รองโฆษกรัฐบาลอ้างข้อมูลบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชี้อีก 3 เดือนราคาข้าวจะสูงขึ้น ฉะทีดีอาร์ไอ-ปชป.ชอบโจมตีโครงการจำนำข้าว ยันรัฐบาลเดินหน้าต่อแน่ ส่วนเรื่องทุจริตโยนให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในเอเชีย บริษัท ฟิทช์ เรตติ้งส์ คาดหมายว่า ราคาข้าวในเอเชียจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีกถึง 10% ภายในระยะ 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากปริมาณที่ตึงตัว บางประเทศเริ่มรับมือกับแนวโน้มข้าวปรับราคาสูงด้วยการซื้อข้าวเข้าสต๊อกเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งอินโดนีเซียที่เริ่มซื้อข้าวเข้าสต๊อกสำรอง ขณะที่ฟิลิปปินส์ก็ส่งเสริมให้เอกชนนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น ผู้ค้าและนักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ข้าวหักเกรด 5% ของไทย ซึ่งเป็นข้าวสารคุณภาพดี ที่ปัจจุบันราคา อยู่ที่ประมาณตันละ 565 ดอลลาร์สหรัฐ (ราคา FOB) จะทะยานขึ้นเหนือตันละ 600 ดอลลาร์สหรัฐ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า (เข้าใกล้สถิติสูงสุดที่เคยทำไว้ตันละ 650 ดอลลาร์เมื่อเดือน พ.ย. 2554)
“ข้อมูลแบบนี้เรามักไม่ค่อยได้เห็นออกมาจากนักวิชาการทีดีอาร์ไอ ผู้ส่งออกข้าว หรือจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่างจากรัฐบาลที่มองตลอดว่าไทยควรจะต้องช่วงชิงความได้เปรียบในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ เป้าหมายคือจะทำให้ตลาดเป็นของผู้ขาย สามารถกำหนดราคาเองได้ และรัฐบาลมั่นใจว่าตราบที่เรายืนหยัดอยู่ข้างเกษตรกร บวกกับความมั่นใจในแนวโน้มทางการตลาดที่จะส่งผลดีกับราคาข้าวของไทยในอนาคต ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องสูญเสียความมั่นใจ ในการเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไป”
ส่วนการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว หากพบพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อโกง หรือร่วมกันทุจริตการรับจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาล จะออกใบประทวนปลอม โกงน้ำหนัก หรือหลอกลวงเกษตรกรเรื่องความชื้น ทั้งที่ไม่มีเครื่องตรวจความชื้น ทำให้เกษตรกรเสียเปรียบ ถูกกดราคาในการรับจำนำข้าว สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ก็ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตว่าใครทุจริต หรือกระทำผิด หากเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐจะได้ส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อไป ซึ่งในส่วนของการเฝ้าระวังระดับประเทศ มีจุดรับจำนำข้าวมากกว่า 805 จุด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งการให้ตำรวจเข้าควบคุมดูแลจุดละ 5 นาย รวมใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด 4,000 นาย เรียกว่าพบทุจริตที่ไหนก็จับที่นั่น