“ยุทธศักดิ์” เผยประชุมศูนย์แก้ปัญหาภาคใต้พรุ่งนี้จะยังไม่มีการหารือถึงการประกาศเคอร์ฟิว แค่เสนอแผนปฏิบัติการใหม่ให้นายกฯ พิจารณา เน้นหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงใช้แผนการทำงานให้เป็นทิศทางเดียว และข่าวกรองต้องตรงกัน ดึงบัวแก้วแจงสถานการณ์ให้ต่างชาติรับทราบ พร้อมหนุนแนวคิด “พัลลภ” ขาบู๊ ให้ทหารรบแบบกองโจร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ให้สัมภาษณ์"
วันนี้(7 ส.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าพบเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้เชิญทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มาชี้แจงแผนที่จะประชุมเชิงปฎิบัติการเกี่ยวกับการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ทั้งหมดว่าในแต่ละหน่วยงานมีการร่างแผนอย่างไร และจะมีการประสานทั้งสองหน่วยงานให้มีแผนการทำงานไปในทิศทางเดียวกันอย่างไร จากนั้นจะมีการร่างแผนขึ้นมาใหม่เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเห็นชอบ และจะนำมาประชุมกันในช่วงบ่ายของวันที่ 8 ส.ค.นี้ หลังจากนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วจะชี้แจงให้สื่อได้รับทราบ
ส่วนแผนที่ร่างขึ้นนี้จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงปฏิบัติอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ยกตัวอย่างในเรื่องการข่าวเราจะมีการข่าวที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ใช่การข่าวที่ไม่เหมือนกันอย่างที่ผ่านมา และจะมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น และในระดับศูนย์กลางจะมีส่วนประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวให้ทราบถึงขั้นตอนต่างๆ ที่เป็นข่าวเดียวกันและรวดเร็วขึ้น การดำเนินการข่าวระหว่างในพื้นที่กับศูนย์ข่าวที่อยู่ในกรุงเทพฯจะมีการประสานงานและติดต่อกันด้วยความรวดเร็ว
ส่วนการทำงานของหน่วยเหนือหรือหน่วยงานสำคัญต่างๆ เช่น กระทรวงต่างๆ ที่หน่วยปฏิบัติยังประสานงานหรือขอร้องไม่ได้ ทางศูนย์จะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ให้อีกครั้งเพื่อให้เกิดความกระชับและรวดเร็ว พร้อมให้ทุกหน่วยงานลงไปอยู่ในพื้นที่พร้อมๆ กันอย่างที่เคยทำ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ ต่อไปจะต้องเข้ามาทำงานมากขึ้น เพราะขณะนี้เรื่องสถานการณ์ข่าวในจังหวัดภาคใต้เราทราบว่าเป็นที่สนใจและติดตามในต่างประเทศมาก ต่อไปนี้กระทรวงการต่างประเทศต้องเข้ามาเป็นปากเป็นเสียงของประเทศไทย เป็นผู้ชี้แจงแทนรัฐบาล เป็นต้น ทั้งนี้เป็นการทำงานให้เกิดการบูรณาการและกระชับยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการพูดคุยถึงการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เป็นเพียงแนวความคิด ยังไม่ได้ปฎิบัติ และการประชุมในวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) ก็จะไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งการจะประกาศใช้เคอร์ฟิวเป็นเรื่องของหน่วยปฏิบัติที่จะเสนอในการประกาศใช้ แต่หากฝ่ายปฎิบัติไม่เสนอมาสู่ระดับนโยบายก็คงไม่สั่งการลงไป
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวด้วยว่า การประชุมเมื่อวานนี้ (6 ส.ค.) ยังได้มีการมองเรื่องงบประมาณของแต่ละกระทรวงที่ขอไว้ในการทำงานในภาคใต้ด้วย เพราะเราจะไม่ให้งบประมาณถูกเปลี่ยนแปลงในงบประมาณปลายปี หรือใช้นอกพื้นที่ หากกระทรวงไหนของบประมาณมาสำหรับ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ต้องใช้ให้หมด ถ้าไม่หมดก็ต้องผูกพันไว้ หากไม่ผูกพันก็ต้องตัดงบประมาณเพื่อนำมาใช้เลย
อย่างไรก็ตาม งบประมาณของแต่ละกระทรวงที่จะใช้ในพื้นที่ภาคใต้นั้นมีอยู่แล้ว แต่เมื่อก่อนจะใช้ไม่หมดในบางครั้ง เมื่อเหลือก็จะปรับเป็นงบประมาณปลายปี แต่ปีนี้เราจะเชิญสำนักงบประมาณมาตรวจสอบเรื่องงบประมาณด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แผนดังกล่าวจะเป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า หลังจากที่นายกฯ สั่งการในการประชุมวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) จะเริ่มไปดำเนินการทันที และจะเริ่มทำงานทันทีเช่นกัน ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะเป็นตัวประเมินผลงานแต่ละหน่วยงานที่ลงไปทำงานในพื้นที่ โดยประเมินในแต่ละเดือน และรอบ 3 เดือน ถ้าหน่วยงานไหนยังทำงานไม่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ร่วมก็จะมีการผลักดัน พร้อมกับขับเคลื่อนไปยังกระทรวงนั้นเพื่อให้ทันกับยุทธศาสตร์ที่วางไว้
ส่วนที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เสนอให้ทหารรบรูปแบบกองโจรกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจังหวัดภาคใต้นั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เป็นแนวความคิดที่ถูกต้อง เพราะท่านผ่านอะไรมามากมีประสบการณ์สูง และภาพการดำเนินงานการปฏิบัติก็เป็นลักษณะนี้อยู่ด้วย ใช้วิธีการแบบเก่า ส่วนจะปฎิบัติได้หรือไม่ก็ต้องสอบถามจาก พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เพราะเป็นฝ่ายปฎิบัติ ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้วิธีการที่รุนแรง เพราะมีศูนย์อำนวยการบริหารชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ทำงานด้านการเมือง และการพัฒนาอยู่แล้ว โดยจะมีการใช้ ศอ.บต.ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อดึงมวลชนมาอยู่กับฝ่ายเราให้มากขึ้น
“8-9 ปีที่ผ่านมาไม่มีการใช้แผนนี้ และแผนที่เราจะใช้อยู่นี้คือแผนปิดช่องว่าง เพิ่มความกระชับ มีการเตรียมการผลักดันให้หน่วยได้เข้าไปทำงาน ให้บูรณาการสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ต่อไปนี้จะให้อำนาจแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความปลอดภัยภาคใต้ ซึ่งศูนย์นี้จะทำการประเมินการทำงานของแม่ทัพฯ”