“มาร์ค” ระบุรัฐบาลเรียกร้องฝ่ายค้านยื่นพ.ร.บ.ปรองดอง ประกบแค่เล่ห์ หวังใช้เป็นเครื่องมือ สร้างความชอบธรรมให้ร่างของรัฐบาล ยันต้านล้างคนผิด แนะถอนร่าง ก้าวข้ามผลประโยชน์ “นช.แม้ว” หันมาแก้ปัญหาประชาชน เตือนเศรษฐกิจถดถอย แต่รัฐยังขาดมาตรการรับมือ ขวางล้วงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ตั้งคลังน้ำมันสำรองให้ ปตท. จับตาการเมืองแทรกแซงแบงก์ชาติ เปลี่ยนนโยบายการเงิน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผุ้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกจำประตัวประธานสภาฯ เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ประกบกับอีก 4 ร่างที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ในวาระการประชุมของสภาว่า ไม่ควรทำให้เกิดปัญหาเพราะการค้างการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะทำให้ต้องคอยติดตาม คอยลุ้นทุกอาทิตย์ว่าจะหยิบขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ แต่โดยข้อบังคับถ้าจะหยิบขึ้นมาก็คงต้องรอสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ พรรคยังยืนยันว่าควรถอนทั้ง 4 ร่างออกไป และคิดว่าการที่พยายามจะให้พรรคยื่นร่างกฎหมายประกบเพราะต้องการให้เกิดความสับสน เนื่องจากหากมีการยื่นร่างประกบเข้าไปไม่ว่าเนื้อหาสาระจะดีอย่างไร สุดท้ายก็จะมีการรวมพิจารณาแล้วใช้ร่างของรัฐบาลเป็นหลัก พรรคจะเสนอกฎหมายประกบก็ต่อเมื่อเราเห็นด้วยในเนื้อหาสาระหลัก แต่กรณีนี้เราไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม ล้างผิดคนโกง จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้พรรคเสนอร่างเข้าไป
ส่วนจะเป็นเกมที่จะใช้ฝ่ายค้านเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้กับร่างกฎหมายของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ใช่ แต่ไม่มีความเป็นไปได้ที่พรรคจะเสนอตามที่มีการเรียกร้อง และตนคิดว่าสังคมมาไกลกว่าที่นายวัฒนาพูดว่า ชื่อปรองดองแปลว่าดี เพราะสังคมดูจากเนื้อหาสาระ
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปก็จะเป็นปัญหาความขัดแย้ง โดยขอให้ดูจากปลายสมัยประชุมสภาที่ผ่านมามีความวุ่นวายเกิดขึ้น รัฐบาลควรเอาเวลามาคิดแก้ปัญหาดีกว่า เนื่องจากมีคำเตือนเกี่ยวกับเศรษฐกิจปีหน้าว่ากำลังต้องเผชิญกับความท้าทายและความเสี่ยงในหลายด้านต่อความถดถอย และจากการสำรวจความเห็นประชาชนภาคใต้ก็พบว่าสิ้นหวังต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาล จึงควรมาดูแลแก้ปัญหาให้ประชาชน แทนที่จะเอาเวลาไปทำเรื่องการเมือง ดูแลเฉพาะประโยชน์ของคนไม่กี่คน แต่ก็คิดว่ารัฐบาลคงเปลี่ยนแนวทางยาก เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังต้องการสิ่งเหล่านี้ จึงทำให้คนที่นี่ต้องพยายามตอบสนอง
ตนจึงเรียกร้องมาตลอดให้พักประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณหันมาดูแลปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่จะต้องมีการเตรียมการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะตนไม่ต้องการเห็นรัฐบาลอ้างวิกฤตเศรษฐกิจมากู้เงินสองล้านล้าน หรือเอาทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้ เพราะการวิเคราะห์ปัญหาเป็นเรื่องสำคัญมาก และตนไม่เชื่อว่าการกู้เงินสองล้านล้านจะเป็นคำตอบในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเมื่อดูจากการกู้เงิน 3.5 แสนล้าน พบว่ามีการใช้เงินไม่ถึงพันล้านบาท จึงไม่คิดว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ อยากให้เร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นแต่รูปแบบไม่จำเป็นต้องใช้เงินรัฐบาลหรือเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่สามารถใช้รูปแบบให้เอกชนมาลงทุนได้ จึงอยากให้รัฐบาลไปเร่งแก้ปัญหาธุรกิจเอกชนเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนมากกว่า ทั้งนี้หากมองย้อนกลับไปช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 51 รัฐบาลในขณะนั้นรวมทั้งรัฐบาลในเอเซียหลายรัฐบาลไม่ได้ใช้การลงทุนเมกะโปรเจกต์แต่เศรษฐกิจฟื้นได้ ในขณะที่หลายประเทศไปใช้วิธีการเดิมโดยรัฐเข้าไปลงทุนกลับฟื้นตัวช้า
ส่วนกรณีที่ ปตท.เสนอให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาสร้างคลังน้ำมันสำรองนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องถามว่าทำไมจึงต้องใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะเห็นได้ชัดว่า ปตท.มีกำไรจำนวนมาก มีความไม่สมดุลอยู่ในระบบขณะนี้ ข้ออ้างที่ระบุว่าภาคเอกชนแบกรับไม่ไหวและรัฐควรลงทุนในส่วนนี้นั้น ตนเห็นว่าฟังไม่ขึ้น และหากรัฐจะทำจริงก็ต้องมีผลตอบแทนคืนกลับมาที่ประชาชน ไม่ใช่เอารัฐไปลงทุนแล้วยกผลประโยชน์ให้กับเอกชน เพราะสถานะของ ปตท.ขณะนี้มีอำนาจเหนือตลาด มีกำไรมาก แต่ไม่มีการนำกำไรกลับคืนมาสู่การดูแลประชาชน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องกำกับดูแลเพื่อให้ปตท.ดูแลประชาชนด้วย
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่นายวีรพงษ์รามางกูร ประธานแบงก์ชาติคนใหม่ก็มีแนวคิดที่จะใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ล่าสุดต้องการเปลี่ยนบทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยจากการดูแลตามเป้าหมายเงินเฟ้อมาเป็นทำให้ค่าเงินบาทอ่อน เรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นที่ต้องพูดคุยกัน และอยากให้ทุกฝ่ายนำข้อเท็จจริงมาร่วมกันพิจารณาว่าสมควรทำหรือไม่ ส่วนการเปลี่ยนแปลงรองผู้ว่าแบงก์ชาติสองคนที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งจะส่งผลกระทบต่อองค์ประกอบของคณะกรรมการแบ๊งค์ชาติจนทำให้การเมืองแทรกแซงได้ง่ายขึ้นหรือไม่นั้นจะต้องดูกระบวนการสรรหาว่ามีปัญหาหรือไม่
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประจำตัวประธานสภาฯ เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ยื่นร่าง พ.ร.บ.ปรองดองประกบกับอีก 4 ร่างที่ค้างอยู่ในวาระการประชุมของสภาว่า นายวัฒนาคงซื่อเกินไป หรืออาจเจตนาดี แต่ในทางการเมืองทราบกันดีว่า ถ้าฝ่ายค้านยื่นประกบก็เป็นเพียงการสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลยกมือผ่านร่างตัวเอง พรรคประชาธิปัตย์ไม่หลงกล และไม่โง่ที่จะตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ทั้งนี้ เคยเสนอหลายครั้งว่าแนวทางการปรองดองที่ทำได้จริง คือ ให้นิรโทษกรรมผู้ไม่ทำผิดอาญา ทำผิดเฉพาะการละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงชุมนุม ไม่มีการใช้ความรุนแรง ถ้ารัฐบาลจริงใจทำไมจึงไม่เริ่มต้นตรงนี้ กลับไปแก้ไขเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของตัวเอง ไม่มีการนิรโทษกรรมให้ผู้ทำผิดอาญา คนทุจริตคอร์รัปชันเงินของแผ่นดิน ไม่คืนเงินให้คนที่โกงชาติ โกงแผ่นดิน หรือถ้าจะเขียนว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมารับโทษไม่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ก็จะทำให้กระบวนการปรองดองเดินหน้าได้