“บิ๊กอ๊อด” เผยเตรียมให้อำนาจ ผอ.ศอ.บต.-ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หวังบูรณาการดับไฟใต้ เร่ง 17 กระทรวงทำแผนงบฯ ชงนายกฯ-รมว.มท.ตั้งผู้ว่าฯ 5 จว.ชายแดนใต้ ขณะที่ผู้ว่าฯ เสนอตั้งนายอำเภอได้ หวังทำงานเป็นทีมเวิร์ก ติงอย่าทำเรื่อง ปปง.ยึดเงินหนุนโจรใต้เป็นเรื่องใหญ่ เผย “ปู” ถกผู้นำมาเลย์ 7 ก.ย. อ้างการข่าวระบุปักธงมาเลย์เป็นกลุ่มใหม่-เงียบเรื่องศาล ปค.รับเรื่องย้ายปลัดกลาโหมไม่ชอบ
วันนี้ (6 ก.ย.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล ประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต) กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินสถานการณ์ความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาว่า นายกฯ ได้เร่งดำเนินการจัดทำแผนต่างๆ ซึ่งจะเรียก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ มาพบเพื่อเร่งงานแต่ละกระทรวงที่รับผิดชอบทั้ง 17 กระทรวง ให้จัดลำดับงานเร่งด่วน และเพื่อจัดทำแผนงบประมาณว่าจะใช้ทำอะไรบ้างในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และหากงบฯ เหลือก็จะไปดูในส่วนของโครงการที่ยังค้างอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของโครงสร้างที่นายกฯ ให้ความเห็นชอบแล้ว ที่ให้ใช้โครงสร้างเดิมทั้งหมด แต่ให้เพิ่มศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าไปเพื่อช่วยนายกฯ ดำเนินงานในฐานะนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงทั้ง ศอ.บต.และ กอ.รมน.แต่ท่านใช้หน่วยนี้เป็นมือเป็นเท้า เร่งรัดทำงานให้นายกฯ ต่อไป
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังเขียนโครงสร้างเสนออีกครั้ง ถ้าโครงสร้างนี้เป็นที่ยอมรับทั้ง ศอ.บต. กอ.รมน. และกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้าแล้ว นโยบายอะไรต่างๆ ก็จะกระชับมากขึ้น อย่างนายกฯ ให้อำนาจ กอ.รมน.ที่จะเรียกเจ้าหน้าที่ปฏิบัติในกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ทางผู้บัญชาการศูนย์ตำรวจภูธรภาค 9 เป็นผู้มีสิทธิเรียกผู้กำกับในการสั่งการ จะเป็นการทำงานเป็นทีมมากกว่าหน่วยเหนือตั้งขึ้นไป นับแต่นี้เป็นต้นไปหน่วยงานระดับล่างจะเป็นผู้เสนอการทำงานเป็นทีมให้กับผู้บังคับบัญชาให้เห็นภาพ ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 5 ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนใต้มีสิทธิในการเลือกนายอำเภอที่ตั้งใจทำงาน และตัวผู้ว่าราชการจังหวัดทาง ศอ.บต. กอ.รมน. เป็นผู้เสนอ รมว.มหาดไทยว่า ต้องการผู้ว่าฯ อย่างไรที่จะลงไปทำงานในภาคใต้ ทำงานร่วมกันได้เป็นทีมเวิร์ค แต่ไม่ใช่หน่วยเหนือส่งคนนั้นไปที ส่งคนนี้ไปที แล้ว 4-5 เดือนยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย ผู้ว่าฯ ทั้ง 5 จังหวัด เป็นความคิดเห็นทั้ง ผอ.ศอ.บต.และผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เสนอนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรอง ศปก.จชต.โดยพิจารณาจากคนที่เหมาะสมต่อไป ทำงานร่วมคนอื่นได้ มีความตั้งใจทำงานในพื้นที่ต่อไป โดยนายกฯ ได้สั่งการในที่ประชุมทันทีว่า ที่สั่งไปจะออกเป็นคำสั่งเป็นคำสั่งอีกที แต่เมื่อสั่งการด้วยวาจาแล้ว และด้วยนโยบายดำเนินการได้เลย อย่างมานั่งรอกันไปกันมาเสียเวลา” พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ส่วนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ทำการยึดทรัพย์เจ้าของโรงเรียนสอนศาสนาในจังหวัดนราธิวาส หลังพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเป็นเรื่องปลีกย่อย และเป็นเรื่องที่ต้องติดตามข่าวโดยเฉพาะ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องเอามาพูดเป็นเรื่องใหญ่ การจะพูดในประชุมใหญ่โดยมีนายกฯ เป็นประธาน จะต้องมีหลักฐาน มีเหตุผล และประจักษ์พยาน แต่เรื่องนี้ยังไม่ปรากฏมากเท่าไหร่ แต่เป็นการรายงานของ ปปง.เท่านั้นเอง โดยในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ปปง.จะร่วมประชุมกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เรียกประชุมแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องเข้าไปถาม ปปง.ในที่ประชุม
รองนายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเองมองว่า ถ้าหากทุกกระทรวงได้ทุ่มเทและให้ความเร่งด่วน ให้ความสำคัญทำงานในพื้นที่นี้ ความสบายใจก็เกิดขึ้น เพราะกำลังทหารที่ใช้ไปทำงานแทนพลเรือนขณะนี้ จะได้กลับมาทำงานในพื้นที่ทำงานทางด้านทหารได้มากขึ้น และในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ความมั่นคง การทำความเข้าใจกับประชาชนจะทำได้มากกว่า รวมทั้งที่ทุกกระทรวงลงไปให้ตามความต้องการของประชาชนในตอนนี้ และนายกฯจะเดินทางไปประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่ประเทศรัสเซีย ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ คงจะได้พบผู้นำมาเลเซีย ก็จะให้ฐานข้อมูลกับนายกฯ เพื่อมีข้อมูลคุยกับทางมาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม ทางประเทศมาเลเซียเองก็ประกาศว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ส.ค.เลยในเรื่องของการปักธง รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย รองเลขาฯ สมช.มาเลเซียก็ประกาศแล้วไม่เกี่ยว ต้องการความเป็นสัมพันธ์ในการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รวมถึงรายงานข่าวว่าประธานเบอร์ซาตูเองออกมาประกาศว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และทางด้านการข่าวระบุด้วยว่าเป็นการกระทำของอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ที่ต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างไทยกับมาเลเซีย และต้องการสร้างความเป็นมิตรกับมาเลเซีย ซึ่งทำไม่ประสบความสำเร็จแน่
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวปฏิเสธให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลปกครองรับคำร้องของ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่องให้ พล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรี ไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบว่า เรื่องภายในกระทรวงกลาโหมพูดไม่ได้เลย ให้ รมว.กลาโหมเป็นคนพูด ขออนุญาตไม่พูด