สระแก้ว - พ่อเมืองสระแก้ว ส่งทีมสาธารณสุขจังหวัดลงพื้นที่ด่านอรัญประเทศ เพื่อตรวจเข้มเด็กเขมรเข้าไทย หวั่นโรคมือ เท้า ปาก
วันนี้ (19 ก.ค.) นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ลงพื้นที่หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตม.จ.สระแก้ว ตั้งจุดตรวจไข้อย่างเข้มงวดกับเด็กชาวเขมรกว่า 1,000 คน ที่เดินทางมากับผู้ปกครองเข้าไทยทุกคน
โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจวัดอุณหภูมิความร้อนในเด็กชาวเขมร พร้อมทั้งใช้เจลฆ่าเชื้อฉีดมือให้เด็ก และผู้ปกครองชาวเขมรล้างมือฆ่าเชื้อทุกคนก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่อนุญาตให้เด็กชาวเขมรที่เป็นไข้ หรือมีความร้อนสูงเกิน 39 องศาฯ เข้าประเทศ
การดำเนินการตรวจเข้มดังกล่าว ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรหลายพันคนที่เดินทางเข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือต่างแตกตื่นสอบถามกันให้วุ่น คิดว่าโรคมือเท้าปากชนิดรุนแรงจากกัมพูชาระบาดเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องอธิบายว่าเป็นมาตรการป้องกันโรคของเจ้าหน้าที่ไทยเท่านั้น ซึ่งความตื่นกลัวของพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรหลังจากรัฐบาลกัมพูชาสั่งปิดโรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนชั้นประถมในกัมพูชาทั่วประเทศ เพื่อสกัดไม่ให้โรคมือเท้าปากชนิดรุนแรงระบาดในกัมพูชาเพิ่มขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่นำบุตรหลานมาเที่ยวในตลาดโรงเกลือ แต่ได้ถูกเด็กขอทานชาวเขมรซึ่งมีอาการเป็นไข้และตัวร้อนสูงเดินมาใช้มือจับเพื่อขอเงิน เกรงว่าหากเด็กเหล่านั้นเป็นโรคมือเท้าปากชนิดรุนแรงจากฝั่งกัมพูชา จะทำให้บุตรหลานติดโรคดังกล่าวด้วย
หลังได้รับการร้องเรียน พ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผกก.ตม.จว.สระแก้ว จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เจียมกรกต สว.ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว และ พ.ต.ท.ธัชชัย ทิยพเนตร สว.ตร.ทท.สระแก้ว (สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวสระแก้ว) สนธิกำลังร่วมกันออกกวาดล้างจับกุมเด็กขอทานชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ
จากกการระดมกวาดล้าง สามารถจับกุมเด็กขอทาน และเด็กเร่ร่อนชาวเขมรในตลาดโรงเกลือได้ทั้งหมดจำนวน 87 คน เป็นเด็กชายชาวเขมร 47 คนเด็กหญิง 35 คน และผู้ใหญ่เป็นชาย 1 คน หญิง 4 คน ไม่มีเอกสารการเดินทางเข้าประเทศแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาทำการตรวจสอบที่ห้องกักกันบุคคลต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีนายธนกิจ สายสินธุ์ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำอุปกรณ์การแพทย์มาร่วมตรวจร่างกาย
จากการตรวจร่างกาย พบมีเด็กชาวเขมรอายุระหว่าง 1-10 ปี จำนวน 8 คน เป็นเด็กชาย 6 คน เด็กหญิง 2 คน มีอาการเป็นไข้ความร้อนขึ้นสูงเกินกว่า 39 องศา บางคนมีน้ำมูกไหลตลอดเวลา จนท.จึงทำการคัดแยกออกมาแล้วนำตัวไปผลักดันส่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกัมพูชา ประจำปอยเปต นำไปตรวจร่างกาย และตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลปอยเปต ฝั่งประเทศกัมพูชา
ส่วนเด็กชาวเขมรที่เหลือ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามทำประวัติ ก่อนนำไปผลักดันกลับประเทศที่บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้วต่อไป
พ.ต.ท.สมศักดิ์ เจียมกรกต สว.ตม.จว.สระแก้ว เผยว่า นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สระแก้ว เข้มงวดในการตรวจเด็กชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้าประเทศไทย พร้อมทั้งสั่งห้ามเด็กชาวเขมรที่ไม่มีผู้ปกครองเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างเด็ดขาดตลอดแนวชายแดน
วันนี้ (19 ก.ค.) นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ลงพื้นที่หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตม.จ.สระแก้ว ตั้งจุดตรวจไข้อย่างเข้มงวดกับเด็กชาวเขมรกว่า 1,000 คน ที่เดินทางมากับผู้ปกครองเข้าไทยทุกคน
โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจวัดอุณหภูมิความร้อนในเด็กชาวเขมร พร้อมทั้งใช้เจลฆ่าเชื้อฉีดมือให้เด็ก และผู้ปกครองชาวเขมรล้างมือฆ่าเชื้อทุกคนก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่อนุญาตให้เด็กชาวเขมรที่เป็นไข้ หรือมีความร้อนสูงเกิน 39 องศาฯ เข้าประเทศ
การดำเนินการตรวจเข้มดังกล่าว ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรหลายพันคนที่เดินทางเข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือต่างแตกตื่นสอบถามกันให้วุ่น คิดว่าโรคมือเท้าปากชนิดรุนแรงจากกัมพูชาระบาดเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องอธิบายว่าเป็นมาตรการป้องกันโรคของเจ้าหน้าที่ไทยเท่านั้น ซึ่งความตื่นกลัวของพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรหลังจากรัฐบาลกัมพูชาสั่งปิดโรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนชั้นประถมในกัมพูชาทั่วประเทศ เพื่อสกัดไม่ให้โรคมือเท้าปากชนิดรุนแรงระบาดในกัมพูชาเพิ่มขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่นำบุตรหลานมาเที่ยวในตลาดโรงเกลือ แต่ได้ถูกเด็กขอทานชาวเขมรซึ่งมีอาการเป็นไข้และตัวร้อนสูงเดินมาใช้มือจับเพื่อขอเงิน เกรงว่าหากเด็กเหล่านั้นเป็นโรคมือเท้าปากชนิดรุนแรงจากฝั่งกัมพูชา จะทำให้บุตรหลานติดโรคดังกล่าวด้วย
หลังได้รับการร้องเรียน พ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผกก.ตม.จว.สระแก้ว จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เจียมกรกต สว.ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว และ พ.ต.ท.ธัชชัย ทิยพเนตร สว.ตร.ทท.สระแก้ว (สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวสระแก้ว) สนธิกำลังร่วมกันออกกวาดล้างจับกุมเด็กขอทานชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ
จากกการระดมกวาดล้าง สามารถจับกุมเด็กขอทาน และเด็กเร่ร่อนชาวเขมรในตลาดโรงเกลือได้ทั้งหมดจำนวน 87 คน เป็นเด็กชายชาวเขมร 47 คนเด็กหญิง 35 คน และผู้ใหญ่เป็นชาย 1 คน หญิง 4 คน ไม่มีเอกสารการเดินทางเข้าประเทศแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาทำการตรวจสอบที่ห้องกักกันบุคคลต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีนายธนกิจ สายสินธุ์ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำอุปกรณ์การแพทย์มาร่วมตรวจร่างกาย
จากการตรวจร่างกาย พบมีเด็กชาวเขมรอายุระหว่าง 1-10 ปี จำนวน 8 คน เป็นเด็กชาย 6 คน เด็กหญิง 2 คน มีอาการเป็นไข้ความร้อนขึ้นสูงเกินกว่า 39 องศา บางคนมีน้ำมูกไหลตลอดเวลา จนท.จึงทำการคัดแยกออกมาแล้วนำตัวไปผลักดันส่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกัมพูชา ประจำปอยเปต นำไปตรวจร่างกาย และตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลปอยเปต ฝั่งประเทศกัมพูชา
ส่วนเด็กชาวเขมรที่เหลือ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามทำประวัติ ก่อนนำไปผลักดันกลับประเทศที่บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้วต่อไป
พ.ต.ท.สมศักดิ์ เจียมกรกต สว.ตม.จว.สระแก้ว เผยว่า นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สระแก้ว เข้มงวดในการตรวจเด็กชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้าประเทศไทย พร้อมทั้งสั่งห้ามเด็กชาวเขมรที่ไม่มีผู้ปกครองเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างเด็ดขาดตลอดแนวชายแดน