xs
xsm
sm
md
lg

“ยุทธศักดิ์” แฉบึ้มปัตตานี โยง “แก๊งสะแปอิง บาซอ-โรงเรียนสอนศาสนา 3 แห่ง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา (แฟ้มภาพ)
“ยุทธศักดิ์” ปัดนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่พอใจแผนแก้ใต้ของ ศปก.จชต. แค่ให้นำกลับไปทำเป็นแผนยุทธศาสตร์เร่งด่วน ขันนอตรายงานวันต่อวัน 24 ชม. ใช้หน่วยข่าวกรองศูนย์หลักกระจายข่าวสาร เตรียนำแผนเสนอนายกฯให้อนุมัติจันทร์นี้ ระบุตัวการบึ้มปัตตานีล่าสุด โยงแก๊งสะแปอิง บาซอ ร่วมกับโรงเรียนสอนศาสนา 3 แห่ง จี้ “เฉลิม” ส่งตำรวจตรวจสถานที่ราชการจำกัดจุดอ่อน ไฟเขียวให้หน่วยงานในพื้นที่ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ เลือกคนทำงานเอง คาดโทษแม่ทัพภาค 4 งานไม่ดีโดนคนแรก ขณะเดียวกันเปิดทางให้รับทหารที่ปลดประจำการเข้าเป็นตำรวจในพื้นที่ได้

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวปฏิเสธกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่พอใจการทำงานในการแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ เพียงแต่นายกรัฐมนตรีมีความห่วงในสถานการณ์ภาคใต้ที่เกิดขึ้นล่าสุดทั้งเรื่องคาร์บอมบ์ และมีการเหตุการณ์วางระเบิด 9 จุดในพื้นที่ ตนรับโทรศัพท์จากท่านตลอดว่ามีการปฏิบัติการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง ช่วงนี้ตนไปไหนไม่ได้นอกจากลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งต้องอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีให้ตนทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนถึงข่าวที่ออกมาว่าท่านไม่พอใจศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ในการจัดแผนปฏิบัติงานในการประชุมที่ผ่านมา ท่านเพียงแต่พูดว่าแอ็กชันแพลน แผนงานที่ส่งมาให้เลขาฯ สมช.แล้วนำเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีนั้นดูแล้วมันเป็นแผนปฏิบัติของทั้ง 17 กระทรวงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นแผนปกติ ไม่ใช่แผนการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้

“ท่านนายกฯ บอกว่าให้เอาไปดูใหม่ว่าแผนที่จะต้องทำมา 1. ต้องเป็นแผนในยุทธศาสตร์ร่วมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ 2. จะต้องจัดการแผนเร่งด่วนของแผนแต่ละกระทรวงด้วย แต่ไม่ใช่ทำแผนรูทีน แผนปกติมาให้นายกฯ ทราบ ท่านนายกฯ จึงให้เอาไปปรับใหม่ ซึ่งการที่ท่านให้ไปปรับใหม่ ไม่ใช่ว่าไม่พอใจ แต่ต้องการให้ทำให้ตรงจุดกับการแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เท่านั้น ดังนั้น ทุกกระทรวงก็ต้องเสนอมาใหม่ ผ่านศูนย์ ศปก.จชต. และเลขาฯ สมช. ซึ่งต้องเป็นแผนที่ปฏิบัติได้จริง และเร่งด่วน สามารถดูแลการใช้กระทรวงเข้าไปแก้ปัญหาได้เร่งด่วนให้กับภาคใต้อย่างไรบ้าง ไม่ใช่นายกฯ ไม่พอใจศูนย์ ศปก.จชต.”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แผนปฏิบัติการของ ศปก.จชต.ทุกส่วนเห็นพ้องกันแล้วหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า แผนดังกล่าวที่ประชุมได้เอามาปรับให้มันลงตัวเรียบร้อยแล้ว พร้อมลงนามเสนอท่านนายกรัฐมนตรีในวันจันทร์ที่ 20 ส.ค.นี้

“แผนงานตัวหลักที่แก้ยังไม่กำหนดตัวบุคคล ต้องเสนอโครงสร้างให้นายกฯ อนุมัติหลักการแล้วถึงจะเสนอตัวเลขาฯ รวมทั้งมีรองเลขาฯ อีก 3 คน จาก สมช., ศอ.บต. และ กอ.รมน. ต้องทำงานเต็มตัว อย่างช้าที่สุดจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีอนุมัติโครงสร้างในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งโครงสร้างนี้ต้องปรับไม่ให้ลักษณะงานซ้ำซ้อนกัน ปรับให้ทำงานได้ เป็นตัวประสานงานในการทำงาน เป็นแขนขา แก้ปัญหาภาคใต้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ ศอ.บต.ทำงานอะไรในพื้นที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ศอ.บต.กำลังลงไปเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดใต้ วันนี้เป็นการเริ่มต้นการเยียวยาตามที ครม.อนุมัติที่จะให้คนที่ได้รับผลกระทบรายละ 5 แสนบาทก่อน ซึ่งมีทั้งกลุ่มกรือเซะ ตากใบ ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านเรียกร้องก็จะมีการแก้ไขได้ในปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องเงิน

ส่วนการปรับโครงสร้างใหม่ในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ มีอะไรที่แตกต่างจากของเดิมบ้างเพื่อไม่ให้การทำงานซ้ำซ้อน พล.อ.ยุทธศักดิ์หันไปให้เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ชี้แจงแทน โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ศูนย์ ศปก.จชต.จะทำหน้าที่ในการดูแลแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดใต้อย่างเป็นเอกภาพสูงสุด ลักษณะงานเน้นการติดตามวันต่อวัน ตอบสนองงานข่าว และงานการชี้แจง งานแจ้งเตือน ต่างจากเดิมเป็นรูปคณะกรรมการ ประชุมเดือนละครั้ง หรือสองเดือนครั้ง โดยการตั้งศูนย์ฯ นี้สามารถตอบสนองการทำงานทำวันต่อวันของเจ้าหน้าที่ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าแต่ละหน่วยทำอะไรบ้าง

พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวย้ำเพิ่มเติมว่า ศูนย์นี้จะตั้งอยู่ที่ สมช. ไม่ได้อยู่ที่สวนรื่นฤดี งานทั้งหมดจะอยู่ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ถือให้เป็นการรวมศูนย์เรื่องการข่าวทั้งหมด ติดตามสถานการณ์วันต่อวันเพื่อให้ทุกคนได้รับทราบ ซึ่งหน่วยปฏิบัติงานจะได้เอาข่าวที่กระจายจากตรงนี้ได้

“ที่ต้องให้ศูนย์ ศปก.จชต.นี้มาตั้งที่ สมช. เพราะหน่วยงานพลเรือนเขาเกรงว่าจะถูกมองเป็นทหารไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประเมินสถานการณ์ภาคใต้ช่วงนี้ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะรุกหนักเฉพาะช่วงนี้หรือตลอดไป พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ช่วงเดือนรอมฎอนสถานการณ์จะมาก เพราะเขาต้องการแสดงสถานการณ์รุนแรงให้เห็นอยู่ตลอดเวลา การวางระเบิดที่เทศบาลจังหวัดปัตตานี เขาไม่ต้องการให้สูญเสียชีวิตเพราะในพื้นที่มีญาติพี่น้องเขาทำงานอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นจึงต้องวางระเบิดในช่วงที่ไม่มีการสูญเสีย และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตนได้คุยกับ ผบ.ทบ.และ แม่ทัพภาคที่ 4 ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีอะไรต้องเพิ่มเติมบ้าง และให้แม่ทัพภาคที่ 4 พูดคุยกับฝ่ายตำรวจในพื้นที่ พลเรือนในพื้นที่ว่าต้องมีการตรวจตราเข้มงวดมากกว่าเดิม ปล่อยอย่างนี้ไม่ได้

“รถคันที่เอาไปวางระเบิดคือรถขโมยมา มีบัญชีในการติดตามหาที่เจ้าหน้าที่ติดตาม แล้วเข้าไปในพื้นที่ราชการได้อย่างไร เมื่อป้ายทะเบียนหน้ากับหลังรถก็ติดคนละป้าย สิ่งสำคัญคือนี่คือรถที่ไล่ยิงประกบทหารเสียชีวิตไป 4 นาย ผู้ก่อการร้ายไปปล้นเขามาจากจังหวัดยะลา คนที่ถูกปล้นก็เป็นคนไทยพุทธที่ถูกยิงตาย”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดคุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่าได้คุยกันแล้ว และได้ขอร้องท่านว่าสถานที่ราชการ อำเภอ เทศบาล ขอให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจตรายานพาหนะด้วย ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยกลายเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอ ซึ่งเขาก็ต้องฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์รุนแรงขึ้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดจะเห็นว่าเขาระมัดระวังในการไม่ให้ประชาชนสูญเสียชีวิต แสดงว่ามีคนที่ทำงานในหน่วยงานนั้น ทางเราไม่ค่อยมีการตรวจตรารถและคนที่เข้ามาก็ทำตัวเหมือนมาติดต่องานธรรมดา

ส่วนนายกรัฐมนตรีห่วงจุดไหนมากที่สุดนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ห่วงเรื่องปัญหาจุดอ่อนว่าจะต้องแก้ไขปรับปรุงอย่างไร เท่าที่ตนตรวจสอบคือเรื่องการตรวจตราในพื้นที่ ความเข้มงวดบางจุดจะต้องเพิ่มเติมให้เข้มข้นกว่าเดิม

“ตอนนี้เรารู้ว่าข่ายผู้ก่อความรุนแรงมาจากไหน เช่น เครือข่ายก่อความรุนแรง ข่ายโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ และเครือข่ายโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลามด้วยมาร่วมมือกัน นี่คือเรื่องจริง ฝ่ายข่าวยืนยันมาและเขาติดตามได้ นี่คือข่ายงานของโรงเรียนนี้ ตอนนี้เรารู้แล้ว ติดตามจากภาพที่อยู่กล้องวงจรปิด ซีซีทีวี เราทราบว่าบุคคลที่ลงจากรถเข้าไปติดต่อในสถานที่ราชการและขึ้นรถอีกคันกลับไปเป็นใคร เจ้าหน้าที่ติดตามไป”

เมื่อถามว่า นายสะแปอิง บาซอ ยังเกี่ยวข้องเรื่องนี้หรือไม่ หรือมีเครือข่ายยังโยงใยหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ไม่ตอบคำถามนี้ ระบุเพียงว่าไม่รู้ว่าลึกซึ้งแค่ไหน แต่รู้ว่าผู้กระทำการอยู่ในเครือข่ายบุคคลเหล่านี้ ซึ่งจะได้ตัวในไม่ช้านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้แล้วเหตุใดป้องกันไม่ได้ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เรานึกไม่ถึงว่าเขาจะไปทำกับประชาชนที่เขาติดต่อเป็นประจำ ฝ่ายตรงข้ามต้องการขยายผลความรุนแรงเพื่อให้เห็นศักยภาพฝ่ายเขา เจ้าหน้าที่ของเราก็ต้องติดตาม เพราะรู้แล้วว่าเป็นบุคคลแล้วมาจากที่ไหน รู้บ้านพัก และเจ้าหน้าที่ต้องไปปิดล้อมตรวจค้นตามลำดับ ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์เราก็ได้ตัวการแต่ไม่ได้ชี้แจงว่ามีกี่คน ทั้งนี้ หลังจากตั้งศูนย์ ศปก.จชต.เสร็จแล้ว การดำเนินการจะต้องมีผลภายในเดือนสองเดือน จะออกมาให้เห็นผล ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการว่าหากทำแบบรูทีนไม่เกิดประโยชน์ ต้องทำให้เห็นผล

ส่วนหากปรับตัวบุคคลที่ปฏิบัติงานด้วยคิดว่าจะเกิดผลหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ยืนยันว่าช่วงสองเดือนจะต้องมีการปรับตัวบุคคล ความรุนแรงจะค่อยๆ ลดลง ไม่ใช่เสร็จเลยแต่จะค่อยเห็นภาพดีขึ้น ตัวบุคคลเราก็ให้อำนาจแล้ว ซึ่งทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ยืนยันว่าทางท่านให้ผู้บัญชาการที่ดูแลกองตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีสิทธิ์ในการเลือกผู้ใต้บังคับบัญชาเอง เลือกทีมงานของตัวเอง รวมทั้งขณะนี้ผู้ว่าราชการ 5 จังหวัดใต้ขออนุญาตเลือกนายอำเภอด้วยตนเองเพื่อจัดทีมงานในการแก้ปัญหา เพราะเขารู้ว่านายอำเภอคนไหนไม่ค่อยใส่ใจ ซึ่งต่อไปมีการปรับปรุงมากขึ้น

“ผบ.ทบ.ให้อำนาจแม่ทัพภาคที่ 4 เลือกทีมงานในการทำงานเองด้วย เช่นเดียวกับทางตำรวจและฝ่ายปกครอง แต่ถ้าให้เลือกเองแล้วยังทำงานไม่ดี แม่ทัพภาคที่ 4 จะถูกพิจารณาเป็นคนแรก”

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของทางตำรวจเสนอว่าควรจะรับอาสาสมัครทหารที่ปลดประจำการ มาเป็นตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า จะคัดเลือกจากทหารกองหนุนมาบรรจุเป็นตำรวจ เพราะได้รับการฝึกมาแล้ว เข้ามาเป็นตำรวจฝึกเพิ่มอีก 6 เดือนเท่านั้น เพราะเขาเป็นทหารเกณฑ์มา 2 ปี ฝึกหัดง่ายกว่าจะไปรับใหม่เข้ามาแล้วจะมาเอามาเป็นตำรวจ ซึ่งก็ต้องไว้ใจได้
กำลังโหลดความคิดเห็น