xs
xsm
sm
md
lg

“เทพเทือก” สุดอั้น ร่ายละเอียดยิบ ใครผิด-ใครถูกเหตุแผ่นดินลุกเป็นไฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สส. พรรคประชาธิปัตย์
“สุเทพ” เดินหน้าฟ้อง ปชช. เล่าเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเป็นฉากๆ ตั้งแต่ปี 51-53 โอดสมัยเป็น รบ.ถูกโห่ไล่ ขว้างปา ใส่ร้ายสารพัด แต่ยังอดทนอดกลั้นเพื่อให้บ้านเมืองสงบ ชี้ประเทศวุ่นวายไม่จบเพราะ “แม้ว” สั่งลุย หวังจุดไฟสงครามกลางเมือง แล้วใช้สาวกยึดอำนาจตามแผน วอนเสื้อแดงกลับบ้านไปทำมาหากินตามปกติ หากคิดจะปรองดองจริงๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนวันที่ 1 ก.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยเวทีประชาชน “เดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ-ออกฎหมายล้างผิดคนโกง” ที่สวนขอบฟ้า ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ว่าทุกวันนี้มองเห็นอยู่เป็นประจำก็จะเป็นหน้าของ ร.ต.อ.เฉลิม ณัฐวุฒิ จตุพร หมอเหวง ธิดา เจ๋ง ดอกจิก ก่อแก้ว พิกุลทอง เขาพูด พ่น บิดเบือนความเป็นจริง ตนไม่มีสื่ออยู่ในมือของตัวเอง มีทางเดียวก็คือมาเปิดเวทีประชาชน สนทนาปราศรัยกับพี่น้องทั้งหลาย เพื่อให้พี่น้องซึ่งเป็นเจ้าของประเทศไทยได้รับรู้รับทราบสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง พี่น้องจะได้มีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของประเทศไทย โดยไม่ถูกมอมเมาด้วยข่าวสารที่มีการบิดเบือนเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง

“พักนี้ผมกับคุณอภิสิทธิ์ก็มีหน้าปรากฏในทีวีบ่อยหน่อย เพราะมีข่าวเรื่องคุณอภิสิทธิ์ กับผมอยู่เรื่อยๆ ข่าวที่ปรากฏนั้นก็ทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากหวั่นไหว กังวลใจ เพราะรองนายกรัฐมนตรีเฉลิม อยู่บำรุง เขาได้ประกาศว่าในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่เกิดการก่อจลาจล ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมืองนั้น คุณอภิสิทธิ์กับผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารไปเข่นฆ่าประชาชน จึงเป็นเหตุให้มีคนตายหลายสิบคน ยอดจำนวนคนตายนั่นเขาบวกขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนะครับ แล้วก็พยายามที่จะยัดเยียดข้อหาให้คุณอภิสิทธิ์กับผมนั้นต้องเป็นผู้ต้องหาให้ได้ เขาประกาศว่าจะเอาผมสองคนเข้าคุกให้ได้ บางคนก็บอกว่าจะพาไปขึ้นศาลโลก ผมเรียนกับพี่น้องว่า ผมเป็นคนไทยผมไม่ไปศาลโลก

ผมอยู่ในประเทศไทยนี่แหละครับ แล้วผมก็จะขึ้นศาลไทย จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เพราะว่าระบบศาลไทยนั้น เป็นกระบวนการยุติธรรมที่มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของทั้งโลกอยู่แล้ว ถ้าเขาชอบศาลโลก ก็ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปขึ้นศาลโลกคนเดียวก็แล้วกัน มีโอกาสอยู่มากครับ ที่คุณทักษิณจะต้องไปขึ้นศาลโลก เพราะว่าในช่วงที่คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ได้สั่งการให้มีการฆ่าตัดตอน แล้วเป็นเหตุให้มีประชาชนคนไทยถูกฆ่าตายมากกว่า 2,500 คน พี่น้องประชาชนก็คงจำได้ เขาอ้างว่าคนเหล่านั้นเกี่ยวพันกับยาเสพติด เขาอ้างว่า คนเหล่านั้น เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะฉเนั้นพี่น้องก็คงจำได้เรื่องนี้ ที่มีข่าวการฆ่าตัดตอน แทบทุกวันในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

พี่น้องก็คงจะจำได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือเรื่องที่เกิดที่กรือเซะ คือเรื่องที่เกิดที่ตากใบ แล้วมีพี่น้องประชาชนชาวมุสลิมถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก คดีเหล่านี้ครับ ผมเชื่อว่าวันหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นศาลโลก สมดังที่พวกแกนนำเสื้อแดงเขาประกาศเอาไว้

ที่ต้องไปศาลโลกเพราะว่าคุณทักษิณเขาไม่นับถือศาลไทย เขาไม่ยอมรับระบบศาลไทย แล้วเขาหนีไปอยู่ต่างประเทศ แล้วเขาก็ตำหนิติเตียน ด่าว่าประเทศไทย ด่าว่าระบบศาลไทย ด่าว่าผู้พิพากษาไทยทุกวันๆ อยู่จนขณะนี้

ส่วนผมและคุณอภิสิทธิ์นั้น เราเคารพกฎหมายไทย เราเคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เราเคารพศาลไทย เราพร้อมที่จะพาตัวเองเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะตั้งข้อหากี่ข้อหาก็สู้ทั้งนั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีอำนาจมาก วันนี้เป็นรัฐบาล คุมตำรวจ คุมกระทรวงยุติธรรม คุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผมก็ไม่กลัว คุณอภิสิทธิ์ก็ไม่กลัว เรียกไปสอบเมื่อไหร่ก็ไป จะตั้งข้อหาเมื่อไหร่ก็จะสู้คดี

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่ ก็เหนื่อยกันทั้งสองคนนะครับ คุณอภิสิทธิ์ก็ถูกสอบไป 4-5 ชั่วโมง ผมหนักหน่อย 10 ชั่วโมง วันนั้นกว่าจะกลับบ้านได้ก็เกือบตี 3 ครับ แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร พร้อมที่จะเอาพยานหลักฐาน เอาเรื่องจริงทั้งหลายไปชี้แจงกับเจ้าพนักงาน ที่เขามีหน้าที่ในการสืบสวน สอบสวน แต่ว่าการที่พวกเขาออกข่าวทุกวันๆ แล้วก็บิดเบือนความจริงอยู่ทุกวันนี้ ทำให้พี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งซึ่งลืมเรื่องไปแล้ว กังวลใจ

ผมขออนุญาตพี่น้องประชาชนชาวนครสวรรค์ ย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2551-2552 และ 2553 พอสังเขปเพื่อเป็นการทวนความจำ พี่น้องจะได้พิจารณาได้ว่าใครผิด ใครถูก พี่น้องครับ วันที่ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการลงคะแนนเสียงโดยเสียงส่วนใหญ่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่ทันออกจากสภาฯ เลยครับ โดนซะแล้ว คนเสื้อแดงที่ไปล้อมสภาอยู่ เอาก้อนหิน ขว้างรถ ส.ส. ที่ลงคะแนนเสียงให้คุณอภิสิทธิ์ เอาน้ำกรดสาด เอาระเบิดเพลิงขว้างใส่ รถพังกันไปหลายคัน เจ็บกันไปหลายคน ทำไมเขาทำอย่างนั้นครับ เขาไม่พอใจ แปลกนะครับพี่น้องครับ

พอท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาตั้งข้อกล่าวหาเลยว่านายกอภิสิทธิ์ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม นี่เป็นข้ออ้างที่พี่น้องคงได้ยินและยังจำได้ แท้ที่จริงคือ เขาไม่พอใจ เขาผิดหวัง เลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน ธันวาคม 2550 พอเลือกตั้งเสร็จ พรรคของเขาตอนนั้นชื่อพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมาก แล้วก็รวมเสียงพรรคอื่นๆ อีกหลายพรรคเช่นพรรคชาติไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดินอะไรต่างๆ ก็ได้เสียงข้างมาก พอประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกนายกฯ ฝ่ายเขาก็เสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช เป็นคู่แข่งขันที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี พวกผมก็เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงคะแนนเสียงมา ก็แพ้ตามคาด คุณสมัครก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีมา 6-7 เดือน เกิดเหตุถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าได้กระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรีนี่เขามีกฎหมายห้ามเอาไว้ว่า เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้เงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชนแล้ว ห้ามไม่ให้ไปรับเงินเดือนเป็นลูกจ้างใครอีก

พี่น้องครับ แต่คุณสมัครนี่แกติดลม ติดลมมาก่อน คือแกเป็นเจ้าของรายการทีวี จัดรายการออกทีวี 2 รายการ คือ ชิมไปบ่นไป กับยกโขยง 6 โมงเช้า คนชอบดู คุณสมัครได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ไม่เลิก ทีนี้การไปจัดรายการทีวีนี่ได้สตางค์ครับ มีคนจ่ายสตางค์ให้คุณสมัคร ศาลเขาจึงบอกว่าอย่างนี้ผิดกฎหมาย กฎหมายห้าม คุณสมัครก็เลยพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สภาก็ประชุมกันใหม่ เลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ คราวนี้พรรคพลังประชาชนเสนอชื่อ น้องเขย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงแข่งขัน คือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พวกผมก็เสนอชื่อเดิมครับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วก็แพ้อีกตามเดิม

สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่ากรรมเก่าตามทัน คดีไปถึงศาลพรรคพลังประชาชนไปทำการทุจริต ฉ้อโกงการเลือกตั้งโดยรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นคนไปทำการทุจริต หลักฐานปรากฎต่อศาลชัดเจน ศาลก็ตัดสินว่ามีความผิดโกงการเลือกตั้งให้ยุบพรรคพลังประชาชน คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สภาก็ประชุมกันใหม่อีกครับ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีกันอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 ของการเลือกตั้งคราวนั้น

พวกผมก็เสนอชื่อคนเดิมครับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหมือนเดิม แต่คราวนี้พรรคที่เคยสนับสนุนฝ่ายพลังประชาชนเปลี่ยนใจมาสนับสนุนนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผลก็เลยทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่งมากกว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ซึ่งฝ่ายไทยรักไทยเขาเสนอ ก็เลยได้เป็นนายกรัฐมนตรี เท่านั้นแหละครับ เขาก็โกรธ บอกว่า ไม่เป็นธรรม นายกฯ อภิสิทธิ์ ปล้นอำนาจพวกเขาไป แล้วก็เอาสาเหตุนี้ขึ้นมายกชูทำการขับไล่นายกฯ อภิสิทธิ์ ทำการต่อต้านนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่ให้ทำงานได้ ตั้งใจไม่ให้รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ บริหารราชการบ้านเมืองได้

จะไปทำเนียบ พวกเขาก็ยกกำลังไปล้อมทำเนียบ ปิดหมดเข้าไม่ได้ จะไปประชุมสภา เอากำลังไปปิดสภา เข้าไม่ได้ ตั้งแต่วันที่จะต้องไปแถลงนโยบายในสภาแล้วครับ เข้าไม่ได้เขาปิดล้อมอยู่ 7 วัน 10 วัน จนกระทั่งท่านประธานรัฐสภา ต้องย้ายที่ไปประชุมที่กระทรวงต่างประเทศ นายกฯ อภิสิทธิ์จึงได้แถลงนโยบาย แต่เมื่อแถลงนโยบายเรียบร้อยได้เป็นรัฐบาลแล้ว แทบจะไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติสุขเลยครับพี่น้องครับ เพราะว่าเขารังควาญทุกวัน ไปไหนก็โห่ไล่ ขว้างปา ไล่ทุบ ไล่ตี เอาตีนตบเที่ยวไล่ตบ เอาก้อนหินขว้าง สารพัด พวกผมก็อดทนมาโดยตลอด ไม่พยายามที่จะไปทำอะไรที่รุนแรง ตั้งใจว่าเดี๋ยวเขาเหนื่อย เขาก็คงเลิก ที่ไหนได้ครับ เขาไม่เลิก เหตุที่เขาไม่เลิกเพราะเจตนารมณ์ที่แท้จริงนั้น ไม่ได้อยู่เพียงว่าไม่ชอบใจที่คุณอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เขาไม่ชอบใจที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกคุณทักษิณ 2 ปี เขาไม่พอใจที่ศาลพิพากษายึดทรัพย์คุณทักษิณ 4 หมื่น 6 พัน 7 ร้อย 30 ล้านบาท เพราะใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต หาเงินก้อนนี้มา แล้วเมื่อความไปถึงศาล คุณทักษิณได้โอกาสไปต่อสู้คดีในศาลทุกอย่างทุกประการ เอาพยานหลักฐานอะไรต่างๆ มาพิสูจน์หมด แต่ว่าศาลดูพยานหลักฐานทุกฝ่ายแล้ว เห็นว่าคุณทักษิณทำผิดก็เลยมีคำพิพากษายึดทรัพย์ 4 หมื่น 6 พัน 7 ร้อย 30 ล้านบาท เนื่องจากใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีทำให้ได้เงิน 4 หมื่น 6 พัน 7 ร้อย 30 ล้านบาทนั้นมา

ฝ่ายพวกเขาก็เปลี่ยนประเด็นการชุมนุมใหม่ บอกว่าทักษิณถูกรังแก ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาลใช้ 2 มาตฐาน เพราะฉะนั้นมาใหม่เที่ยวนี้บอกว่า ประเทศไทยต้องคืนความยุติธรรมให้ทักษิณ ทักษิณจะต้องไม่ติดคุก เงิน 4 หมื่น 6 พัน 7 ร้อย 30 ล้านบาท ต้องได้คืน ไม่อย่างนั้นคนไทยทั้งประเทศไม่ต้องมีความสุขกัน ประเทศไทยทั้งประเทศไม่ต้องสงบกัน นั่นแหละครับ เรื่องมันถึงรุนแรงขึ้น

ปี 2552 เขาจึงได้ทำการทุกอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีกำลัง พวกเขามีอำนาจ สังคมประเทศไทย คนไทยทั้งประเทศต้องยอมสยบให้กับอำนาจของเขา กระทำการทุกอย่างครับพี่น้องครับ ตอนแรกๆ ก็มาชุมนุมกันธรรมดา หนักเข้าๆ เห็นว่าทางฝ่ายรัฐบาลไม่ยินยอม เขาก็ใช้วิธีการที่รุนแรง

กรุงเทพฯ เป็นสายๆ เอายางรถยนต์มาสุมไฟเผากลางถนน เอาแท็กซี่มาเผากลางถนน เอารถเมล์มาเผากลางถนน เท่านั้นไม่พอ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา มีประธานาธิบดีหลายประเทศ นายกรัฐมนตรีหลายประเทศ มาประชุมกันเพื่อที่จะให้มีความร่วมมือระหว่างประเทศในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศอาเซียนทั้งหลาย คนพวกนี้ยกกำลังไปเป็นหมื่นครับ บุกเข้าไปในโรงแรมรอยัลคลิฟ ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของผู้นำ แล้วก็พังโรงแรม ฮือขึ้นไปถึงห้องประชุมของสุดยอดผู้นำ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ประเทศต่าง ๆ ก็กระเจิดกระเจิงหมดนะครับ เขาล้มการประชุมได้สำเร็จ แล้วก็ฉลองชัยชนะกันอย่างเอิกเกริกว่า ทำสำเร็จแล้ว ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

พี่น้องที่เคารพครับ ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ผมก็ต้องหาทางแก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้บ้านเมืองคืนกลับสู่ความสงบสุข เหมือนอย่างที่เราเคยเป็นมา แต่ว่าไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับคนเหล่านั้นเลยครับ แม้เมื่อเขากลับจากพัทยา เขายังมายึดถนนสายต่างๆ แล้วก็กระทำการข่มขู่คนกรุงเทพมหานคร หลายอย่าง เช่น ประชาชนที่ดินแดง ชุมชนดินแดง แฟลตดินแดง ไม่สนับสนุน คนที่มาชุมนุม เขาเอารถบรรทุกแก๊สไปจอดที่หน้าแฟลตดินแดง แล้วก็บอกว่า เขาจะระเบิดรถแก๊สคันนี้

พี่น้องต้องนึกออกนะครับ ถ้ารถแก๊สระเบิดนี่ มันยิ่งกว่าระเบิดนาปาล์ม คนต้องเจ็บ คนต้องตายกันมากมาย อย่างนี้เป็นต้น พวกผมจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เอากำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาคลี่คลายแก้ไขปัญหา กดดันให้ผู้ชุมนุมนั้นเขาเลิกชุมนุม และก็ทำได้สำเร็จ แต่ว่ากว่าจะสำเร็จได้ แทบตาย แทบจะเอาชีวิตไม่รอด

วันที่ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ไปประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แถลงออกทีวีที่กระทรวงมหาดไทย พวกเขาไปล้อมกระทรวงมหาดไทย แล้วบุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย นายกฯ อภิสิทธิ์แถลงเสร็จ ขึ้นมาขึ้นรถจะกลับบ้าน เขาก็เข้าไปมะรุมมะตุ้ม ทุบรถที่นายกฯ อภิสิทธิ์นั่ง ทุบกระจกรถ ตั้งใจที่จะลากตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ ลงไปทำร้าย โชคดีครับ วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมได้ขอร้องท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ให้นั่งรถกันกระสุน ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ท่านไม่อยากนั่งหรอกครับ ท่านบอกว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตย มาจากเสียงส่วนใหญ่ไม่อยากจะนั่งรถกันกระสุน เดี๋ยวพี่น้องประชาชนจะไม่สบายใจ ผมก็ขอร้องว่าท่านนายกฯ นั่งสักวันเถอะ วันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดี

ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็เลยบอกว่า งั้นคุณสุเทพก็นั่งกับผมด้วยก็แล้วกัน ผมก็เลยนั่งไป 2 คนกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เลยรอดด้วยกัน เพราะเป็นรถกันกระสุน ทุบอย่างไร ตีอย่างไร มันไม่พัง กระจกไม่แตก ลากออกไปไม่ได้ นั่นถ้าวันนั้นนายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ได้นั่งรถกันกระสุน ผมก็ไม่ได้นั่งด้วย ป่านนี้โน่นแล้วครับ อยู่ข้างบนโน้นไปแล้วทั้ง 2 คน ไม่ต้องมาไล่กันต่อไป

พี่น้องที่เคารพครับ ผมนั่งอยู่ในรถ ผมมองคนที่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะเข้ามาทำร้ายนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่เคยรู้จักหน้า ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนเลยในชีวิต แล้วไม่นึกว่านี่คนไทยด้วยกันเหรอ เขาจะคิดฆ่าคุณอภิสิทธิ์ทำไม มันโกรธอะไรกัน เขาเหล่านั้นถูกปลุกระดม ถูกล้างสมอง ถูกใส่ความคิด ใส่ข้อมูลผิดๆ ให้เกลียดชังนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงขนาดที่จะเข้ามาทำร้ายอย่างที่ว่า วันนั้นโชคดีเฉพาะท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ และผมเท่านั้นครับ คนอื่นๆ ที่ไม่ได้นั่งรถกันกระสุน เจ็บกันหมดทุกคน เลขาธิการนายกรัฐมนตรี คุณนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ถูกหามร่องแร่งออกจากรถเลย คนขับรถของคุณนิพนธ์ เลือดท่วมตัว รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คุณสุธรรม สลบเหมือด เจ้าหน้าที่ถูกทุบ ถูกตี ถูกแย่งอาวุธออกไป ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่เกิดในปี 2552

พวกผมได้ตอบโต้มั้ยครับ ไม่ครับ แต่ว่าเรามีหน้าที่รักษาบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย ก็ระดมเอากำลังตำรวจ กำลังทหารกดดันผู้ชุมนุม จนกระทั่งเขายอมเลิกการชุมนุม เรากดดันมากใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำผู้ชุมนุมก็ขึ้นไปประกาศเลิกการชุมนุม เราก็ส่งผู้ชุมนุมทั้งหลายกลับบ้าน ขึ้นรถบัสจัดให้เรียบร้อยกลับบ้านหมด ไม่มีใครตายเลยแม้แต่คนเดียว นึกว่าเรื่องจบ เราจะได้บริหารราชการบ้านเมืองกันโดยเรียบร้อย ที่ไหนได้ครับ เขาบิดเบือนข้อเท็จจริง ปราศรัยผ่านทีวีช่องแดงของเขา ผ่านวิทยุสถานีต่างๆ ของเขา โกหกประชาชน บอกว่า การเลิกชุมนุมคราวนั้นเพราะเจ้าหน้าที่ทหารไปสลายการชุมนุม แล้วก็มีคนตายหลายร้อยคน ฝ่ายรัฐบาลขนศพไปซ่อน

พูดอย่างนี้ครับ แล้วก็ไปทำเทปเสียงนายกฯ อภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เอาที่นายกฯ พูดในรายการพบประชาชนทุกวันๆ มาตัดต่อเรียงความเสียงใหม่ เอาเฉพาะตอนที่เขาคัดมาแล้ว แล้วก็ได้ความใหม่ออกมาโฆษณาว่านี่คือคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ ที่สั่งทหารฆ่าประชาชน เอาไปพูดในสภา เอาไปพูดในทีวี เอาไปพูดในวิทยุของเขา แต่โชคดีพี่น้องครับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายวิทยาศาสตร์ต่างๆ พิสูจน์ว่าเทปนี้ตัดต่อทำปลอมขึ้น โชคดี

ที่ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ สถานีโทรทัศน์ทั้งหลายได้ถ่ายทอดภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่พบว่ามีทหารฆ่าประชาชนเลย การโกหกของเขา การบิดเบือนของเขาในปี 2552 จึงไม่เป็นผล ประชาชนทั้งประเทศไม่เชื่อ แต่เขาไม่เลิก เขาจัดการชุมนุมต่อ ไปทำเวทีแดงสัญจรทั่วประเทศ ทั้งปีเลยครับปี 2552 แล้วก็ไปปลุกระดม ไปบิดเบือนข้อเท็จจริง พูดเรื่องเดิมที่โกหกแล้วคนไม่เชื่อนี่แหละครับ แต่ไปพูดในแต่ละกลุ่ม แต่ละจังหวัด แต่ละภาค ปลุกระดมกันใหม่

ปี 2553 กลับมาใหม่ครับ เที่ยวนี้ยกกำลังมาเป็นแสน มาเฉพาะผู้ชุมนุมไม่พอครับ เอาผู้ก่อการร้าย มีอาวุธสงคราม ทั้ง เอ็ม 16 ทั้งอาก้า ทั้งเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ทั้งระเบิดมือแบบขว้างที่เขาเรียกว่า เอ็ม 67 ทุกอย่าง พามาพร้อมเลย เหตุร้ายจึงเกิดขึ้นในปี 2553

ขณะที่ชุมนุมอยู่ ตั้งเวทีปราศรัย คนนั่งฟังอยู่อย่างนี้ แต่มีพรรคพวกของเขา เอาปืนไปยิงธนาคาร เอาระเบิดไปขว้างบ้านนายบรรหาร เอาเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ยิงใส่กองทหาร ยิงใส่กระทรวงสาธารณสุข เอาจรวดอาร์พีจี ยิงวัดพระแก้ว เดชะบุญไปถูกสายโทรศัพท์ที่ข้างกระทรวงกลาโหมเสียก่อน ทำอย่างนี้เกือบทุกวัน พี่น้องนึกภาพดูสิครับว่า คนกรุงเทพฯ อกสั่นขวัญหายขนาดไหน ประชาชนชาวไทยที่ติดตามข่าวทุกข์ใจขนาดไหน พวกผมก็พยายามแก้ปัญหาโดยสันติวิธีครับ ใช้การพูด ใช้การเจรจา พยายามที่จะพูดกับเขาด้วยเหตุด้วยผล

ถึงขนาดท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าคณะไปเจรจากับแกนนำของผู้ชุมนุม ทั้งนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ นั่งสนทนาเจรจากันต่อหน้าทีวี ถ่ายทอดให้ประชาชนเห็นทั้งประเทศ นายกฯ อภิสิทธิ์ก็บอกว่า ถ้าพวกเขาเลิกการชุมนุมให้บ้านเมืองคืนกลับสู่ความสงบเรียบร้อย รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้มันดีขึ้นมาหน่อย ให้บ้านเมืองสงบหน่อย แล้วก็ยินดีที่จะยุบสภา ให้เลือกตั้งใหม่ เข้าไม่ยอมครับ ต้องยุบวันนั้น ต้องยุบเดี๋ยวนั้น ต้องยุบทันที อภิสิทธิ์ต้องไป กดดันไม่มีเหตุ ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น

ความจริงก็คือว่า เขาไม่เพียงต้องการให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ครับ เขาต้องการเงิน 4 หมื่น 6 พัน 7 ร้อย 30 ล้านบาท ที่ถูกยึดไปนั้นคืน เขาต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องติดคุก กลับมาประเทศไทยโดยไม่ต้องติดคุก เมื่อทำไม่ได้ ทักษิณก็ไม่ยอม สั่งการมาถึงแกนนำทั้งหลายว่า เจรจาอย่างไร ก็ไม่ยอม ก่อเหตุต่อไป

พี่น้องทั้งหลาย เขามีเป้าหมายเขามีจุดประสงค์ชัดเจนว่า แม้จะต้องเกิดการต่อสู้ การนองเลือด ก็จะต้องทำและถ้าเป็นไปตามแผนของเขา เขาจะยึดอำนาจด้วยกำลังประชาชนของเขา ฉะนั้นจึงเกิดเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 ขึ้น ผมทวนให้พี่น้องฟังนิดนึงครับ

ตอนที่เขาไปใหม่ๆ เขาไปตั้งเวทีปราศรัย ที่สะพานผ่านฟ้าฯ แล้วยึดถนนราชดำเนินตลอดทั้งสาย เป็นที่อยู่ กางเต้นท์ อะไรต่างๆ ไม่ให้คนใช้ถนน คนกรุงเทพฯ นี่ครับ ปกติรถมันก็ติดอยู่แล้ว พอทำอย่างนั้นก็ ฝั่งธนฯ กับกรุงเทพฯ ไปมาหาสู่กันแทบจะไม่ได้ ยากลำบากมาก เขาต้องการบีบให้รัฐบาลยอมจำนน เมื่อรัฐบาลไม่ยอมจำนน เขาก็ไปตั้งเวทีอีกแห่งหนึ่งที่สี่แยกราชประสงค์ แล้วก็ยึดถนนทั้ง 4 สาย ที่มาสู่สี่แยกราชประสงค์ ทำแบบเดียวกัน กรุงเทพฯ แทบจะเป็นอัมพาต ไปไหนมาไหนไม่ได้ แล้วที่น่ากลัวที่สุดครับ ขณะที่ชุมนุมอยู่ ก็ก่อการร้ายอย่างที่ผมกราบเรียน ใช้อาวุธสงคราม ไประเบิดที่นั่น ไปยิงที่นี่ แทบทุกวัน แล้วก็ใช้กำลังบุกเข้าไปในสถานที่ราชการ บุกเข้าไปที่สำนักงาน กกต. ขู่บังคับให้ กกต.ดำเนินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ใช้กำลังบุกเข้าไปในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งวันนั้นเราต้องไปประชุมคณะรัฐมนตรีที่สภาด้วย พร้อมๆ กับที่จะต้องประชุม ส.ส.ตามปกติ

บุกเข้าไปในสภา ตั้งใจจะจับตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ ตั้งใจจะจับตัวผมไปเล่นงาน พี่น้องทั้งหลาย วันนั้นผมต้องหนีหัวซุกหัวซุน ปีนรั้วสภาออกทางด้านหลัง แล้วก็เจ้าหน้าที่เอาเฮลิคอปเตอร์มารับผมกลับจากสภา เป็น ส.ส.คนเดียวที่นั่งรถไปประชุมสภา ขากลับนั่งเฮลิคอปเตอร์ นี่เป็นประวัติศาสตร์ เมื่อเหตุการณ์มันร้ายแรงถึงขนาดนั้นครับ รัฐบาลก็จำเป็นครับที่จะต้องหาทางคลี่คลายแก้ไขสถานการณ์ให้คืนกลับสู่ความสงบสุขให้ได้ จึงต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แล้วระดมกำลังพลเรือนตำรวจ ทหาร มาช่วยกันปฏิบัติการ เพื่อที่จะให้คนกรุงเทพฯ คลายความเดือดร้อน เพื่อที่จะให้บ้านเมืองสงบสุขเหมือนเดิม

เริ่มแรก ก็เลยไปขอพื้นที่ถนนราชดำเนินคืน บอกว่าประชุมอยู่แค่ไหน มีคนเท่าไหร่ ใช้เท่านั้นเถอะ ถนนที่เหลือนั้นขอให้คนเขาได้ใช้สัญจรไปมาบ้างได้มั้ย เพื่อที่จะให้การสัญจรคมนาคม จากฝั่งธนฯ ข้ามสะพานพระราม 8 ไปฝั่งกรุงเทพฯ มันเดินได้ เพื่อให้การสัญจรจากกรุงเทพฯ ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าฯ ไปฝั่งธนฯ ได้ เขาไม่ยอมครับ เกิดการผลักดันกัน

พี่น้องที่เคารพครับ ผมในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าไปกดดันเหมือนที่ทำในปี 2552 แล้วประกาศชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปแก้ปัญหานั้นไม่ให้อาวุธ ให้ใช้เฉพาะโล่ ให้ใช้เฉพาะกระบอง ให้ใช้เฉพาะแก๊สน้ำตา ให้ใช้เฉพาะรถฉีดน้ำ และถ้าจำเป็นให้ใช้ปืนลูกซองยิงทีละนัด แล้วก็เป็นกระสุนยาง เพื่อยับยั้งแก้ไขสถานการณ์ ทั้งวัน ดันกันไป ดันกันมา ประชาชนทั้งประเทศก็เห็น เพราะทีวีเขาถ่ายทอดหลายช่อง แต่พอถึงตอนเย็นใกล้จะค่ำ 06.15 น. ผมก็สั่งการเจ้าหน้าที่ว่า วันนี้ทำไม่สำเร็จเอาแค่นี้ ค่ำแล้วหยุดปฏิบัติการณ์ ให้เจ้าหน้าที่หยุดอยู่ตรงนั้น ไปถึงด้านไหนได้แค่ไหน เอาแค่นั้น

ก็นึกว่าเหตุการณ์จะเรียบร้อยครับ ไม่ถึงชั่วโมงครับ ทุ่มเศษๆ ผู้ก่อการร้ายชุดดำ ที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม อาละวาดเลย เอาอาวุธสงครามนานาชนิด ยิงใส่เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตายทันที 5 คน มีพ.อ.ร่มเกล้า และทหารอื่นๆ 5 คน บาดเจ็บ 400 กว่า แล้วบาดเจ็บสาหัสเยอะ ยิงเจ้าหน้าที่ไม่พอครับ ยิงประชาชนที่มาชุมนุมกันเอง ตายไปอีก 20 คน บาดเจ็บอีกหลายร้อย เพื่ออะไรครับ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้กลายเป็นสงครามกลางเมือง ให้คนเกลียดชังเจ้าหน้าที่ ให้คนลุกฮือขึ้นมาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เพราะแผนของเขาก็คือว่า ถ้าเมื่อไหร่เกิดเหตุการณ์กลางเมือง คนลุกฮือขึ้นมาหมด เขาปลุกระดมได้มากกว่านั้น เขาจะยึดอำนาจโดยกำลังของประชาชนตามแผนเขา

ผมสั่งเจ้าหน้าที่ถอยครับ ยอมครับ เจ้าหน้าที่บางส่วนถูกปิดล้อม ทั้งหน้าทั้งหลัง ถอยไม่ได้ ผมก็อนุญาตว่าสามารถใช้อาวุธประจำกายปกป้องชีวิตตนเอง ปกป้องชีวิตประชาชนได้ จึงได้ถอนกำลังมาได้ น่าสงสารมากครับ คนที่บาดเจ็บเอาขึ้นรถพยาบาลแล้ว ก็ยังถูกคนพวกนั้นทุบตี ไม่ให้ไปโรงพยาบาล หลายคนอาจจะรอดครับ ถ้าได้ไปโรงพยาบาลวันนั้น แต่ปรากฎว่าถูกทุบ ถูกตี ไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในโลก เขาทำสงครามกันระหว่างประเทศ ถ้าเมื่อไหร่หน่วยพยาบาล ฝ่ายเสนารักษ์เขาจะเอาคนเจ็บออกจากสถานที่เพื่อไปส่งโรงพยาบาลไปรักษา เขาไม่ทำร้ายกัน แต่เกิดขึ้นแห่งเดียวในประเทศไทย คนเจ็บที่จะพาไปโรงพยาบาล ถูกทุบ ถูกตีหมอบอยู่ตรงนั้น มีภาพที่พี่น้องประชาชนได้เห็น โดยการถ่ายทอดของทีวีบางช่อง ทั้งทีวีประเทศไทย ทั้งทีวีของต่างประเทศ

พี่น้องที่เคารพครับ นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรงขึ้นในปี 2553 วันที่ 10 เมษายน นั่นแหละคือวันแรกที่มีคนเจ็บ ที่มีคนตาย เพราะเหตุของการก่อการร้ายอย่างที่ว่า แล้วเขาก็ไม่เลิก ตอนหลังย้ายจากเวทีผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน ไปยึดสี่แยกราชประสงค์แล้วชุมนุมไม่เลิก ชุมนุมที่ราชประสงค์ไม่พอครับ บางวันเกณฑ์คนเป็นหมื่นๆ รถมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ กระบวนรถกระบะเขา วิ่งอาละวาดไปทุกถนนทั่วกรุงเทพฯ ข่มขู่ชาวกรุงเทพฯ ไม่ให้ออกจากบ้าน ตั้งด่านตรวจประชาชนซึ่งไม่มีอำนาจเลยนะครับ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ประชาชนคนไหนขัดขวางขัดแย้งถูกทุบ ถูกตี มีภาพปรากฎ คนกรุงเทพฯ เหมือนถูกจับเป็นตัวประกัน กดดันรัฐบาล เรียกร้องรัฐบาล ด่ารัฐบาลครับ ปล่อยไว้ได้อย่างไร ปล่อยไว้ได้อย่างไร ทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อย ให้รัฐบาลจัดการให้เด็ดขาด เป็นยังไงเป็นกัน

พี่น้องครับ พวกผมก็อดทน พยายามเจรจา พูดกับเขาต่อ ว่าทำอย่างนี้บ้านเมืองเสียหาย ทำอย่างนี้ประชาชนตระหนกตกใจ เลิกกันเถอะ มีข้อเสนออะไร เรายินดีที่จะพิจารณา ที่จะพูดกันด้วยเหตุด้วยผล เขาก็ไม่พูดด้วย ไม่ยอมเจรจาด้วย จนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ประกาศเองคนเดียวเลย แม้เขาจะไม่ยอมเจรจาด้วย ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ประกาศแผนปรองดองแห่งชาติขึ้นมา มีสาระสำคัญ 5 ประการ ประการที่ 1 ก็คือว่า ขอให้ทุกฝ่ายเลิกโจมตีสถาบัน เลิกให้ร้ายสถาบัน อย่าไปดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมือง ประการที่ 2 ขอให้สื่อมวลชนทั้งหลายได้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง อย่าไปขัดขวาง อย่าไปข่มขู่ อย่าไปคุกคาม ประการที่ 3 ขอให้ยุติการกระทำที่รุนแรง ที่ใช้อาวุธทั้งหลายทั้งปวง แล้วประการที่ 4 นายกฯ อภิสิทธิ์ ยินดีที่จะยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ขอเวลาในประการที่ 5 ว่า ทำความจริงให้ปรากฏ ให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายได้เข้าใจ แล้วจะยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2553

ตอนแรก แกนนำของพวกเขาทำท่าว่าจะยอมรับแผนปรองดองของนายกฯ อภิสิทธิ์ โดยเกี่ยงว่า ผมจะต้องไปมอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ยอมให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี เพราะพวกเขาไปแจ้งความเอาไว้ว่า ผมสั่งฆ่าประชาชน ผมไปครับพี่น้องครับ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อรักษาบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย แต่เมื่อเขาไปแจ้งความกล่าวหา ผมก็ไปมอบตัว ไปมอบที่กรมสอบสวนคดีพิเศษนี่แหละครับ ยอมตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ว่าพอผมไปมอบตัวเสร็จ เขาบอกว่าไม่เอา เขาจะสู้ต่อไป เขาไม่เลิก และเราได้ข้อมูลหลักฐานว่า ที่เขาไม่เลิกเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการไม่ให้เลิก

ชุมนุมก่อการร้ายเกิดเหตุขนาดนั้น แล้วจะเลิกไปเลือกตั้งใหม่ คุณทักษิณยังไม่ได้อะไร เงิน 4 หมื่น 6 พัน 7 ร้อย 30 ล้าน ที่ถูกยึดเป็นของหลวงก็ยังไม่ได้คืน คดีความที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ก็ยังไม่ถูกยกเลิก เพราะฉะนั้นทักษิณให้สู้ต่อไป พี่น้องครับ เหตุการณ์จึงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกผมได้สั่งการกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายว่า เราจะไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้มาชุมนุม เราจะไม่ใช้กำลังเข้าไปสลายการชุมนุม แต่เราจะทำโดยวิธีปิดล้อมไม่ให้พวกที่ชุมนุมอยู่ มีความสุข มีความสบาย ไม่ให้เขาส่งอาหารเสบียง ไม่ให้เขาไปเอาคนมาเพิ่มในเวทีชุมนุม ทำยังไงครับ

เวทีชุมนุมเขาอยู่ที่ราชประสงค์ ที่กลางสี่แยก เราก็เอาเจ้าหน้าที่ไปตั้งด่านอยู่ที่ปทุมวัน อยู่ที่ถนนพระราม 4 อยู่ที่ถนนเพลินจิต อยู่ที่ถนนราชปรารภ แต่ละด่านที่ตั้งนั้น ห่างจากเวทีชุมนุมที่ราชประสงค์เกือบ 2 กม. หรือ 2 กม.เศษ ไม่ได้ไปวอแวอะไรกับเวทีชุมนุมของเขาที่ราชประสงค์ เพียงแต่คอยสกัดกั้นไม่ให้เขาสะดวกสบายในการเข้าออก ไม่ให้เอาอาวุธเข้าไป

พี่น้องครับ พวกเขาไปยึดสวนลุมพินี สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ แล้วก็ใช้สวนลุมพินีเป็นที่ซ่องสุมผู้คนกำลังอาวุธ พอกลางคืนก็ออกไปยิงสถานที่ต่างๆ ทั้งของรัฐและเอกชน จากสวนลุมฯ บางคืน ยิงทั้งคืนครับ ด้วยปืนเอ็ม 79 ใส่โรงแรมดุสิตธานีบ้าง ใส่อาคารอื้อจือเหลียงมั่ง ยิงแม้กระทั่งสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตำรวจเสียชีวิต ทหารเสียชีวิต ตอนที่ยิงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สามนัด คนตายทันที 1 คน เป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ที่ซอยศรีเวียง สีลม ใกล้กับสถานี ผมยังจำชื่อคุณผู้หญิงคนนี้ได้ครับ ชื่อ นางสาว ธัญญานัน แถบทอง ไม่ได้เป็นเสื้อเหลือง ไม่ได้เป็นเสื้อแดง ไม่ได้เป็นใครเลย แต่ถูกผู้ก่อการร้ายเอาเอ็ม 79 ยิงใส่สถานีบีทีเอส แกกำลังจะขึ้นรถไฟ ตายเสียเปล่าๆ เท่านั้นไม่พอครับ บุกเข้าไปยึดโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อ้างว่ามีทหาร มีตำรวจไปซ่อนอยู่ในโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นเขาต้องเข้าไปยึดไปตรวจค้น แพทย์ พยาบาล ถูกขู่ ถูกกดดัน ไม่สามารถทำงานได้ ต้องย้ายคนป่วยออกจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

ที่น่าอนาจใจมากก็คือว่า สมเด็จพระสังฆราช ท่านทรงประชวรอยู่ที่นั่น ก็ต้องหอบหิ้ว อาราธนา นิมนต์ท่านไปที่โรงพยาบาลศิริราช น่าเจ็บใจครับพี่น้องครับ สมเด็จพระสังฆราชนั้น เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศน์ วัดที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นเด็กวัด ผมนี่รู้สึกเลยว่า วัดบวรนิเวศน์เลี้ยงจตุพร พรหมพันธุ์มา เปลืองข้าวสุกเสียเปล่าๆ

เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ครับ ในที่สุดครับ วันที่ 19 พฤษภาคม พวกผมก็ต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปยึดสวนลุมพินี ไปควบคุมพื้นที่สวนลุมพินี ไม่ให้ฝ่ายผู้ก่อการร้ายใช้เป็นฐานซ่องสุมอาวุธผู้คน ออกไปก่อการร้าย ทำร้ายประชาชน และทำร้ายประเทศชาติต่อไป พอเรายึดสวนลุมพินีได้ ประมาณเวลาเที่ยง ของวันที่ 19 พฤษภาคม ไม่มีฐานที่มั่นให้ก่อการร้ายแล้ว แกนนำของผู้ชุมนุมที่อยู่เวทีราชประสงค์ ก็ประกาศเลิกการชุมนุม เข้ามอบตัว เพราะตกใจ ทั้งๆ ที่กองกำลังของเรา ยังไม่ได้เข้าไปถึงเวทีราชประสงค์ที่เป็นที่ชุมนุมแต่อย่างใด ผมก็นึกว่าเรื่องเรียบร้อยครับ แต่ที่ไหนได้ พอเลิกการชุมนุมเสร็จ เผาเลยครับทีนี้ เพราะมันสั่งไว้ก่อน

พี่น้องต้องจำได้ นายอริสมันต์ประกาศบอกให้ผู้ชุมนุมที่เข้ากรุงเทพฯ ว่าให้เอาขวดไปคนละใบ ไปหาน้ำมันเอาข้างหน้า เติมน้ำมันขวดละลิตร ถ้ามีล้านคน มีน้ำมันล้านลิตร กรุงเทพฯ จะต้องเป็นทะเลเพลิง คนที่ไม่ได้มาชุมนุมที่กรุงเทพฯ ถ้าเห็นวันไหนต้องสลายการชุมนุม ต้องเลิกการชุมนุม ให้ไปที่ศาลากลางจังหวัด จัดการได้เลย เขารับผิดชอบเอง ณัฐวุฒิ ไสเกื้อ ที่วันนี้มาลอยหน้าลอยตาเป็นเสนาบดี เป็นรัฐมนตรี เป็นคนประกาศบนเวทีเผามันเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง แล้วพี่น้องเห็นมั้ยวันนี้ ณัฐวุฒิมันรับผิดชอบอะไร คุณทักษิณ ชินวัตรอยู่ต่างประเทศก็ยังออกทางอินเทอร์เน็ต ออกทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ว่าพี่น้องประชาชน ต้องไปที่ศาลากลาง ถ้าอยู่ต่างประเทศให้ไปสถานกงสุล หรือไปสถานทูต พูดเหมือนกันเลย วันนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ เผาบ้านเผาเมือง ที่รุนแรงที่สุดในประเทศไทย ที่เราไม่เคยเห็น

พวกผมก็ต้องดับไฟ ต้องเข้าไปจับกุม มันก็ยิงสู้ มันก็เกิดเหตุ กว่าจะจบลงได้ก็เกือบ 2 วันหลังจากนั้น แต่ว่าสถานที่ราชการถูกเผาไปหลายสิบแห่ง บริษัทห้างร้านของเอกชนวายวอดไปมากมาย เรือนโรง ศาลากลางจังหวัดถูกเผาไป 4 แห่งทั่วประเทศ และเกิดเหตุฆ่าคนตายในวัดปทุมฯ อีก 6 ศพ หลังจากที่สลายการชุมนุมไปแล้ว

เรื่องทั้งหมดนี้ครับพี่น้องครับ ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน มาจนถึงวันที่ 20 พฤษภาคม มีคนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งที่เป็นทหาร ทั้งที่เป็นตำรวจ ทั้งที่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ และอาจจะมีบางส่วนเป็นผู้ก่อการร้าย รวมทั้งสิ้น 89 คน เสียชีวิตในกรุงเทพฯ เสียชีวิตที่ต่างจังหวัดที่ขอนแก่นอีก 2 คน เพราะยกพวกไปจะไปเผาบ้านอดีตรัฐมนตรี ประจักษ์ แก้วกล้าหาญ แล้วบ้านนั้นเขายิงลูกซองสู้ตายไป 2 คน รวมเป็น 91 ทั้งหมดนี้แหละครับ คือจำนวนคนตายที่เขากำลังพยายามยัดเยียดข้อหาว่า ผมเป็นคนฆ่า ผมเป็นคนสั่งฆ่า อภิสิทธิ์เป็นคนฆ่า อภิสิทธิ์เป็นคนสั่งฆ่า

พี่น้องที่เคารพครับ ทั้งหมดนี้ มีข้อมูล มีหลักฐาน มีพยาน ตอนที่พวกผมเป็นรัฐบาลอยู่ ผมก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่เคยเข้าไปแทรกแซง ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่จับกุมได้ ได้ปืนเอ็ม 16 ได้ปืนอาก้า ก็ดำเนินคดี เจ้าหน้าที่มีภาพถ่ายกำลังเผา จับกุมดำเนินคดี เอาคนทั้งหลายทั้งปวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีพยานหลักฐานยืนยันแล้วตั้งข้อกล่าวหาว่า คนเหล่านี้ก่อการร้าย มีจำเลยทั้งหมด 26 คน จำเลยคนแรกก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเป็นคนสั่งการ

นอกนั้นก็มีนายวีระ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร นพ.เหวง เจ๋ง ดอกจิก ก่อแก้ว พิกุลทอง อะไรต่างๆ รวมทั้งผู้ก่อการร้ายชุดดำที่เราจับได้พร้อมด้วยของกลางดำเนินคดี พี่น้องทั้งหลายครับ เหตุการณ์สงบในปลายเดือนพฤษภาคม ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ตั้งคณะกรรมการพิเศษซึ่งเป็นคนกลาง เป็นคณะกรรมการอิสระเพื่อค้นหาความจริงทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างไร เพื่อที่จะให้คนทั้งประเทศได้รู้ข้อเท็จจริง มีศจ.ดร.คณิต ณนคร เป็นประธาน แล้วก็พร้อมที่จะให้ความจริงทั้งหลายปรากฎกับประชาชน

พอเหตุการณ์สงบลงมาได้ระยะหนึ่ง ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ตัดสินใจยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่ ทั้งๆ ที่ยังสามารถเป็นรัฐบาลได้อยู่เกือบปี แต่ว่ายุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ ให้มันจบลงแค่นี้ บ้านเมืองบอบช้ำพอแล้ว ประเทศเสียหายมากแล้ว ยุบสภาเลือกตั้งกันใหม่เถอะ

พี่น้องครับ ยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ พวกผมมีอำนาจรัฐทุกอย่าง ไม่เคยทุจริตการเลือกตั้ง ไม่เคยใช้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้มาฉ้อโกงให้พวกผม และแน่นอนครับ ผลก็ออกมาคือเราแพ้เลือกตั้ง เขาชนะ เขาได้เป็นรัฐบาล พวกผมก็ไม่ได้โวยวายอะไร พี่น้องเห็นมั้ยครับ เขาเป็นรัฐบาลมาปีนึงแล้ว ผมไม่เคยปลุกระดมประชาชนให้ลุกขึ้นมาก่อเหตุให้ต่อต้านรัฐบาล ผมและคุณอภิสิทธิ์ เพื่อนๆ พรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย ไม่เคยชวนประชาชนให้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ พวกผมยอมที่จะเป็นฝ่ายค้าน แล้วปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกาทุกอย่าง ไม่ได้ทำให้เกิดเรื่องร้ายในบ้านเมือง ไม่ได้อิจฉาริษยาอะไร เขาชนะเลือกตั้ง มีเสียงข้างมาก ก็เชิญเป็นรัฐบาล จะเป็นไปให้ครบ 4 ปี นั่นแหละยิ่งดี เชิญ เลือกตั้งใหม่แพ้อีกก็เป็นฝ่ายค้านต่อไปอีกไม่เห็นเป็นไร เชิญพวกคุณเป็นรัฐบาลต่อไป เป็นซะให้เข็ดเลย เป็นให้เต็มที่ พวกผมเป็นฝ่ายค้าน ไม่เจ็บ ไม่ปวดอะไร เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้นตั้งแต่ตั้งพรรคมา 66 ปี เข้านี่แล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว ได้เป็นรัฐบาลไม่กี่หน แล้วเรื่องเป็นฝ่ายค้านนี่เราชำนาญ เฉียบขาด เชี่ยวชาญ แล้วก็ไม่ได้ทุกร้อนอะไร พี่น้องดูสิครับ หน้าตามานั่งกันอยู่นี่ ไม่มี ไม่มีเศร้าโศก ไม่มีเสียใจ เชิญ แม่มหาจำเริญจะเป็นนายกฯ ต่อเชิญเลย สนุกสนานไป

ไม่มีเลยครับพี่น้องครับ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปปักษ์ใต้บ้านผม คนภาคใต้ทั้งหมดทุกจังหวัดนี่เลือกประชาธิปัตย์ทั้งนั้น ไม่มีเลือกไทยรักไทยเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ได้มีพรรคเพื่อไทยเลยแม้แต่คนเดียว แต่ว่ารัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีไปภาคใต้ไม่มีคนโห่ ไม่มีคนไล่ ไม่มีคนเอาก้อนอิฐมาขว้าง เชิญไปให้สบาย แต่ว่าผู้นำฝ่ายค้านคุณอภิสิทธิ์จะไปเยี่ยมประชาชนบ้าง ไม่ได้ ไม่ยอม ไปเชียงใหม่ก็ถูกขว้างที่เชียงใหม่ ไปปทุมธานีก็ถูกรุมสกรัมที่ปทุมธานี ไปสมุทรปราการแล้วใหญ่เลยครับ ดงเลย พี่น้องก็เห็นอยู่ครับ เขาไม่เลิก ผมเจ็บใจ แล้วผมคิดว่าพี่น้องก็ต้องรู้สึกคล้ายๆ ผม ทำไมพวกคุณไม่เลิกกันเสียที ได้อำนาจรัฐไปแล้ว ได้เป็นรัฐบาลแล้ว คุณยังจะเอาอะไรอีก ไม่เลิกครับ คุณธิดา ถาวรเศรษฐ์ แกนนำใหญ่ ประกาศแถลงข่าวว่าเสื้อแดงจะไม่ยอมเลิก แม้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลแล้วแต่จะสู้ต่อไปจนกว่าประเทศไทยไม่มีอำมาตย์ และเครือข่ายอำมาตย์อีก นี่มันจะบ้าเหรอครับ

ไอ้เรื่องอำมาตย์เนี่ย ผมก็เป็นงงกับเขาจริงๆ ครับพี่น้องครับ ตอนแรกๆ นั่น เวลาเขาด่าพวกอำมาตย์ ด่าอำมาตย์ ผมก็เห็นอยู่ 2-3 คน คนแรกที่โดนตีหนักที่สุดก็คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี 8 ปีครึ่งที่ทำให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เลิกออกมาร่วมพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจประเทศไทยดี นายกฯ เปรมได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีด่างพร้อย คนรักทั้งประเทศ จนกระทั่งวันที่พ้นตำแหน่งก็ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐบุรุษ ให้เป็นองคมนตรี แล้วมาเป็นประธานองคมนตรี ไอ้พวกนี้โจมตีหาว่า พล.อ.เปรมอยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นต้องจัดการ พล.อ.เปรม แล้วก็ลามไปถึง พล.อ.สุรยุทธ์ แล้วก็ลามไปถึงอดีตประธานศาลฎีกา

พี่น้องครับ มาวันนี้ไม่เอาแค่ 3 คนแล้วครับ ขยายความใหม่บอกว่า ...

... มี 2 ชนชั้น ชนชั้นข้างบนเรียกว่าพวกอำมาตย์ แล้วก็บอกประชาชนทั้งหลาย ว่าที่ยังมีความทุกข์อยู่ ที่ยากจนอยู่ ที่ไม่สบายด้วยประการทั้งปวง เพราะพวกชนชั้นบนคืออำมาตย์ มันข่มเหง มันกดขี่ มันขูดรีด มันเอารัดเอาเปรียบ เพราะฉะนั้นให้คนชั้นล่างทั้งหลายซึ่งพวกเขาตั้งชื่อว่าเป็นพวกไพร่ ให้ไพร่ทั้งหลายสามัคคีกัน โค่นล้มอำมาตย์ และเครือข่ายอำมาตย์

พี่น้องครับ นี่แหละคือเรื่องที่น่ากังวลใจ ประเทศไทยชั่วปู่ย่าตายาย พ่อแม่ของเราไม่เคยมีการแบ่งชนชั้น คนไทยจะยากดีมีจนเป็นญาติพี่น้องกันทั้งสิ้น ไม่เคยที่จะมีใครมาปลุกปั่นยุยงให้คนไทยเกลียดชังกัน เคยมีอยู่บ้าง ก็ยุคที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการเพื่อยึดอำนาจรัฐให้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่พอมาสมัย พล.อ.เปรม เขาก็เลิก คนที่เป็นคอมมิวนิสต์ก็ออกมาเป็นผู้พัฒนาชาติไทย มาเป็นพลเมืองดีของประเทศ แต่มีพวกคอมมิวนิสต์หลงยุคอีกพวกหนึ่งไม่เลิก ไปอาสาจับมือกับทักษิณ แล้วก็ทำหน้าที่ปลุกระดมมวลชน จัดตั้งมวลชนให้กับทักษิณ ผลประโยชน์ร่วมกัน ทักษิณอยากได้เงินคืน ทักษิณไม่อยากติดคุก ไอ้พวกคอมมิวนิสต์หลงยุค อยากจะเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่ระบบอื่น ที่ไม่ใช่ระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข มันประกาศเลยครับว่ามันจะสร้างรัฐไทยใหม่ ผมไม่เห็นมันพูดขยายความว่าเป็นอย่างไร แต่ผมมีหลักฐานเห็นว่าในเวทีที่มันปลุกระดมจะสร้างรัฐไทยใหม่นี้มีหลายแห่งขึ้นป้ายประธานาธิบดีทักษิณ ชินวัตร

แกนนำของมันทำร้ายสถาบัน มากมาย ผ่านทางเว็บไซต์ ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย สมัยพวกผมเป็นรัฐบาลก็ได้จับกุมดำเนินคดี วันนี้พวกมันเป็นรัฐบาลก็ทำกันใหญ่เลยครับ นายอดิศร เพียงเกษ หนึ่งในแกนนำบังอาจพูดบนเวทีถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์แดง ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองการปกครองของประเทศไทยให้เป็นเหมือนประเทศเขมร ให้ระบบกษัตริย์ของไทย เหมือนระบบกษัตริย์ของเขมร

พี่น้องครับ ผมเคยไปเขมร ตอนที่เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ไปเจรจาความเมือง ผมพบว่า กษัตริย์ของเขมรจะเดินทางไปไหนมาไหนได้ ต่อเมื่อนายกฯ ฮุนเซน อนุญาต การที่อดิศร ประกาศอย่างนี้ ไม่สอดคล้องกับความรู้สึกนึกคิดของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ เราเทิดทูนสถาบัน เราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ที่ได้คุ้มครองประเทศไทย ที่ได้รักษาประเทศไทยให้พวกเราได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขมาถึงขนาดนี้ ถ้านายอดิศร และพวกเขา ชอบระบบเขมร ก็เชิญพวกเขาย้ายไปอยู่เขมร

ให้พวกเราได้อยู่ภายใต้ร่มบรมโพธิสมภารอย่างที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายายของเราเคยอยู่ ผมมาเรียนกับพี่น้องวันนี้ ผมบอกกับพี่น้องย้ำที่เพื่อนๆ ได้ปราศรัย วันนี้ที่เขาพยายามออกกฎหมายพิเศษอ้างว่าเป็นกฎหมายปรองดอง ร่างพระราชบัญญัติการปรองดองแห่งชาติ เนื้อแท้ทุกมาตรา ทุกบรรทัดต้องการลบล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และบรรดาผู้ก่อการร้ายที่ฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ฆ่าเจ้าหน้าที่ทหาร ที่เผาบ้านเผาเมืองในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเลย อ่อยเหยื่อกับอภิสิทธิ์ กับผมนิดหน่อยว่า จะลบล้างความผิดให้อภิสิทธิ์ และสุเทพด้วย

ผมบอกไปแล้วตั้งในสภา ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์บอกแล้ว ประกาศกลางสภาว่า ไม่ต้องมาลบล้างความผิดให้พวกผม 2 คน ถ้าสิ่งที่พวกผมทำในขณะที่มีหน้าที่รักษาบ้านรักษาเมืองรักษาความสงบเรียบร้อย แล้วจะต้องเป็นความผิด ผมยินดีติดคุก ไม่หนีไปไหน

แล้วถ้าเกิดวันไหนเป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่น้องไม่ต้องลุกขึ้นมาเดินขบวนช่วยผม ไม่ต้องก่อเหตุ อย่างมาก ก็ส่งโอเลี้ยงให้บ้างก็แล้วกัน ผมก็พอใจเท่านั้น แต่พวกผมถืออย่างนี้ครับพี่น้องครับว่า ประเทศชาติบ้านเมืองจะดำรงอยู่ได้ด้วยกฎหมาย

กฎหมายเท่านั้นครับที่จะทำให้สังคมมีปกติสุข ไม่วุ่นวาย ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตในทรัพย์สิน ประชาชนมีความเท่าเทียมกันโดยกฎหมาย เราต้องให้กฎหมายบ้านเมืองศักดิ์สิทธิ์ ใครทำผิด ต้องรับผิด ต้องถูกลงโทษ ตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าพิสูจน์โดยกระบวนการยุติธรรมแล้วไม่ผิด ก็แล้วไป

พี่น้องทั้งหลายครับ วันนี้เขากุมอำนาจรัฐ มีอำนาจล้นฟ้า ใช้อำนาจเต็มที่ไม่บันยะบันยัง คุมหมดเลยพี่น้องก็เห็น การแต่งตั้งโยกย้าย ถ้าไม่ใช่คนที่ประจบสอพลอ ไม่มีคนที่อาสารับใช้ย้ายหมด บางคนย้ายไปอยู่ชายแดน บางคนย้ายไปตบยุง ทำทุกวัน ทำทุกวัน พวกผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ว่าจะมาบังคับขืนใจให้ยอม ให้เขาเขียนกฎหมายแล้วลบล้างความผิดทุกอย่างให้กับคนที่ยิงวัดพระแก้ว ให้กับคนที่เผาศาลากลาง ให้คนที่ฆ่านางธัญญานัน แถบทอง ให้คนที่ฆ่า พล.อ.ร่มเกล้า ให้คนที่ฆ่าตำรวจ ทหาร และประชาชนผู้บริสุทธิ์ พวกผมยอมไม่ได้ ยอมไม่ได้ครับพี่น้องครับ และไม่ยอมโดยเด็ดขาด

ผมเป็นคนบอกกับเพื่อนๆ ทั้งหลายว่าต้องสู้ สู้ทุกรูปแบบ ที่ถูกกฎหมาย ต้องบอกว่าถูกกฎหมาย ทำไมต้องประกาศอย่างนั้นครับพี่น้องครับ เพราะในสภานั้น พวกเขามีเสียงมาก สภามี 500 คน เขามี 300 กว่าคน พวกผมมีร้อยกว่าคน ยกทั้งมือทั้งเท้าแพ้ทุกวัน ไม่มีทางชนะ มันจะเขียนกฎหมายให้ผม และเพื่อนๆ ต้องแก้ผ้ามันก็ทำได้ มันจะออกกฎหมายยังไงก็ทำได้ แต่ว่าหลักประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีเสียงมากในสภาแล้วจะทำได้ทุกอย่าง เพราะประชาชนเจ้าของประเทศเขาต้องยินยอมด้วย เขาต้องเห็นชอบด้วย พวกผมจึงเอาข้อเท็จจริงเหล่านี้ มาตั้งเวทีกราบเรียนกับพี่น้องทั้งหลาย

พวกผมจึงได้มาตั้งเวทีประชาชน ผ่าความจริง เอาความจริงมาบอกกับพี่น้องทั้งหลาย เพื่อจะกราบเรียนกับพี่น้องว่า พี่น้องครับ ท่านทั้งหลายเป็นเจ้าของประเทศตัวจริง อย่ายอมให้ใครทำปูยี้ปูยำกับบ้านเมืองของเรา ลูกหลานของเราในอนาคตจะมีความทุกข์ จะมีความยากลำบาก พี่น้องครับ นอกจากเขาพยายามจะเขียนกฎหมายลบล้างความผิดแล้ว เขายังคิดที่จะเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับ เขามีเจตนาแอบแฝงครับ รัฐธรรมนูญนั้นแก้ได้ครับพี่น้องครับ จะแก้มาตราไหนก็บอกเรามา บอกประชาชนมาสิครับ ว่าต้องแก้มาตรานี้ มาตรานั้น มาตราโน้น บอกมา ไม่ใช่ว่ายกเลิกทั้งฉบับ แล้วเขียนใหม่ตามอำเภอใจของฝ่ายที่มีเสียงข้างมาก อย่างนี้เรายอมไม่ได้ เพราะเรากลัวครับพี่น้องครับ

ผมรู้ว่าเจตนาจริง ๆ ของเขาคืออะไร แม้ว่าเขาจะเขียนกฎหมายลบล้างความผิดให้กับคนโกง ให้กับคนร้ายที่ผมกราบเรียนแล้ว แต่ว่าแม้ทำสำเร็จ ทักษิณก็กลับประเทศไม่ได้ กลับมาเมื่อไหร่ยังติดคุกอยู่ แม้เขียนกฎหมายลบล้างความผิดเสร็จ ทักษิณก็ยังไม่ได้เงินคืน 4 หมื่น 6 พัน 7 ร้อย 30 ล้าน เพราะอะไรครับ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 309 เขียนรับรองอำนาจหน้าที่การปฏิบัติของคณะกรรมการตรวจสอบ คตส.เอาไว้ ออกแต่กฎหมายลบล้างความผิด ทักษิณไม่รอด พวกเสื้อแดงที่ติดคุกอาจจะรอด พวกเผาศาลากลางอาจจะรอด แต่ทักษิณไม่รอด เขาจึงต้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะจะแก้เฉพาะมาตรา 309 ประชาชนเห็น เขาจึงต้องทำให้เนียน รื้อมันทั้งฉบับ เขียนใหม่ ทีนี้พอจะเขียนใหม่ผมกลัวครับ พวกเรากลัวครับ กลัวตรงที่เขาประกาศว่าเขาจะสร้างรัฐไทยใหม่ กลัวตรงที่เขาประกาศว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของประเทศไทย

เคยได้ยินพวกเขาพูดครับ เหมือนที่เพื่อนๆ บอกเมื่อสักครู่ ว่าถ้าเขาเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ได้คราวนี้เขาจะรวบอำนาจหมดเลยไว้ที่นายกรัฐมนตรีของเขา ทั้งอำนาจบริหาร ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ หมายความว่า ต่อไปนี้เขาเป็นผู้แต่งตั้งประธานศาลฎีกา เขาเป็นผู้แต่งตั้งผู้พิพากษาทั้งหลาย พี่น้องครับ ถ้าเขารวบอำนาจได้หมดนี้ นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตยอีกต่อไป นั่นเป็นเผด็จการ เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ในประวัติศาสตร์ของโลกที่ประเทศเยอรมนี ฮิตเลอร์ ชนะเลือกตั้งมีเสียงข้างมาก สภาเยอรมนีวันนั้นเขียนกฎหมายใหม่ มอบอำนาจให้ฮิตเลอร์เป็นผู้มีอำนาจทุกอย่างแต่ผู้เดียว เจ๊งไปหมดทั้งโลกครับ ไม่ใช่ประเทศเยอรมันอย่างเดียว เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เพราะเหตุนี้

พี่น้องลองหลับตานึกดูสิครับว่า ถ้าทักษิณ ชินวัตร ได้กลับมาประเทศไทย แล้วคุมทั้งรัฐบาล คุมทั้งสภา คุมศาลหมด ทั้งประเทศนี้ ทักษิณ จะยิ่งใหญ่ขนาดใหญ่ ทักษิณจะกระทำการอย่างไร พวกเราร้องไม่ออกแล้วตอนนั้น ประวัติเขาน่ากลัวอยู่แล้ว เขาเคยสั่งการจนกระทั่งมีการฆ่าตัดตอนตั้ง 2,500 กว่าคน เขาสั่งการจนกระทั่งฆ่าพี่น้องมุสลิมที่กรือเซะ ที่ตากใบ เขาทุจริต คอร์รัปชั่น จนศาลพิพากษามาแล้ว

พี่น้องครับ นั่นขนาดยังไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จคนเดียว แล้วถ้าเขามีอำนาจเบ็ดเสร็จคนเดียว เขาจะทำอะไรกับพวกเรา นี่คือสิ่งที่พวกผมกังวล เพราะฉะนั้นไม่ยอมให้เขาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับครับ ถ้าจะแก้ก็บอกกับประชาชนมาทีละมาตรา ๆ จะแก้กี่มาตราก็ตามใจ แต่คนพวกนี้เล่ห์เหลี่ยมมากครับพี่น้องครับ พวกผมจึงต้องมาตั้งเวทีพูดคุยกับพี่น้อง แล้วเราจะไปทั่วประเทศ จะเกิดอะไรขึ้นก็จะไปครับ จะไปบอกกับพี่น้องทั้งหลายว่า

พี่น้องที่เคารพจะอาศัยเพียงพวกผมให้สู้ในสภานั้นไม่พอแล้ว เพราะแพ้แน่ๆ วันนี้พวกผมต้องกลับมาบอกเจ้าของประเทศตัวจริงว่า ต้องลุกขึ้นต่อสู้ อย่ายอมให้เขาข่มขืนใจคนไทยทั้งประเทศตามอำเภอใจโดยอ้างว่าเขาพวกมากกว่า เขามีมวลชนที่แข็งแรง ไม่ได้ครับ

พี่น้องครับ ผมไม่ได้มาชักชวนให้พี่น้องลุกขึ้นจับอาวุธไปสู้กับเขา ผมไม่ได้มาชักชวนพี่น้องลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล ล้มล้างรัฐบาล ผมไม่ได้มาชวนพี่น้องลุกขึ้นเผาบ้านเผาเมือง เหมือนที่พวกเขาเคยทำในปี 2552 และ 2553 แต่พวกผมมากราบเรียนกับพี่น้องว่า ลุกขึ้นแสดงออกครับว่าเราประชาชนคนไทย เรามีความสุขแล้ว เราพอใจแล้วกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ไม่ต้องการรัฐไทยใหม่ ไม่ต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ที่คุณจะยัดเยียดให้ เอาอย่างนี้แหละ บอกกับพวกเขาครับ ว่าเราไม่เอากฎหมายปรองดองจอมปลอม ที่มีเนื้อหาแท้จริงคือลบล้างความผิดให้กับคนที่ทำร้ายประเทศไทย ทำร้ายประชาชน ตรงนี้แหละครับ สำคัญ

ผมมาตั้งเวทีกันอย่างนี้ เพื่อเชิญชวนพี่น้องว่า ต่อไปพี่น้องตั้งเวทีของพี่น้องเองบ้าง ไม่ได้เวทีใหญ่ๆ เป็นพันๆ ก็เอาเวทีเล็กๆ พูดกันในร้านน้ำชา พูดกันในร้านกาแฟ พูดกันในงานศพ พูดกันในงานแต่งงาน ต่อไปนี้ลุกขึ้นมาสนใจติดตามสถานการณ์บ้านเมืองแล้วปรึกษาหารือกัน ดูข่าวติดตามข่าว แล้วก็เลือกสื่อที่ดีครับ สื่อบางฉบับ หนังสือพิมพ์มติชน หนังสือข่าวสดนั่นไม่ต้องอ่านแล้ว เลอะเทอะไปแล้ว รับใช้เขาเต็มที่ พิธีกรที่จัดรายการข่าว ดูให้ดีครับ บางวันก็เอียง บางวันก็เพี้ยน บางวันก็เชียร์ เลือกอ่านเอา อ่านแล้วก็มาปรึกษากัน มาไตร่ตรองกัน แล้วก็มาช่วยกันคิด อย่านอนหลับ อย่าละเลย เพราะนี่คือประเทศเรา นี่คือบ้านเมืองของเรา

ผมกราบเรียนกับพี่น้องตรงๆ ครับ ผมกลัว ผมไม่อยากเห็นประเทศไทยถูกลัทธิแดงยึดครอง ผมไม่ต้องการระบอบประธานาธิบดี ผมต้องการระบอบที่เป็นอยู่อย่างนี้ และพี่น้องก็คงรู้สึกเช่นนั้น พี่น้องครับ พวกผมมาวันนี้และที่พวกผมจะตั้งเวทีทุกวันเสาร์ หมุนไปเรื่อยๆ นี้ ไมได้มาเพื่อหาเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ผมไม่ได้มาหาเสียงให้คุณสงกรานต์ ผมไม่ได้มาหาเสียงให้กำนันสมควร เพื่อนรักของผม ที่ว่าเพื่อนรักนี่เพราะผมเป็นกำนันมาก่อน ไม่ได้มาหาเสียงให้พรรค แต่ต้องการมาบอกความจริงกับพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย ต้องการให้พี่น้องได้ลุกขึ้นทำหน้าที่เจ้าของประเทศปกป้องสถาบัน ปกป้องระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข และถ้าพี่น้องพูดกับคนเสื้อแดงได้ ช่วยพูดเถอะครับ บอกเขาเถอะครับว่า พอได้แล้ว ยุติกันแค่นี้เถอะ ถ้าคิดจะปรองดองจริง ๆ ง่ายนิดเดียว คุณแค่กลับบ้าน ไปทำมาหากินตามปกติ จะเอาอะไรกันนักหนา พวกคุณก็ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ไอ้คนสั่งเผาบ้านเผาเมืองวันนี้ก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีอยู่แล้ว ไปนั่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว อาศัยเอกสิทธิ์ของสภา คุ้มตัวเอง ไม่ต้องไปขึ้นศาลอยู่แล้ว ปล่อยให้พวกเราคนไทยมีความสุขบ้างได้ไหม ให้บ้านเมืองนี้สงบเสียทีได้ไหม ต่อสู้กันตามกฎเกณฑ์ กติกาประชาธิปไตย ขออย่างนั้น ต้องช่วยครับ และพี่น้องครับ

นี่เขากำลังจะมาเหลี่ยมใหม่ เห็นตั้งงบประมาณเกือบ 200 ล้าน บอกว่าจะมาตั้งเวทีถามประชาชน ตรงนี้แหละครับ พี่น้องต้องระวัง ใครไปร่วมเวทีอย่าไปเซ็นชื่อผลีผลามนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเซ็นชื่อสนับสนุนให้เขียนกฎหมายลบล้างความผิด เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเซ็นชื่อสนับสนุนให้เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ นอกจากไม่เซ็นชื่อแล้ว ถ้าพี่น้องทราบข่าวว่าเขามาตั้งเวทีอยู่ที่ไหน พี่น้องเสียสละเวลาไปด้วยครับ ไปบอกเขาว่าไม่เอา ไม่ต้องการ ไม่ต้องการ ไม่ต้องมายัดเยียด อย่ามาใช้เล่ห์เหลี่ยมกับพวกเรา เราคนไทย เราตื่นแล้ว เราเห็นแล้ว เรารู้แล้ว เราขอทำหน้าที่ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศบอกกับพวกคุณว่า พวกคุณกำลังจะต้มเรา เรารู้ทัน เราไม่เอา ผมขอเท่านั้นนะครับ

และถ้าพี่น้องใจถึงกว่านั้นก็ยกป้ายอย่างนี้ครับ ให้เขาดู เขียนป้ายใหญ่ๆ พี่น้องรู้แล้ว ฟังแล้ว ไปคุยกันแล้ว พินิจพิเคราะห์แล้วว่าที่พวกผมมาพูดนี่เป็นเรื่องจริง ยกป้ายให้เขาดูว่ารู้ความจริงแล้ว อย่ามาหลอกต้มเรา เราไม่เอากฎหมายปรองดองจอมปลอม เราไม่ต้องการรัฐธรรมนูญที่พวกคุณเขียนตามอำเภอใจ ถ้ายังมันไม่พอก็เขียนติดไว้หน้าบ้านครับพี่น้อง ถ้ากลัวเสื้อแดงก็เขียนไว้ติดหน้าบ้านเสื้อแดง ไปกลางคืนอย่าให้เขารู้ เขียนติดไว้ที่หน้าอำเภอ เขียนติดไว้ที่รั้วโรงเรียน เขียนติดไว้ที่หน้าวัด เขียนติดหน้าบ้านผู้ว่าราชการจังหวัด เขียนติดหน้าศาลากลาง แสดงออกครับพี่น้องครับ ไม่ต้องรบกับเขา ไม่ต้องยิงกับเขา ไม่ต้องเผาบ้านเผาเมือง ขอประชาชน 65 ล้านคน ที่เป็นเจ้าของประเทศตัวจริง ลุกขึ้นแสดงพลังอย่างนี้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้วครับ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะขออนุญาตกราบเรียนไปถึงพี่น้องประชาชนที่ชมทีวีบลูสกาย ทีวีดี ทีนิวส์อยู่ที่บ้าน รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่ชมอยู่ทางอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ ผมยืนยันทั่วโลกด้วยครับ

ผมยืนยันครับพี่น้องครับว่า พวกผมจะไม่ยอมแพ้ จะยืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ของพี่น้องทั้งหลาย เพื่อปกป้องบ้านเมือง ปกป้องระบอบประชาธิปไตย ปกป้องสถาบันอันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของเรา วันนี้ผมขอกราบขอบพระคุณพี่น้องชาวจังหวัดนครสวรรค์ ที่ให้กำลังใจพวกผม แล้วก็ให้กำลังใจประชาชนด้วยกันทั่วประเทศ ตากฟ้า ตากฝน มานั่งฟังปราศรัยตั้ง 4-5 ชั่วโมง ขอให้ข้อมูลที่เราได้นำเสนอนี้ เป็นข้อมูลที่พี่น้องได้เอาไปถก เอาไปวิจารณ์ เอาไปศึกษากันต่อ เพื่อทำหน้าที่ประชาชนที่ดีของประเทศต่อไป ขอกราบขอบพระคุณครับพี่น้องครับ สวัสดีครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น