“ยุทธศักดิ์” ปัดคุยเรื่องแก้ รธน. เผยไม่เข้าร่วมสัมนาพรรค พท. เหตุมีงานรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ และงานโอลิมปิก-พร้อมเพิ่มกล้อง cctv ที่สุไหงโก-ลก 300 ตัว ยันนายกฯ ทุ่มงบช่วยใต้เต็มที่-ส่วนเหตุพม่าจับคนไทย ได้ส่งหนังสือขอ “เต็ง เส่ง” ช่วยแล้ว ชี้อยู่ในช่วงแยกผู้กระทำผิด
วันนี้ (24 ก.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุม ครม.ว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมสัมมนาของพรรคเพื่อไทย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28-29 ก.ค.นี้ที่จ.ชลบุรี เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ได้มอบหมายภารกิจให้ไปรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ประเทศอังกฤษ และร่วมงานกีฬาโอลิมปิกที่กรุงลอนดอนด้วยจึงไม่ขอออกความเห็นว่าจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญไปในแนวทางใด
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนได้พูดคุยกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในเรื่องผู้อพยพของพม่าและแรงงานที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย รวมแล้วประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งเขาขอเรื่องความสะดวกในการขอทำวีซ่า ส่วนกรณีคนไทย 92 คนที่ถูกจับในพม่านั้นมีการดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะมีการคัดแยกทั้ง 92 คน ว่ามีวามผิดในเรื่องอะไร เช่น เข้าไปทำไร่ นา เข้าไปปลูกกัญชา และมีอาวุธสงคราม จากนั้นจะมีการขึ้นศาลของเขา ซึ่งเรื่องนี้เขาขอให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อตัดสินคดีแล้วเราจะให้ความช่วยเหลือ และขอลดหย่อนโทษให้ ทั้งนี้ได้มีการทำหนังสือส่งไปที่กระทรวงต่างประเทศพม่าและได้ส่งเรื่องให้นายเต็ง เส่ง รับทราบแล้ว ซึ่งนายเต็ง เส่ง ได้บอกกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่าไม่ต้องห่วง ท่านจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้คนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายจะถูกขึ้นศาลและจะผลักดันกลับประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการโอนให้มารับโทษในประเทศไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทางการไทยไม่ได้พูดเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่พม่าระบุว่า คนที่เข้าไปปลูกต้นกัญชา ก็จะเอากัญชาเข้าไปปลูกในประเทศไทย ทำให้ผิดกฎหมายทั้งของพม่าและของไทย ทั้งนี้จะไม่มีการแลกเปลี่ยนนักโทษแต่เป็นการส่งกลับประเทศ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวถึงเหตุก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ในช่วงถือศีลอด หรือรอมฎอน ว่า ตนเคยบอกแล้วช่วงก่อนรอมฏอนเดือนกว่า ๆ ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพราะเราควบคุมใจจุดที่เป็นย่านการค้า และเศรษฐกิจ แต่เรานึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุที่อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเราต้องมีการปรับแผนและเรื่องยุทธวิธี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ลงไปปรับแผนและยุทธวิธีใน 3 จังหวัดพื้นที่ภาคใต้แล้ว ทั้งนี้ในเหตุการณ์ระเบิดที่อ.สุไหงโก-ลก เราได้ตัวบุคคลที่เข้าไปงานนั้น และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)ได้ปิดล้อม พิสูจน์ทราบค้นหาตัวบุคคลเหล่านั้นอยู่
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเซฟตี้โซนและ CCTV ที่จะต้องทำให้เต็มพื้นที่ โดยจะไม่มีการเพิ่มงบประมาณ แต่จะใช้จากงบประมาณเหลือจ่ายประจำปีของกระทรวงที่ขอไปพัฒนาหรือไปทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ซึ่งมี 17 กระทรวง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุมเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ประมาณต้นเดือน ส.ค. พร้อมสั่งการไม่ให้มีการโอนงบประมาณ 3 จังหวัดภาคใต้ไปจังหวัดอื่นเด็ดขาด
เมื่อถามว่า จะเป็นการวางแผนหรือบูรณาการใหม่หมดหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้บูรณาการใหม่หมด แต่เราไม่ต้องการให้งบประมาณที่เหลือจากที่ขอไว้ใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไปใช้ในนโยบายอื่น แต่ต้องใช้เพื่อสร้างหรือพัฒนาจังหวัดภาคใต้ หรือแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ให้ดีที่สุด ถามต่อมีการเพิ่มมาตรการพิเศษอะไรหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ขออะไรเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องภาคใต้ตนคิดว่าดูแลได้
เมื่อถามว่า เมื่อมีการเตือนแล้วทำไมยังมีเหตุการณ์ไม่สงบได้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้ทำในจุดที่เราคิดไว้ แต่ทำในจุดเป้าหมายที่อ่อนแอ ร้านค้าของประชาชนเป็นเรื่องที่เกิดกว่าที่เราจะคาด แต่ต่อไปนี้พื้นที่เหล่านั้นต้องจัดเป็นเซฟตี้โซนทั้งหมด ทั้งนี้จะมีการติดตามรถทุกคันที่ถูกขโมยไปให้ได้ ถามต่อว่า ทำต้องมีการก่อเหตุในช่วงรอมฎอน พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงการถือศีลอดที่มีความสำคัญของเขา ถามต่อว่า ทำให้มองว่าทางการไม่มีประสิทธิภาพในการสั่งการ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทางการทราบ แต่การวางของผู้ที่แก้ปัญหา บางครั้งก็ตามไม่ทัน ก็ต้องลงไปแก้ผลการปฏิบัติซึ่งพล.อ.ประยุทธลงไปแล้ววันนี้