xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ให้ กมธ.ลุยโรงสี จับโกงจำนำข้าว จี้คำ “โต้ง” ขาดทุน 6 หมื่นล้าน รบ.อยู่ไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รมช.พาณิชย์เงาพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
“หมอวรงค์” ปลุก “บุญทรง” เข้าใจคำว่าสวมสิทธิจำนำข้าวหรือไม่ อัด รบ.ขยับช้า เหลืออีก 1 เดือนเพิ่งสอบทุจริต ไม่เชื่อมือ ตร.-ดีเอสไอ มอบ กมธ.บุกโรงสีลุยสอบทุจริต ซัดดีเอสไอข้อมูลมั่ว หลังพบโกงทั่วทุกภาค ชี้ รบ.มีเอี่ยวเพราะทำในนามรัฐฯ เตรียมแฉในสภามีเวียนเทียนข้าวในโกดัง รบ. ย้อนถาม “กิตติรัตน์” บอกขาดทุนเกิน 6 หมื่นล้าน พรรค พท.อยู่ไม่ได้ หลัง ธ.ก.ส.-ทีดีอาร์ไอ เผยขาดทุนเกือบแสนล้าน

วันนี้ (8 ส.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รมช.พาณิชย์เงาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล โดยตำหนินายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่ออกมาระบุว่าไม่มีการสวมสิทธิข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านในโครงการนี้ ตนไม่เข้าใจว่านายบุญทรงเข้าใจคำว่าการสวมสิทธิหรือไม่ หรือกำลังนอนหลับอยู่หรือเปล่าจึงไม่รู้ว่ามีการสวมสิทธิจำนำข้าว เพราะเท่าที่ตรวจสอบมีการสวมสิทธิกระจายในหลายพื้นที่ จึงอยากเรียกร้องว่าก่อนสัมภาษณ์ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ไม่เช่นนั้นจะได้ข้อมูลที่ผิดพลาดทำให้นโยบายจำนำข้าวของรับบาลเดินหน้าอย่างล้มเหลว

ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ประชุมตำรวจและดีเอสไอเพื่อติดตามปัญหาการทุจริตจำนำข้าวนั้น นพ.วรงค์กล่าวว่า ตนรู้สึกแปลกใจว่าทำไมรัฐบาลขยับเรื่องนี้ช้ามาก ทั้งที่เริ่มโครงการตั้งแต่ตุลาคมปี 2554 จนถึงขณะนี้เหลืออีกเพียงเดือนเดียวใกล้จะปิดโครงการในปี 2555 เพิ่งจะเข้ามาตรวจสอบ โดยปล่อยให้การทุจริตเกิดขึ้นสำเร็จไปแล้ว และตนไม่เชื่อว่าตำรวจกับดีเอสไอจะเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ เพราะนโยบายนี้เป็นของรัฐบาลหากพบการทุจริตจริงรัฐบาลคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบและจะเสียชื่อด้วยเนื่องจากเป็นเจ้าของโครงการจำนำข้าว

นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า พรรคจึงมอบหมายให้คณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่มีนายชนินทร์ รุ่งแสง เป็นประธาน ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีข้าว ซึ่งในวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคมนี้จะลงพื้นที่ครั้งแรกที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งเป้าจะตรวจสอบ 3-4 โรงสีที่เข้าร่วมโครงการกับรัฐบาล จากนั้นในทุกสัปดาห์ กรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจจะลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีและโกดังข้าว โดยเฉพาะโกดังข้าวหอมมะลิในจังหวัดต่างๆ ทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ เพื่อหาข้อมูลข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับรู้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น

นพ.วรงค์ยังแสดงความแปลกใจต่อข้อมูลของดีเอสไอที่ระบุว่ามีการทุจริตเฉพาะที่นครนายก และกาญจนบุรี โดยไม่ทราบว่าใช้ข้อมูลจากส่วนไหน เพราะจากการลงพื้นที่พบว่าการทุจริตกระจายไปทั่วทุกภาคทั้งภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง ซึ่งในระหว่างที่นั่งประชุม ครม.เงาของพรรคก็มีประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานก็มีคนแฟกซ์ข้อมูลมาให้เพิ่มเติม

ส่วนที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังระบุว่า หากมีการทุจริตก็เป็นเรื่องแค่ระดับปฏิบัติการนั้น นพ.วรงค์ย้ำว่า ทุกหน่วยงานที่ร่วมโครงการรวมทั้งโรงสีทำในนามรัฐบาล ถ้ามีการทุจริตรัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะต้องมีการส่งส่วยต่อเนื่องกันไป

“ผมกล้ายืนยันว่ามีการทุจริตมหาศาลมาก และกระจายไปทุกพื้นที่ ถ้าระดับปฏิบัติทุจริต คนที่อยู่เหนือขึ้นไปก็ต้องได้รับประโยชน์ด้วย ไม่เช่นนั้นการทุจริตก็คงเกิดขึ้นไม่ได้” นพ.วรงค์กล่าว

นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้พรรคยังมอบหมายให้กรรมาธิการเศรษฐกิจตรวจสอบในเชิงลึกเกี่ยวกับการระบายข้าวของรัฐบาลทั้งหมด เนื่องจากมีข้อมูลถึงการระบายข้าวแบบขาดทุนและไม่โปร่งใส แต่การเรียกข้อมูลก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะหน่วยงานราชการไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตว่าหากมีการระบายข้าวในช่วงนี้ให้ระมัดระวังว่าจะมีการหมุนเวียนนำเข้ามาเวียนเทียนไปสู่โกดังกลางของรัฐบาลในโครงการรับจำนำรอบต่อไป เพราะขณะนี้เราได้ข้อมูลเรื่องเหล่านี้แล้ว โดยยังมีการสวมสิทธิข้าวจากทั้งเขมร ลาว และ พม่า ที่ รมว.พาณิชย์ยังปฏิเสธเรื่องนี้ก็จะได้เห็นข้อมูลเหล่านี้ในสภาเอง

นพ.วรงค์กล่าวด้วยว่า ความผิดพลาดในระดับนโยบายจากโครงการจำนำข้าวเป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์จะต้องรับผิดชอบ เพราะเอกสารที่ชาวนาได้รับและเกิดการทุจริตขึ้นนั้นเป็นเอกสารทางราชการทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกิตติรัตน์เคยให้สัมภาษณ์ว่าหากโครงการจำนำข้าวขาดทุนเกิน 6 หมื่นล้านบาทที่พรรคประชาธิปัตย์เคยใช้ในโครงการประกันรายได้เกษตรกรพรรคเพื่อไทยก็อยู่ไม่ได้ ตอนนี้คิดว่าการขาดทุนในโครงการเกิน 6 หมื่นล้านหรือยัง นพ.วรงค์กล่าวว่า ทาง ธ.ก.ส.ก็ชี้แจงว่าตัวเลขการขาดทุนเกือบแสนล้าน ขณะที่ทีดีอาร์ไอก็สรุปตัวเลขขาดทุนใกล้เคียงกันคือ 9.5 หมื่นล้าน-แสนล้าน ซึ่งนายกิตติรัตน์คงอยู่ในภาวะน้ำท่วมปาก โดยจะได้มีการทวงสัญญาจากคำพูดของนายกิตติรัตน์ในสภาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น