อดีต หน.อุทยานเขาแหลม แจง กมธ.มีปัญหา “เพื่อนฉลอง” เหตุฟ้องร้องบุกรุกป่า แถมโดน ส.ส.นนท์โทร.ข่มขู่เคลียร์ให้เพื่อนหลายครั้ง แฉเพื่อนฉลองเป็นเหตุโดนสั่งย้าย แถมโทร.มาเย้ยถากถาง รับกลัวไม่ปลอดภัยขอกลับพื้นที่ โต้ไม่เคยเรียกรับเงิน 2 แสน ด้าน “หลอง” รับคลิปเสียงตัวเอง อ้างเหตุจุ้นเพราะเพื่อนถูกกลั่นแกล้ง ถกตัวต่อตัวผู้ร้อง ย้ำ “พี่ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือสั่งย้ายน้อง”
วันนี้ (30 ส.ค.) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณากรณีคลิปเสียงของนายฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี พรคเพื่อไทย ข่มขู่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โดยทาง กมธ.ได้เชิญนายเจริญ ใจชน อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และนายฉลอง เข้าชี้แจง แต่นายดำรงค์ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศจึงไม่สามารถเข้าร่วมชี้แจงได้
ทั้งนี้ นายเจริญชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวมีชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านร้องเรียนพร้อมทำหนังสือมาที่ตนว่ามีนายทุนบุกรุกป่าเพื่อปลูกยางพาราตั้งแต่ ปี 2547 ทางอุทยานฯ จึงได้เข้าตรวจสอบพบว่า นายไพบูลย์ เย็นใจ นายทุนและเป็นเพื่อนกับนายฉลอง ได้บุกรุกพื้นที่ป่าดังกล่าวจริง จึงได้เข้าเข้าตรวจสอบและดำเนินคดีตั้งแต่เดือนส.ค.เรี่อยมาจนถึงเดือน ธ.ค. 2547 โดยผลการตรวสอบพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าจริงใน 3 คดี คือ คดีแรกเป็นการบุกรุกพื้นที่ 62 ไร่เพื่อปลูกยางพารา แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากขาดเจตนาแต่ทางอุทยานฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย โดยศาลมีคำพิพากษาให้นายไพบูลย์ชดเชยค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 3.5 ล้านบาท พร้อมทั้งขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากพื้นที่พิพาท ซึ่งต่อมานายไพบูลย์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงมีคำสั่งให้นายไพบูลย์ชดเชยค่าเสียหายจำนวน 1.5 ล้านบาท
ส่วนคดีที่ 2 กรณีบุกรุกพื้นที่ป่า 40 ไร่ ศาลมีคำสั่งว่าขาดเจตนาและมีคำสั่งให้นายไพบูลย์ชดใช้เงินจำนวน 2.2 ล้านบาท ซึ่งนายไพบูลย์ได้ยื่นอุทธรณ์จนศาลมีคำสั่งให้จ่ายเพียง 1.1 ล้านบาท ส่วนคดีที่ 3 มีการบุกรุกป่าจำนวน 1 ไร่ ศาลพิพากษาว่านายไพบูลย์มีความผิด โดยมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ในส่วนคดีขัดขว้างการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้น ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี
นายเจริญชี้แจงต่อว่า หลังจากที่ดำเนินคดีฟ้องร้องไปแล้วนั้น ตนได้เดินทางไปงานศพในพื้นที่จึงได้พบกับนายไพบุลย์ ซึ่งนายไพบูลย์ได้เดินมากระทบไหล่ตน แต่ตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ทั้งนี้ เย็นวันนั้น 8 ก.ย. 2554 มีโทรศัพท์หมายเลข 06125888 โทร.มาหาตน 2 ครั้ง และอ้างว่าเป็นนายฉลอง โดยกำชับให้ตนอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของนายไพบูลย์ ตนจึงได้ไปแจ้งความต่อตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งต่อมา 21 ก.ย. 2554 มีการโทร.มาข่มขู่อีกครั้ง อ้างว่าเป็นนายฉลอง เรี่ยวแรง ความยาว 25.27 นาที โดยระบุว่าพื้นที่พิพาทดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ของอุทยานฯ แต่เป็นพื้นที่ของนิคมฯ จากนั้นวันที่ 22 ก.ย. 2554 นายไพบูลย์ได้เข้าพบกับผู้บังคับบัญชาของตนพร้อมสร้างเรื่องอันเป็นเท็จ และในวันที่ 23 ก.ย. 2554 ผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งที่1172/ 2554 โยกย้ายให้ตนไปช่วยราชการที่สำนักงาน กรมอุทยานแห่งชาติส่วนกลาง และได้แต่งตั้งบุคคลมาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งคำสั่งได้สั่งให้ตนเข้ารับการปฏิบัติหน้าที่ใหม่ในวันที่ 23 ต.ค. 2554 หลังจากนั้นวันที่ 31 ส.ค. 2549 ได้มีโทรศัพท์และอ้างว่าเป็นนายฉลอง ตนจึงได้ไปแจ้งความต่อตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ โดยเนื้อหาเป็นการกำชับให้ตนอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของนายไพบูลย์
นายเจริญชี้แจงด้วยว่า ภายหลังจากที่ตนถูกสั่งย้าย นายไพบูลย์ก็ได้โทรศัพท์มาเยาะเย้ยถากถาง พร้อมทั้งระบุว่าเป็นฝีมือของนายไพบูลย์ที่สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายจนทำให้ตนถูกโยกย้าย จากนั้นเมื่อตนเข้ามาช่วยราชการที่ กทม. และในวันที่ 8 ธ.ค. 2554 ตนได้นำหลักฐานทั้งหมดเข้ายื่นต่ออธิบดี จากนั้นวันทื่ 14 ธ.ค.ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาจนมีผลสรุปว่าตนไม่มีความผิด
ขณะที่ นายฉลองกล่าวว่า ยอมรับว่าคลิปเสียงที่ปรากฏเป็นคลิปเสียงของตนจริง และยืนยันว่าไม่เคยข่มขู่นายเจริญ และไม่เคยสั่งย้ายนายเจริญให้ไปช่วยราชการที่อื่น และสาเหตุที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวเพื่อต้องการไกล่เกลี่ยปัญหาระหว่างนายเจริญกับนายไพบูลย์ซึ่งเป็นเพื่อนกับตน เนื่องจากนายไพบุลย์บอกกับตนว่าถูกนายเจริญกลั่นแกล้งมาโดยตลอด ซึ่งจับกุมหัวปีท้ายปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการเปิดโอกาสให้กรรมาธิการได้ซักถาม โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ถามว่า ทำไมเรื่องดังกล่าวผ่านมา 1 ปีแล้วจึงไม่เปิดเผยหากไม่ได้รับความเป็นธรรมควรจะมีการเปิดเผยมาตั้งนานแล้ว ซึ่งนายเจริญชี้แจงว่า คลิปเสียงดังกล่าวตนไม่ได้เปิดเผย แต่ได้มีการมอบคลิปและข้อมูลต่างๆ ให้แก่ผู้บังคับบัญชา เพราะตนกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย
ด้านนายฉลองชี้แจงพร้อมกับระบุว่า นายเจริญมีการเรียกรับเงินสินบนจำนวน 2 แสนบาท ซึ่งตนก็ไม่เชื่อว่ามีข้าราชการจะเรียกรับเงิน จึงทำให้นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ.แย้งนายฉลองว่าเรื่องดังกล่าวนายฉลองไม่ได้แนบเอกสารที่จะพิจารณาในเรื่องการเรียกรับเงินสินบน 2 แสนบาทมาก่อน ทำให้นายเจริญชี้แจงว่า ตลอดชีวิตข้าราชการที่ผ่านมาไม่เคยเรียกรับเงินสินบนดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่มีประวัติเสียหายด้านนี้
จากนั้นนายฉลองและนายเจริญจึงชี้แจงในประเด็นดังกล่าวกว้างขวาง โดยนายฉลอง ได้กล่าวขอโทษนายเจริญที่ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง และรู้สึกเสียใจเมื่อทราบว่านายเจริญถูกสั่งย้าย พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปดำเนินการในเรื่องการสั่งย้าย เพราะเป็นหน้าที่ของอธิบดี นอกจากนี้ ระหว่างการพิจารณาประธานได้สอบถามฝ่ายกฎหมายของ กมธ.ว่าจะสามารถให้นายเจริญกลับไปช่วยราชการในพื้นที่ได้หรือไม่ตามการร้องขอ แต่ทางฝ่ายกฎหมายของ กมธ.แจ้งว่าขัดข้อกฎหมาย ไม่สามารถดำเนินการตามที่ร้องขอได้ ขณะที่นายเจริญก็ไม่ได้ติดใจ แต่ให้เหตุผลเรื่องความไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ นายนริศกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงใน กมธ.อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างรอบด้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจบการชี้แจงต่อ กมธ. นายฉลองได้เดินมาจับมือนายเจริญ จากนั้นได้เดินออกมาด้านนอกห้องประชุม และสนทนาเป็นการส่วนตัวนานกว่า 20 นาที โดยนายฉลองกล่าวยืนยันอีกครั้งกับนายเจริญว่า “พี่ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือสั่งย้ายน้อง”