วานนี้(7 ส.ค.55) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ 10 องค์กรต่างประเทศ ได้วิเคราะห์โครงการรับจำนำข้าว ว่าจะทำให้เกิดปัญหาต่อประเทศไทยอย่างมากว่า มีการประเมินว่าในปีหน้าวงเงินกู้ของรัฐบาลที่จะกู้ได้ไม่เกิน 20เปอร์เซ็นต์ของวงเงินงบประมาณ หรือประมาณ 4.8 แสนล้านบาท จะไม่เพียงพอที่จะเหลือให้หน่วยงานอื่นได้ใช้เลย ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงได้ขยายการกู้เงินในโครงการจำนำข้าวเป็นรายปี ถือเป็นงบผูกพันกู้เจ๊งจำนำข้าว และหากเทียบเท่ากับเงินงบประมาณกับแท่งไอติม จะพบว่าจะมีเหลือถึงประชาชนเพียง 17เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงอยากถามว่าอีก 83 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ในมือใคร ถึงต้องกู้มาสร้างหนี้ให้ประเทศเจ๊งและล้มละลายขนาดนี้
"ขอเรียกร้องไปยังนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ว่าขอให้เปิดเผยราคาขายข้าวให้กับต่างประเทศ เพื่อพิสูจน์ว่าจะไม่ขาดทุนตามที่นายบุญทรงออกมายืนยัน ที่ผ่านมานายบุญทรง สร้างปรากฏการณ์แพงทั้งแผ่นดินมาแล้ว ต่อไปนี้จะสร้างปรากฏการณ์เจ๊งทั้งแผ่นดินจากโครงการจำนำข้าวหรือไม่ เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะเป็นนโยบายที่ทำลายกระบวนการพื้นฐานทางการเกษตรของประเทศไทย"นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวว่า ไม่เชื่อข้อมูลนายบุญทรง หลังออกมาระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวขาดทุนไม่มาก และการระบายข้าวจะทำได้โดยไม่ขาดทุน ทั้ง ๆ ที่ข้อมูลจากองค์กรระดับโลกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรฯสหรัฐอเมริกา องค์กรข้าวสากล สื่อต่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการในประเทศไทย ต่างก็เห็นว่า นโยบายจำนำข้าวจะสร้างปัญหาให้กับกระบวนการค้าข้าวไทยทั้งระบบ และยังทำลายระบบพื้นฐานการเกษตรของประเทศไทยด้วย โดยที่ผ่านมาผู้บริหารของ ธ.ก.ส.ก็ยอมรับว่ามีการประเมินว่าอาจขาดทุนจากโครงการนี้ถึง 1 แสนล้านบาท เท่ากับว่า นายบุญทรงทำให้ประเทศไทยเจ๊งทั้งแผ่นดิน หลังจากทำให้คนไทยต้องประสบภาวะ แพงทั้งแผ่นดินมาแล้ว จึงอยากให้นายบุญทรงตั้งหลักใหม่ ด้วยการไปคุย กับธ.ก.ส.ซึ่งผู้บริหารบอกแล้วว่าฤดูกาลที่ผ่านมาขาดทุนไม่ต่ำกว่าแสนล้าน
รวมถึงไปขอข้อมูลจากนายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ ที่ออกมายอมรับว่า เริ่มมีปัญหาในการกู้เงินเพื่อรองรับนโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดในฤดูกาลผลิต 2555/2556 เนื่องจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะมีข้อจำกัดว่าสามารถค้ำประกันเงินกู้ไม่เกินเพดาน 20% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย จึงต้องใช้วิธีกู้ข้ามปี ซึ่งจะเป็นภาระงบประมาณในปีถัดไปสะสมไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้เห็นว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เหลือวงเงินกู้ให้กับหน่วยงานอื่นเลย ต้องกู้แบบแบ่งเป็นรายปี เพื่อขยายวงเงินออกไป เป็นงบผูกพันเพื่อกู้มาเจ๊งกับโครงการจำนำข้าว ที่สำคัญคือผลวิจัยล่าสุดของทีดีอาร์ไอระบุว่า งบประมาณหลายแสนล้านที่ทุ่มไปกับโครงการนี้นั้นชาวนาได้ประโยชน์เพียงแค่ 17 % จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดรัฐบาลจึงไม่ทบทวนทั้งที่สร้างความเสียหายทั้งต่องบประมาณ มีการทุจริต และยังทำลายระบบค้าข้าวไทยด้วย
ด้านน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ ตนจะเข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สอบเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว โดยจะนำข้อมูลหลักฐานการเขียนวิเคราะห์ของ 10องค์กรต่างประเทศ เป็นเอกสารประกอบด้วย เพื่อให้คณะกรรมาธิการฯ บรรจุลงในระเบียบวาระ เพื่อเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง เพื่อให้มีการระงับยับยั้งโครงการนี้
ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่หลายฝ่ายอยากให้มีการทบทวนโยบายใหม่หลังเกิดการทุจริตจำนวนมากว่า ยังเชื่อมั่นว่านโยบายการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ดี เพราะต้องการยกระดับรายได้ของประชาชน โดยเฉพาะชาวนา แต่อาจมีปัญหาในขั้นตอนการปฏิบัติ ซึ่งต้องลงไปตรวจสอบว่าเป็นปัญหาในขั้นตอนไหน อย่างไร
"ทั้งนี้เราก็พยายามติดตามตรวจสอบข้อท้วงติง ข้อสังเกต และข้อห่วงใยของทุกฝ่าย และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงไปดูแล้ว"น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แถลงกรณีทุจริตจำนำข้าว ล่าสุด พบมีมูลการกระทำผิดเพิ่มเติมในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นภาคกลางและภาคอีสาน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ แต่ได้ตั้งทีมงานลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่นาน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 677 คน จากกองบัญชาการ 11 แห่งตามคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเอาจริงกับเรื่องนี้ อีกทั้งจากการที่ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ส่งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการจำนำข้าว ตนได้ส่งให้เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนที่จ.พิษณุโลก ไปดำเนินการทันที ซึ่งถ้าพบว่ามีพยานหลักฐานก็จับกุมได้เลย แต่ยืนยันว่ารัฐบาลเอาจริงในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้วเช่นกัน ขณะที่ปัญหาการจ่ายเงินเยียวยากับผู้ประสบภัยน้ำท่วมและการทุจริต ถ้ามีข้อมูลก็ขอให้แจ้งมา ตนจะไปดำเนินคดี.
"ขอเรียกร้องไปยังนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ว่าขอให้เปิดเผยราคาขายข้าวให้กับต่างประเทศ เพื่อพิสูจน์ว่าจะไม่ขาดทุนตามที่นายบุญทรงออกมายืนยัน ที่ผ่านมานายบุญทรง สร้างปรากฏการณ์แพงทั้งแผ่นดินมาแล้ว ต่อไปนี้จะสร้างปรากฏการณ์เจ๊งทั้งแผ่นดินจากโครงการจำนำข้าวหรือไม่ เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะเป็นนโยบายที่ทำลายกระบวนการพื้นฐานทางการเกษตรของประเทศไทย"นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวว่า ไม่เชื่อข้อมูลนายบุญทรง หลังออกมาระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวขาดทุนไม่มาก และการระบายข้าวจะทำได้โดยไม่ขาดทุน ทั้ง ๆ ที่ข้อมูลจากองค์กรระดับโลกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรฯสหรัฐอเมริกา องค์กรข้าวสากล สื่อต่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการในประเทศไทย ต่างก็เห็นว่า นโยบายจำนำข้าวจะสร้างปัญหาให้กับกระบวนการค้าข้าวไทยทั้งระบบ และยังทำลายระบบพื้นฐานการเกษตรของประเทศไทยด้วย โดยที่ผ่านมาผู้บริหารของ ธ.ก.ส.ก็ยอมรับว่ามีการประเมินว่าอาจขาดทุนจากโครงการนี้ถึง 1 แสนล้านบาท เท่ากับว่า นายบุญทรงทำให้ประเทศไทยเจ๊งทั้งแผ่นดิน หลังจากทำให้คนไทยต้องประสบภาวะ แพงทั้งแผ่นดินมาแล้ว จึงอยากให้นายบุญทรงตั้งหลักใหม่ ด้วยการไปคุย กับธ.ก.ส.ซึ่งผู้บริหารบอกแล้วว่าฤดูกาลที่ผ่านมาขาดทุนไม่ต่ำกว่าแสนล้าน
รวมถึงไปขอข้อมูลจากนายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ ที่ออกมายอมรับว่า เริ่มมีปัญหาในการกู้เงินเพื่อรองรับนโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดในฤดูกาลผลิต 2555/2556 เนื่องจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะมีข้อจำกัดว่าสามารถค้ำประกันเงินกู้ไม่เกินเพดาน 20% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย จึงต้องใช้วิธีกู้ข้ามปี ซึ่งจะเป็นภาระงบประมาณในปีถัดไปสะสมไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้เห็นว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เหลือวงเงินกู้ให้กับหน่วยงานอื่นเลย ต้องกู้แบบแบ่งเป็นรายปี เพื่อขยายวงเงินออกไป เป็นงบผูกพันเพื่อกู้มาเจ๊งกับโครงการจำนำข้าว ที่สำคัญคือผลวิจัยล่าสุดของทีดีอาร์ไอระบุว่า งบประมาณหลายแสนล้านที่ทุ่มไปกับโครงการนี้นั้นชาวนาได้ประโยชน์เพียงแค่ 17 % จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดรัฐบาลจึงไม่ทบทวนทั้งที่สร้างความเสียหายทั้งต่องบประมาณ มีการทุจริต และยังทำลายระบบค้าข้าวไทยด้วย
ด้านน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ ตนจะเข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สอบเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว โดยจะนำข้อมูลหลักฐานการเขียนวิเคราะห์ของ 10องค์กรต่างประเทศ เป็นเอกสารประกอบด้วย เพื่อให้คณะกรรมาธิการฯ บรรจุลงในระเบียบวาระ เพื่อเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง เพื่อให้มีการระงับยับยั้งโครงการนี้
ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่หลายฝ่ายอยากให้มีการทบทวนโยบายใหม่หลังเกิดการทุจริตจำนวนมากว่า ยังเชื่อมั่นว่านโยบายการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ดี เพราะต้องการยกระดับรายได้ของประชาชน โดยเฉพาะชาวนา แต่อาจมีปัญหาในขั้นตอนการปฏิบัติ ซึ่งต้องลงไปตรวจสอบว่าเป็นปัญหาในขั้นตอนไหน อย่างไร
"ทั้งนี้เราก็พยายามติดตามตรวจสอบข้อท้วงติง ข้อสังเกต และข้อห่วงใยของทุกฝ่าย และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงไปดูแล้ว"น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แถลงกรณีทุจริตจำนำข้าว ล่าสุด พบมีมูลการกระทำผิดเพิ่มเติมในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นภาคกลางและภาคอีสาน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ แต่ได้ตั้งทีมงานลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่นาน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 677 คน จากกองบัญชาการ 11 แห่งตามคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเอาจริงกับเรื่องนี้ อีกทั้งจากการที่ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ส่งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการจำนำข้าว ตนได้ส่งให้เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนที่จ.พิษณุโลก ไปดำเนินการทันที ซึ่งถ้าพบว่ามีพยานหลักฐานก็จับกุมได้เลย แต่ยืนยันว่ารัฐบาลเอาจริงในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้วเช่นกัน ขณะที่ปัญหาการจ่ายเงินเยียวยากับผู้ประสบภัยน้ำท่วมและการทุจริต ถ้ามีข้อมูลก็ขอให้แจ้งมา ตนจะไปดำเนินคดี.
