทำเสียภาพความเป็นผู้นำไปอย่างมาก ผสมกับผลสำรวจดังกล่าวที่ออกมาตอกย้ำว่าประชาชนไม่เชื่อว่าการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น ที่ออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันหรือไม่ เลยทำให้ทั้งยิ่งลักษณ์และเฉลิม ต้องเร่งตีตื้นโกยคะแนนกลับคืนมายกใหญ่

จนเป็นที่มาของการเปิดทำเนียบรัฐบาลจัดคณะใหญ่ตั้งวงคุยกับประชาธิปัตย์ดังกล่าว
เฉลิม อยู่บำรุง
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
กำลังโหลดความคิดเห็น