อธิบดีกรมอุทยานฯ แจง กมธ.เหตุย้ายอดีต หน.อุทยานเขาแหลม เรื่องปกติ ชี้ถูกร้องเรียนบ่อย เผยสอบนำคนงานพิทักษ์ป่ารับใช้ 17 ปี-กินเงินหลวง แนะแจ้งความกรณีเรียกเงิน 2 แสน ด้าน “ศุภฤกษ์” ยันถูกไถจริง ซัดใช้เอกสารเท็จ-ลุแก่อำนาจ เจตนาแกล้ง อ้างคำนวณที่ดินไม่เป็น เหตุเสียง “คลิปฉลอง” บอกเคลียร์คดียกที่กินให้
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณากรณีการโยกย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เขาแหลม จ.กาญจนบุรี โดยเชิญนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายเจริญ ใจชน อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และนายสุภฤกษ์ เย็นใจ (ผู้ที่มีปัญหาขัดแย้งกับนายเจริญ) เข้าชี้แจง แต่นายเจริญได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าป่วย และขอเลื่อนการเข้าชี้แจง โดยนายดำรงชี้แจงว่า นายสุภฤกษ์ถูกนายเจริญจับกุม และถูกเรียกเงินจำนวน 2 แสนบาท แต่ไม่ยอม และเรื่องนี้ตนได้ฟังหูไว้หู จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงจากนายเจริญ ซึ่งนายเจริญได้ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงและไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด ตนจึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากนายเจริญยังไม่มีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อนายศุภฤกษ์ ทั้งนี้ หากนายเจริญไม่แจ้งความดำเนินคดี ตนเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ยุติอย่างแน่นอน
นายดำรงค์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการโยกย้ายนั้นเป็นการดำเนินการตามปกติที่มีการโยกย้ายกันทั่วประเทศ โดยที่นายเจริญจะได้ย้ายมาเป็นหัวหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา จ.ระยอง และที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ก็มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับนายเจริญ เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการดำเนินการไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับนายฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทยเลย และหลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวออกไปทำให้ตนตกเป็นจำเลยสังคม ทั้งๆ ที่ตนไม่รู้จักกับนายเจริญมาก่อน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มจากการที่นายสุภฤกษ์มาฟ้องตน และนายเจริญก็ชี้แจงต่อสาธารณะไม่หมด
“ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผมได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่นายเจริญนำคนงานพิทักษ์ป่าไปอยู่ที่บ้านพักส่วนตัวเป็นระยะเวลา 17 ปี โดยกินเงินหลวง จะให้ผมให้ความเป็นธรรมได้อย่างไร” นายดำรงค์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภฤกษ์ได้นำเอกสารจำนวน 2 ชุด ชุดละ 20 หน้า โดยระบุหัวข้อว่า “หลักฐานเท็จ เอกสารเท็จ การปลอมแปลงเอกสาร หลักฐานการยัดเยียดข้อหา คำให้การของพยาน ผู้ใหญ่บ้าน ปลัดอำเภออาวุโส ในศาล จ.ทองผาภูมิ ว่านายเจริญใช้เอกสารเท็จจริง และลุแก่อำนาจในทุกคดี ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง” มาชี้แจงต่อ กมธ. โดยนายศุภฤกษ์ชี้แจงว่า ตนได้พูดคุยกับนายเจริญจริง ซึ่งตนได้ถามว่ามีอะไรให้ตนช่วยหรือไม่ ก็สามารถบอกมาได้ และการดำเนินคดีต่อตนก็ขอให้เบาๆ หน่อย เนื่องจากนายเจริญได้ดำเนินการจับกุมตนมาดำเนินคดีมาถึง 3 ครั้ง ขณะที่นายเจริญบอกว่าการจะดำเนินการต้องเคลียร์หลายคน จึงอาจต้องใช้เงินถึง 2 แสนบาท แต่ตนได้ต่อรองเหลือเพียง 5 หมื่นบาท ทำให้นายเจริญหายเงียบไป และยังไม่มีการจ่ายเงินกันแต่อย่างใด ดังนั้น ขอยืนยันว่านายเจริญมีความประสงค์ร้ายที่จะกลั่นแกล้ง และเลือกปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างอำนาจบารมีให้แก่ตัวเอง หรือมีประโยชน์อื่นแอบแฝงอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กมธ.หลายคนได้พยายามซักถามถึงคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายเจริญ และนายฉลอง ว่านายศุภฤกษ์จะยกที่ดินจำนวน 70 ไร่ให้ หากเคลียร์คดีสำเร็จจริงหรือไม่ รวมถึงที่ดินทั้งหมดได้มาอย่างไร และถือเอกสารสิทธิอะไรอยู่ จึงทำให้นายศุภฤกษ์ขอที่ประชุมพัก 5 นาที จากนั้นจึงได้กลับมาชี้แจงต่อ กมธ.อีกครั้งว่า ที่ดินดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ เนื่องจากตนเข้าไปอยู่ตั้งแต่ปี 2539 และในปี 2540 จึงขอซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้าน ซึ่งยอมรับว่าตนได้พูดคุยกับนายฉลองจริงว่าจะให้ที่ดินจำนวน 70 ไร่ ที่ก่อนหน้านี้เป็นสวนมะม่วงตั้งแต่ปี 2528 และต้องยอมรับว่าตนคำนวณที่ดินไม่เป็น แต่เมื่อตนได้ปลูกยางพาราในพื้นที่ดังกล่าวจึงพบว่ามีที่ดินเพียง 30 ไร่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอความเป็นธรรม และอยากให้มีการตรวจสอบเหตุแห่งการจับกุมตนด้วย