ผ่าประเด็นร้อน
เชื่อว่าอีกไม่นานโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องถูกนำมาประจานเปิดโปงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน เชื่อว่าฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์จะต้องนำมาขยายผล โดยเฉพาะจะต้องนำมาเป็นประเด็นหลักสำหรับการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกเหนือจากกรณีความล้มเหลวในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ผ่านมาโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นหนึ่งในนโยบายประชานิยมหลักที่สามารถสร้างคะแนนนิยมจนชนะเลือกตั้งพรรคคู่แข่งได้อย่างถล่มทลาย ซึ่งหากจะว่าไปแล้วก็เป็นเพียงแค่บลัฟฝ่ายตรงข้ามไปตายเอาดาบหน้าเหมือนกับโครงการค่าแรงวันละ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี รวมลดราคาน้ำมันทันทีลิตรละ 6-7 บาท แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้หรือไม่ก็ไม่ได้ทำอย่างที่พูดเอาไว้
หากแยกเฉพาะโครงการจำนำข้าวที่รัฐบาลประกาศเอาไว้เมื่อตอนหาเสียงว่าจะรับจำนำข้าวทุกเม็ดในราคาเกวียนละ 15,000 บาท แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในความเป็นจริงชาวนาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดสามารถจำนำได้จริงแค่เกวียนละ 8-9 พันบาทเท่านั้น เนื่องจากถูกพ่อค้าหรือเถ้าแก่โรงสีอ้างความชื้นเกิน 15 เปอร์เซ็นต์ และยังได้รับเงินล่าช้าอีกด้วย
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องการทุจริตสารพัดมีการนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์รับจำนำข้าวแทนชาวนาไทย ซึ่งแน่นอนว่าผลประโยชน์ล้วนไปตกกับพ่อค้าและโรงสีที่ได้รับโควตาจากรัฐบาล และที่สำคัญเมื่อมีการรับจำนำแบบทุกเม็ดนั่นก็หมายความว่าต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งสองฤดูกาลที่ผ่านมาธนาคารสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ใช้เงินไปแล้วนับแสนล้านบาท จนปีนี้มีผู้บริหารออกมาประกาศว่าธนาคารเริ่มขาดสภาพคล่อง ทำให้มีข่าวว่ารัฐบาลจะหันไปใช้บริการของธนาคารออมสินมาเสริม
ความล้มเหลวของโครงการรับจำนำข้าวได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่นานมานี้สมาคมผู้ส่งออกข้าวได้ออกมาแถลงว่าไทยได้เสียแชมป์การส่งออกข้าวให้กับประเทศอินเดียและเวียดนามตามลำดับ โดยยอดการส่งออกข้าวของไทยในรอบ 6 เดือนแรกของปีถดถอยลงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และยังมีแนวโน้มถดถอยลงไปเรื่อยๆ ส่วนสำคัญมีสาเหตุมาจากข้าวไทยมีต้นทุนสูง มีราคาแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านจนต้องเสียตลาดไปในที่สุด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม นักวิชาการเกียรติคุณจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวมานานอย่าง อัมมาร สยามวาลา ได้เรียกร้องให้รัฐบาลยุติโครงการดังกล่าวทันที เนื่องจากเหตุผลเดียวคือชาวนาไม่ได้ประโยชน์ เกิดการทุจริตกันอย่างมโหฬาร และสองฤดูกาลที่ผ่านมารัฐสูญเสียงบประมาณไปแล้ว 2-3 แสนล้านบาท
ในเวลาต่อมา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ได้ออกมายอมรับแล้วว่าโครงการจำนำข้าวมีการทุจริตจริง แต่ยืนยันว่าเป็นเพียงส่วนน้อย และเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อไป พร้อมทั้งมั่นใจว่าราคาข้าวจะสูงขึ้นและชาวนาได้ประโยชน์
คำพูดของ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลประกาศเดินหน้าไม่สนใจเสียงทัดทานจากทุกฝ่าย ส่วนหนึ่งมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่านโยบายจำนำข้าวถือเป็นนโยบายหลัก ถ้าถอยหลังนั่นก็หมายถึงความล้มเหลวไม่เป็นท่าของรัฐบาล จึงต้องดันทุรังเดินหน้าไปเรื่อยเปื่อย ทั้งที่หายนะรออยู่ข้างหน้า หายนะที่ว่านั่นคือโอกาสที่ ธ.ก.ส.จะเจ๊งก็มีสูง ชาวนาขาดทุนมากขึ้นกว่าเดิม
สรุปโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ถือว่าเป็นนโยบายประชานิยมหลักต้องการหาเสียงหาคะแนนนิยมจากชาวนา จากการประเมินจากหลายฝ่ายทั้งในและต่างประเทศในระดับผู้เชี่ยวชาญชี้ออกมาตรงกันว่าหากรัฐบาลยังดึงดันเดินหน้าต่อไปก็จะยิ่งทำให้เกิดความสูญเสียทางด้านงบประมาณจำนวนมหาศาล ก่อหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น
แน่นอนว่าในปีถัดไป ฤดูกาลถัดไปก็ยิ่งเกิดหายนะมากขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะทั้งเม็ดเงินที่ต้องทุ่มลงไป ขณะที่สต๊อกข้าวที่เก็บเอาไว้เมื่อปีก่อนก็เริ่มเสื่อมคุณภาพและสูญเปล่าขายไม่ได้ หรือขาดทุน นี่แหละถึงเรียกว่าหายนะกันทั่วหน้า!!