“สุกำพล” แจงผลงาน 1 ปี แต่ไม่กล้าบอกพอใจหรือไม่ ยันลุยแก้ปัญหาใต้ พร้อมมั่นใจกองทัพไม่แตกแยก อ้างซ่อมรอยร้าวกลาโหมแล้ว ทุกอย่างจบ ปฏิเสธเสียงแข็งการเมืองแทรกแซงสั่งเด้งปลัดกลาโหม เปิดทางตั้งปลัดเด็กในถาคา หงุดหงิดถูกถามเรื่องปฏิวัติ
วันนี้ (1 ก.ย.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้แถลงผลงานรอบ 1 ปี ของรัฐบาลในส่วนของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.วิทวัส รชตะนันท์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม รักษาการปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.นิพันธ์ ทองเล็ก ผอ.สำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม และผู้แทนเหล่าทัพเข้าร่วมฟัง
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า การปฏิบัติงานของกระทรวงกลาโหมมีลักษณะแตกต่างจากกระทรวงอื่นเป็นการปฏิบัติงานเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และสร้างความสงบให้เกิด จึงอาจประเมินผลได้ยากกว่ากระทรวงอื่น ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นปัญหาความมั่นคง การพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การพัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ การแก้ไขปัญหายาเสพติด และการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ซึ่งในภาพรวมของกลาโหมได้มีการทบทวนจัดทำยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป การปรับปรุงโครงสร้างกลาโหมให้มีความเหมาะสม การพัฒนากำลังของเหล่าทัพให้มีความพร้อมรบ กะทัดรัดและมีประสิทธิภาพ
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ในเรื่องการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งด้วยการป้องกันการล่วงละเมิดสถาบันฯโดยจัดตั้งเครือข่ายเพื่อเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคพัฒนาระบบป้องกันการล่วงละเมิดทางอินเทอร์เน็ตและปฏิบัติการจิตวิทยาเชิงรุกด้วยการตอบโต้ขยายผลสิ่งที่ดีเช่นน้อมนำพระบรมราโชวาท พระราชดำริ พระราชกรณียกิจมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ โดยรัฐบาลได้ปรับโครงสร้างการป้องกันและแก้ไขปัญหา ด้วยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือนนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ทำให้กระบวนการตัดสินใจต่อการแก้ไขปัญหาในภาวะวิกฤติรวดเร็วยิ่งขึ้นทำให้การทำงานเป็นเอกภาพ ถึงแม้ว่าจะมีการสูญเสียจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทหารทุกคนไม่เคยย่อท้อพร้อมปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถยอมเสียสละได้แม้กระทั่งชีวิต ซึ่งอนาคตจะนำกำลังตำรวจและอาสารักษาดินแดน เข้าปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองพระ ครู และประชาชนในพื้นที่แทนทหาร และทหารจะไปปฏิบัติงานเชิงรุก
ส่วนการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางทหารกับประเทศเพื่อบ้าน กลุ่มประเทศอาเชียนได้มีการเตรียมการรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 เพื่อให้หน่วยต่างๆนำไปใช้จัดทำแผนงาน โครงการ และงบประมาณในปี 2556-2558 นอกจากนี้ในเรื่องการป้องกันแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ กระทรวงกลาโหมให้การสนับสนุนมาโดยตลอด โดยเฉพาะภัยทางธรรมชาติ ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้สนับสนุนรัฐบาล ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย เช่น จ.นครสวรรค์ ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล
ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ เราได้สนับสนุนทั้งการป้องกัน การสกัดกั้นและปราบปรามตามแนวชายแดน รวมทั้งการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ได้มุ่งเน้นการป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติด และการสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้กว่า 4,000 คน รวมทั้งยึดของกลางที่สำคัญ คือ ยาบ้ากว่า 13,000,000 เม็ด และยาไอซ์ เกือบ 2,000 กิโลกรัม รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดน โดยสกัดกั้นและจับกุมการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน โดยสามารถจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองได้เกือบ 120,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า กัมพูชา โรฮิงญา ลาว และเกาหลีเหนือ
สำหรับผลโพลระบุว่าการแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลได้เพียง 56 เปอร์เซ็นต์นั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า การแก้ปัญหาต้องใช้เวลานิดหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าการแก้ปัญหามาถูกทางแล้ว กำลังรู้ว่าทำอะไร ซึ่งจุดใดมีปัญหาพยายามแก้ไขให้เร็วขึ้น คนทำต้องใช้เวลา เช่น คนหาข่าวต้องใช้เวลาเป็นปี ไม่ใช่อยู่ๆทำได้เลย เราเดินมาถูกทางแล้ว แต่ปัญหามันซับซ้อน ขั้นตอนเยอะมาก และกองทัพภาคที่ 1 ภาคที่ 2 ภาคที่ 3 กว่าจะลงไปต้องผ่านการฝึก ต้องไปเรียนรู้ประเพณี
เมื่อถามถึงการสร้างสถานการณ์ระเบิดหลายจุดพร้อมปักธงชาติมาเลเซีย พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มไม่หวังดีที่นำธงชาติมาปักในบ้านเรา เรื่องนี้รัฐบาลต้องดูแลและตระหนักดีเพราะความสัมพันธ์ไทยกับมาเลเซียที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดีตลอด ดังนั้น เรื่องนี้น่าจะมีผู้ไม่หวังดี ซึ่งในความร่วมมือกับพี่น้องในพื้นที่น่าจะมีความสำคัญที่สุดและประชาชนต้องให้ความร่วมมือกับเราอย่างเพียงพอ ทหารต้องทำงานอย่างเชิงรุกมากยิ่งขึ้นและสถานการณ์ทุกอย่างจะค่อยกลับมาดี
ส่วนเหตุวางระเบิดเป็นร้อยจุดนั้น เขาหวังผลเพราะการวางระเบิดตูมเดียวไม่ดัง ซึ่งทาง พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พอระเบิดครั้งเดียวก็แทบจะตกเตียง ดังนั้นความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่สำคัญที่สุด ขณะนี้ทหารแก้ไขเพียงปลายเหตุ
เมื่อถามถึงการแก้ไขปัญหาในเชิงรุกมากขึ้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ต้องไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามมีเสรีในการปฏิบัติงาน เพราะทหารถูกใช้ไปทำงานปฏิบัติภารกิจในเชิงรับมาก ส่วนปัญหาภาคใต้ต้องประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและจะต้องมีการพูดคุยร่วมกันจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้ที่รับผิดชอบ ต้องใช้ระยะเวลาและต้องใจเย็น หากดำเนินการแบบขั้นเด็ดขาดอาจทำให้การแก้ไขปัญหาเร็วขึ้นแต่ไม่จบ ดังนั้น จำกัดเสรีภาพของคนร้ายให้น้อยลง ทั้งนี้ การที่รัฐบาลยังไม่ลงนาม ศปก.จชต. คงไม่ส่งผลกระทบเพราะได้มีการแบ่งสายงานการทำงาน ส่วนเรื่องของกฎหมายก็ว่ากันไป
ต่อข้อถามว่าตั้งแต่เป็น รมว.กลาโหมพอใจผลงานอะไรมากที่สุด พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นยกแรกตนเพิ่งทำงาน 7 เดือน มวยมี 12 ยก ยกแรกเป็นการเห็นข้าศึกว่า ใครเป็นใคร ยกต่อไปก็คงเป็นการเข้าใจกันและเห็นการทำงานมากขึ้น ทั้งนี้คงต้องปรับโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลา และให้น้องๆศรัทธาในการทำ เมื่อเห็นว่าดีค่อยทำ ตนไม่ใช่มาทุบโต๊ะต้องใช้เวลาค่อยๆทำเพื่อให้น้องๆได้ร่วมคิดร่วมทำวันนี้กองทัพเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นอย่างไร ส่วนจะให้คะแนนการทำงานเท่าไร ต้องให้สื่อให้คะแนน ตนให้คะแนนตนเองไม่ได้
จากนั้น พล.อ.อ.สุกำพลให้สัมภาษณ์ถึงรอยร้าวภายในกระทรวงกลาโหมภายหลังคำสั่งย้าย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรากระทรวงกลาโหมไปช่วยราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมว่า รอยร้าวซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว จบ เราไม่พูด บางทีเป็นอย่างนี้ ก็ไม่อยากยุ่งมาก เราทำงานสไตล์ใครไตล์มัน เรื่องที่มีปัญหาตนไม่พูดมาก ตนพูดทีเดียว เพราะว่าไม่ใช่เรื่องที่ทำให้กระทรวงกลาโหมดีขั้น
“รอยร้าวนิดเดียว ไม่ได้ใหญ่ ซ่อมวันเดียวก็เสร็จแล้วก็จบไป ทุกคนเข้าใจกันแล้ว ผมทำไปด้วยกองทัพ ผมไม่ชอบไปเบรมใครว่า ทำไปแล้ว ต้องทำอย่างนี้ ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น คนทุกคนต้องให้ค่า ผมรบมาก่อนรู้ดีว่า เป็นอย่างไร ผมทำอะไรผมคิด และทำด้วยความถูกต้องทุกอย่าง คือเป็น รมว.กลาโหมต้องดูแล จะทำอะไรถูกต้องไม่ได้ เพราะอยู่ในสายตาสื่อ การพูดก็ต้องระวัง บางครั้งอาจจะโผงผางบ้าง คือผมไม่อยากเป็นคนหลอกลวง เป็นอย่างไรก็อย่างนั้น หัวใจกับปากท่อมันตรงกัน”
ส่วนเหนื่อยใจกับปัญหาหรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า จบไปแล้ว ทหารก็แค่นั้น เขาทำกันเยอะแยะ ตนเข้าใจว่านักข่าวต้องถาม แต่ตนไม่อยากตอบเรื่องนี้ จบก็คือจบ ถ้าพูดมากก็เป็นอย่างนี้ทุกวัน ขนาดผู้ใต้บังคับบัญชาทำตัววิ่งยังเป็นข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าบัญชีโยกย้ายนายทหารจะมีปัญหาหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า สื่อถามมีแต่ปัญหา ลองถามไม่ให้มีปัญหาบ้าง ปัญหามีปัญหาทุกอย่างเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกาที่เราได้ตั้งไว้ทุกอย่าง ตนเกษียณไปแล้วและไม่ค่อยรู้จักใคร ผู้ที่มีหน้าที่ก็ทำไป เขาก็ว่ากันไปสุดท้ายก็ต้องว่าไปตามขั้นตอน ซึ่งตนเข้าใจคนอกหักที่ไม่ได้รับตำแหน่ง เพราะตนก็เคยอกหักมาก่อนจึงเข้าใจในเรื่องนี้ดี
ต่อข้อถามว่า พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ยังมีสิทธิ์ในคณะกรรมการปรับย้ายหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ตอบดีกว่า เรื่องนี้ตนต้องกลัวมากกว่าสื่อ แต่เรื่องนี้ไม่มีปัญหาก็แล้วกัน ทั้งนี้ผู้ที่รักษาราชการแทนนั้นเสมือนหนึ่งเป็นเสมือนหนึ่งเป็นผู้ที่เข้าไปอยู่ในตำแหน่งนั้นๆ ทำได้ทุกอย่าง เหมือนทุกอย่างเปลี่ยนแต่ชื่ออย่างเดียว ถ้าเขามีตำแหน่งที่มีอำนาจไปรบก็สามารถสั่งไปรบได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้เป็นเหมือนกับการโยกย้ายนายตำรวจที่จะต้องมีการเข้าหาการเมือง พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า มีแต่คนพูดแบบนั้น แต่ตนไม่เคยพูดอย่างนั้น ไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อว่าจะมีปฏิวัติ หากสังคมไทยยังมีเรื่องบ้าๆ บอๆ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ถามไม่เบื่อเลยหรือไง ไม่เบื่อบ้างหรอ เลิกพูดเสียที คำถามไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เมื่อถามว่า ต่อไปความสัมพันธ์กับผบ.เหล่าทัพจะเดินไปทิศทางใด พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า สิ่งที่มีการวิจารณ์ในวิทยุไม่ถูกหมดหรอก ตนรู้ว่า อะไรคืออะไร ตนรับผิดชอบ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร สื่อจะเชื่ออย่างไรก็ว่าไป แต่ตนเชื่อว่า เราจะเดินไปด้วยกันในทางเดียวกัน เราไม่ได้บังคับเขา เขาต้องเดินตามตนด้วยความถูกต้องและความศรัทธาไม่ใช่เอาปืนจี้และเดินตาม
ส่วนข้อความที่เตือนสติทหารที่ขึ้นบนบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์นั้น ตนไม่ได้สั่ง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เมื่อถามว่าการดำเนินการเรื่องหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น ขณะนี้ให้กรมพระธรรมนูญดำเนินการอยู่ เพราะหากไม่ทำอาจขัดมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก เปิดเผยว่า จากกรณีผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลอบวางระเบิดหลายจุดพร้อมปักธงชาติมาเลยเชีย นั้นคนร้ายต้องให้สถานการณ์ให้ประเทศไทยเข้าใจผิดกับประเทศมาเลเชีย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างประเทศการดำเนินการอย่างไรต้องทำด้วยความระมัดระวัง
ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะทางประเทศไทยกับมาเลเชียเข้าใจกันดีในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้ประสานงานกับทางผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว โดยทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดพร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย